ตอนที่ 607 เรื่องสำคัญ
ส่วนฮูหยินสองหลัวซื่อเสียใจกับการจากไปของแม่สามีฝูเหล่าไท่จวินจริงๆ
ทว่า นางไม่รู้จะเข้มแข็งได้อย่างแม่สามีและประคับประคองตระกูลต่อไปได้อย่างไร ในใจของนางเต็มไปด้วยความเศร้าโศก
ที่หลัวซื่อยังสามารถคุกเข่าอยู่ที่หอทำพิธีได้ในตอนนี้ล้วนเป็นเพราะการฝืนยืดหยัดเพื่อลูกชายทั้งสองของตน
ไป๋ชิงเหยียนไม่รู้ว่าหากดวงวิญญาณของฝูเหล่าไท่จวินเห็นภาพเช่นนี้ นางจะเสียใจสักเพียงใด
ไป๋ชิงเหยียนรู้สึกโชคดีที่ตอนที่ตระกูลไป๋เผชิญกับปัญหา ทุกคนในตระกูลไป๋เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน พวกนางถึงผ่านเคราะห์ครั้งนั้นมาได้
ซ่งซื่อได้รับคำสั่งจากสามีต่งชิงผิงให้เชิญไป๋ชิงเหยียนกลับไปที่จวนต่งให้ได้ เมื่อออกจากจวนฝู ซ่งซื่อจึงเชิญฮูหยินสองหลิวซื่อ ไป๋ชิงเหยียนและคุณหนูเจ็ดไป๋จิ่นเซ่อไปที่จวนต่ง
หลิวซื่อเห็นว่าไป๋ชิงเหยียนไม่ได้พบหน้าลุงของตัวเองนานแล้วจึงรับคำเชิญ กล่าวว่าขอไปรบกวนจวนต่งสักพัก
ซ่งซื่อรั้งไป๋ชิงเหยียนให้ขึ้นไปนั่งบนรถม้าคันเดียวกับตน บอกกับไป๋ชิงเหยียนว่าสามีของนางให้ไป๋ชิงเหยียนไปพบที่จวนต่งเพราะมีเรื่องต้องการสนทนาด้วย จากนั้นนางจึงถามไป๋ชิงเหยียนถึงเรื่องการเสียชีวิตของต่งฉางหลาน เรื่องสุขภาพของต่งเหล่าไท่จวิน สุดท้ายจึงถามถึงต่งถิงเจินบุตรสาวแท้ๆ ของตนเองที่อยู่ที่ซั่วหยางว่าได้ก่อปัญหายุ่งยากใจให้ไป๋ชิงเหยียนบ้างหรือไม่
“ท่านป้าสะใภ้ไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ ถิงเจินเป็นคนรู้ความ ท่านแม่ของข้ามีถิงเจินคอยอยู่เป็นเพื่อน นางมีความสุขมาก ข้าจึงอยากมาขออนุญาตท่านลุงและท่านป้าสะใภ้ให้ถิงเจินอยู่ที่นั่นต่ออีกสักพักเจ้าค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวยิ้มๆ
“ได้สิ! ดีเลย ถิงเจินอยู่กับท่านแม่ของเจ้า ข้าสบายใจมาก ขอแค่นางไม่สร้างปัญหาให้พวกเจ้าก็พอ…” ซ่งซื่อลูบมือเรียวเล็กของไป๋ชิงเหยียนอย่างแผ่วเบา เมื่อสัมผัสความหยาบกร้านที่ฝ่ามือของไป๋ชิงเหยียน ซ่งซื่อปวดใจขึ้นมาทันที
ทว่า ซ่งซื่อรู้ดีว่าตอนนี้ไป๋ชิงเหยียนเป็นคนประคับประคองตระกูลไป๋ การบอกให้ไป๋ชิงเหยียนพักผ่อนคือถ้อยคำที่ไร้ประโยชน์ นางจึงไม่ได้กล่าวออกไป ได้แต่ตบหลังมือของไป๋ชิงเหยียนเบาๆ
“ท่านป้าสะใภ้ เรื่องของถิงฟางมีการเข้าใจผิดกันเกิดขึ้นหรือไม่เจ้าคะ” ไป๋ชิงเหยียนถามหยั่งเชิง
“ล้วนกล่าวกันว่าบุตรสาวอนุของตระกูลต่งเจ้าแผนการ แม้ถิงฟางไม่ได้เติบโตมากับข้า อีกทั้งเจ้าแผนการไปสักหน่อย ทว่า นางไม่ใจกล้าถึงขนาดทำเรื่องเช่นนี้แน่นอน หลานสาวของตระกูลมารดาของฮูหยินฝูสนิทสนมกับถิงฟาง นางไม่อยากแต่งงานกับคุณชายคนโตของตระกูลฝูจึงคิดแผนการเช่นนี้ขึ้นมา!” ซ่งซื่อกล่าวถึงเรื่องนี้แล้วรู้สึกไม่สบอารมณ์ “สุดท้ายแล้วเรื่องกลับกลายเป็นว่าคุณหนูตระกูลต่งไม่มียางอาย! ก่อนหน้านี้ถิงฟางไปงานชมบุปผา นางถูกคนเยาะเย้ย ถิงหลานพลอยถูกเมินไปด้วย โชคดีที่ถิงหลานอายุยังน้อย กลับมาร้องไห้พักใหญ่ สักพักก็ลืมไป…”
ต่งถิงฟางไม่ใช่บุตรสาวแท้ๆ ของซ่งซื่อ ทว่า ในฐานะมารดาเอก ซ่งซื่อถือว่ามีความเมตตามากแล้ว นางไม่เคยใช้วิธีต่ำช้าทรมานหรือรังแกบุตรของอนุมาก่อน
สิ่งที่ทำให้ซ่งซื่อรู้สึกปวดใจมากที่สุดก็คือบุตรสาวของภรรยาเอกอย่างถิงเจินและถิงหลานของนางต้องมาพลอยเดือดร้อนไปด้วย วันหน้าหากพวกนางถึงวัยแต่งงาน ย่อมถูกผู้อื่นยกเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นข้อติฉิน ซ่งซื่อโมโหจนฉีกผ้าเช็ดหน้าขาดไปหลายผืน ทว่า ต่งถิงฟางกลับคิดฆ่าตัวตาย ซ่งซื่อจึงไม่อาจลงโทษนางสถานหนักได้
“ท่านป้าสะใภ้ ถิงฟางไม่อยากแต่งกับคุณชายตระกูลฝูตั้งแต่แรก หรือเพิ่งไม่อยากแต่งตอนตระกูลฝูเกิดเรื่องขึ้นเจ้าคะ” ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยถาม
ไป๋ชิงเหยียนไม่แน่ใจว่าต่งถิงฟางและคุณชายตระกูลฝูถูกจัดฉากด้วยกันทั้งคู่หรือต่งถิงฟางรู้เรื่องนี้อยู่ก่อนแล้ว ทว่า ปล่อยเลยตามเลยกันแน่…
นางต้องรู้ให้แน่ชัดก่อนว่าต่งถิงฟางคิดเช่นไรกันแน่จึงจะสามารถจัดการเรื่องนี้ได้อย่างเหมาะสม
บัดนี้คนในตระกูลต่งตั้งแต่ท่านยาย ไปจนถึงฉางหลานและฉางเม่าต่างกำลังวางแผนเพื่อการใหญ่ในภายภาคหน้า ไป๋ชิงเหยียนยินดีช่วยตระกูลต่งแก้ไขปัญหากวนใจอย่างสุดความสามารถของนาง
หากต่งถิงฟางอยากแต่งงานกับบุตรชายของครอบครัวบุตรคนโตของตระกูลฝูจริงๆ ไป๋ชิงเหยียนยินดีขอร้องให้องค์รัชทายาทปกป้องครอบครัวบุตรคนโตของตระกูลฝู วันหน้าหากถิงฟางแต่งงานออกไปนางจะได้มีคนสนับสนุน บุตรสาวมีชีวิตที่ดี ท่านลุงจะได้สบายใจ
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวเช่นนี้ ซ่งซื่อจึงเข้าใจความหมายของไป๋ชิงเหยียนในทันที นางบีบมือของไป๋ชิงเหยียน ส่ายหน้าพลางกล่าวขึ้น “หากถิงฟางต้องแต่งออกไป นางห้ามมีความคิดว่าไม่อยากแต่งงานเด็ดขาด! หากตระกูลต่งไม่อยากถูกผู้อื่นว่าร้าย ถิงฟางห้ามมีความคิดอยากแต่งงานกับคุณชายตระกูลฝูเด็ดขาด!”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า ที่แท้ท่านป้าสะใภ้ของนางเข้าใจเรื่องทุกอย่างดี ทว่า นางแค่อยากรักษาหน้าของคนทั้งตระกูลต่งไว้เท่านั้น ดังนั้นนางจึงหลอกแม้แต่ตัวเองว่าต่งถิงฟางถูกจัดฉากใส่ร้าย
ดังนั้นตอนนี้ตระกูลฝูเกิดเรื่องขึ้น ต่งถิงฟางคงไม่อยากแต่งงานกับบุตรชายของครอบครัวบุตรชายคนโตของตระกูลฝูแล้ว
“ท่านลุงและท่านป้าสะใภ้รู้เรื่องนี้ดีแก่ใจแล้ว เหยียนคงไม่ต้องกล่าวให้มากความอีกเจ้าค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับซ่งซื่อยิ้มๆ
ซ่งซื่อพยักหน้า “ท่านลุงของเจ้าเห็นว่าในเมื่อตกลงหมั้นหมายกับตระกูลฝูไปแล้ว เราก็ไม่ควรถอนหมั้นในตอนที่ตระกูลฝูกำลังเผชิญกับปัญหาเช่นนี้ เช่นนี้จึงจะกอบกู้ชื่อเสียงของสตรีตระกูลต่งกลับคืนมาได้ วันหน้าหากน้องถิงเจินและน้องถิงหลานของเจ้าแต่งงานจะได้ไม่ต้องรับผลกระทบจากเรื่องครั้งนี้ ทว่า ครอบครัวบุตรชายคนโตของตระกูลฝูเดือดร้อนกับเรื่องนี้ด้วย การหมั้นหมายก็คงกลายเป็นโมฆะ คนอยู่ การแต่งงานยังอยู่ หากคนไม่อยู่แล้ว ผู้อื่นก็คงไม่อาจว่าร้ายตระกูลต่งได้ ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับโชคชะตาของตระกูลฝู!”
ซ่งซื่อสารภาพทุกอย่างกับไป๋ชิงเหยียนอย่างหมดเปลือก ต่งชิงผิงและซ่งซื่อมีแผนรับมือแล้ว ไป๋ชิงเหยียนไม่จำเป็นต้องไปขอร้ององค์รัชทายาทแทนตระกูลต่งอีก
ต่งถิงฟางเป็นคนเลือกทางเดินนี้เอง นางต้องเดินต่อไปให้ได้ เช่นเดียวกับต่งถิงเจินในตอนนั้น หากนางยืนกรานจะแต่งงานกับเหลียงอ๋องให้ได้ ตระกูลต่งจะถือเสียว่าไม่เคยมีบุตรสาวอย่างนางมาก่อน บุตรสาวของภรรยาเอกเป็นเช่นนี้ บุตรสาวอนุก็เช่นเดียวกัน
ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นที่เติงโจว ในเมื่อท่านน้าชายและท่านยายไม่ได้อธิบายเรื่องการเสียชีวิตของต่งฉางหลานให้ท่านลุงเข้าใจในจดหมาย ไป๋ชิงเหยียนจึงไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้
เมื่อถึงจวนต่ง ต่งชิงผิงให้คนเชิญไป๋ชิงเหยียนเข้าไปในห้องตำราเพื่อเล่นหมากกับเขาพลางสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้นที่เติงโจว
ผมบนศีรษะของต่งชิงผิงขาวมากขึ้นเพราะการเสียชีวิตของหลานชายอย่างต่งฉางหลาน เขาวางหมากในมือลงในกระดาน จากนั้นเอ่ยขึ้น “เมื่อได้รับข่าวของฉางหลาน ท่านยายของเจ้าบอกในจดหมายว่าไม่ต้องกลับไป กลัวว่าฉางหยวนจะทราบเรื่องแล้วส่งผลกระทบต่อการสอบของเขาในปีหน้า”
เมื่อได้ยินข่าวจากเติงโจว ต่งชิงผิงจึงขังต่งฉางหยวนให้อ่านทบทวนตำราอยู่แต่ในจวนไม่ให้ออกไปด้านนอก สั่งให้บ่าวรับใช้ในจวนปิดปากให้สนิท ห้ามแพร่งพรายเรื่องของต่งฉางหลานให้ต่งฉางหยวนทราบเป็นอันขาด ดังนั้นต่งฉางหยวนจึงยังไม่รู้เรื่องนี้
“ท่านลุง หรงเจี๋ยภรรยาของฉางหลานกำลังตั้งครรภ์เจ้าค่ะ ท่านลุงอย่าเสียใจมากจนส่งผลกระทบต่อร่างกายนะเจ้าคะ” ไป๋ชิงเหยียนวางหมากในกระดาน
สายตาของต่งชิงผิงหยุดอยู่ที่บ่าวรับใช้คนสนิทซึ่งยืนอยู่นอกห้อง เขาสั่งให้คนสนิทไปเปลี่ยนน้ำชามาใหม่
เมื่อคนจากไป ต่งชิงผิงจึงกล่าวกับไป๋ชิงเหยียนเสียงเบา “ข้าได้ยินเสนาบดีกรมขุนนางกล่าวว่าก่อนฮ่องเต้จะทรงพลัดตกจากหลังม้า ฮ่องเต้ทรงเรียกเขาไปพบเป็นการส่วนพระองค์ พระองค์ทรงต้องการใช้เรื่องการกบฏขององค์ชายรองและหลี่เม่าในตอนนั้นเป็นข้ออ้างในการปลดหลี่เม่าออกจากตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้าย เลื่อนให้อัครมหาเสนาบดีหลู่เซียงเป็นราชครูขององค์รัชทายาท ทรงต้องการเลียนแบบแคว้นเว่ย สร้างระบบเน่ยเก๋อ[1] ขึ้นมาเพื่อเพิ่มอำนาจให้จักรพรรดิ ต่อมาเมื่อพิสูจน์ได้ว่าจดหมายลายมือของหลี่เม่าคือจดหมายฉบับปลอม ฮ่องเต้ทรงไม่เรียกตัวหลี่เม่ากลับมาในราชสำนักเสียที ต่อมาก็เกิดเรื่องที่พระองค์พลัดตกจากหลังม้า…”
ไป๋ชิงเหยียนเลิกคิ้วสูง นึกไม่ถึงว่าฮ่องเต้ที่มัวเมาอยู่แต่เรื่องยาวิเศษและสตรีจะมีแก่ใจคิดทำเรื่องจริงจังและสำคัญด้วย
[1] เน่ยเก๋อ เป็นองค์กรในระบบราชการของจีนในช่วงราชวงศ์หมิง ถือเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในการปกครองของระบบขุนนาง เมื่อจัดตั้งเน่ยเก๋อขึ้น ตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีจะถูกยกเลิก องค์กรนี้มีฐานะเหนือหกกรม สมาชิกผู้อาวุโสสูงสุดของเน่ยเก๋อเรียกว่า โส่วฟู่