ตอนที่ 643 อนาคตกว้างไกล
หากฮองเฮายังมีชีวิตอยู่ในวังหลวง แม้ถงกุ้ยเฟยมารดาแท้ๆ ขององค์รัชทายาทจะได้ควบคุมวังหลัง ทว่า ก็ยังไม่ได้ควบคุมโดยชอบธรรมอยู่ดี องค์รัชทายาทไม่มีทางปล่อยให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ไป๋ชิงเหยียนมีแผนการในใจอยู่แล้ว ทว่า กลับกล่าวออกมาอย่างยุติธรรม ราวกับฝูรั่วซีไม่ได้รับความเป็นธรรมจริงๆ
ฝูรั่วซีได้ยินเช่นนี้จึงกำหมัดที่แนบอยู่ข้างลำตัวแน่น รู้ดีว่าไป๋ชิงเหยียนกำลังช่วยเขาอยู่
การสอบสวนพร้อมกับฮองเฮาทำให้ฝูรั่วซีรู้สึกมีชนักติดหลัง ทว่า ยิ่งรู้สึกเช่นนั้นก็ยิ่งไม่อาจแสดงออกมาได้ มิเช่นนั้นเขาจะทำผิดต่อมารดาผู้ล่วงลับไปแล้วของตัวเอง ทำผิดต่อไป๋ชิงเหยียนที่อุตส่าห์ช่วยเขาเอาไว้
ฝูรั่วซีหลับตาลง ตอนที่ฮองเฮาส่งคนมาสังหารเขา เขาตัดความสัมพันธ์กับนางอย่างเด็ดขาดแล้ว หลายปีมานี้เขาถูกฮองเฮาหลอกใช้ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ถือว่าเขาชดเชยความผิดให้นางไปหมดแล้ว
บัดนี้ถึงคราวที่ฝูรั่วซีต้องทำผิดต่อฮองเฮาเพื่อปกป้องลูกเมียของตัวเองและตระกูลฝูเอาไว้บ้างแล้ว…
“แค่กๆๆ …” ฮ่องเต้ได้ยินคำว่าฮองเฮาจึงไอออกมาสองสามครั้ง องค์รัชทายาทรีบลุกขึ้นไปลูบหลังให้ฮ่องเต้ เกาเต๋อเม่าวางกระโถนลงตรงหน้าฮ่องเต้ หมอหลวงหวงรีบเข้าไปตรวจชีพจรของฮ่องเต้เช่นเดียวกัน
ฮ่องเต้รีบโบกมือ สูดลมหายใจเข้าลึก หน้าอกที่สั่นไหวอย่างรุนแรงค่อยๆ สงบลง เขามองไปทางองค์รัชทายาทพลางกล่าวขึ้น “องค์รัชทายาทมีความเห็นเช่นไร”
“ในเมื่อเสด็จพ่อทรงทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นหมดแล้วและเสด็จพ่อก็ทรงเชื่อว่าแม่ทัพฝูบริสุทธิ์ ลูกคิดว่าหากเสด็จพ่อต้องการสอบสวนเสด็จแม่ เสด็จพ่อควรสอบสวนนางตามลำพังตอนที่พวกเราไม่อยู่ด้วยพ่ะย่ะค่ะ” องค์รัชทายาทหันไปทางฮ่องเต้ เมื่อเห็นฮ่องเต้พยักหน้าเห็นด้วยกับคำกล่าวของตน องค์รัชทายาทรีบเข้าไปประคองให้ไป๋ชิงเหยียนลุกขึ้น จากนั้นกล่าวเสียงเบา “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับภาพลักษณ์ของราชวงศ์ พวกเราควรจัดการกันเพียงในครอบครัว แม่ทัพฝูคือคนนอก ให้เขาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยคงไม่เหมาะสมสักเท่าใดนัก”
องค์รัชทายาทกล่าวว่าเรื่องนี้คือเรื่องของ ‘คนในครอบครัว’ เพราะต้องการกระชับความสัมพันธ์กับไป๋ชิงเหยียน ให้ไป๋ชิงเหยียนรับรู้ว่าเขาไม่ได้มองหญิงสาวเป็นคนนอก
“องค์รัชทายาทกล่าวมีเหตุผลเพคะ” ไป๋ชิงเหยียนถอยหลังไปหนึ่งก้าว จากนั้นก้มศีรษะให้องค์รัชทายาทอย่างนอบน้อม
สายตาขององค์รัชทายาทหยุดอยู่ที่แขนข้างที่สั่นไม่หยุดของไป๋ชิงเหยียน รีบเอ่ยขึ้น “ให้หมอหลวงตรวจแขนของเจ้าก่อนเถิด! ครั้งนี้เจ้าสร้างความดีความชอบครั้งยิ่งใหญ่ เสด็จพ่อต้องพระราชทานรางวัลให้เจ้าอย่างงามแน่นอน ตรวจแขนเสร็จ เจ้ารีบกลับไปพักผ่อนก่อน เรื่องที่เหลือปล่อยให้ผู้อื่นจัดการเถิด”
ฮ่องเต้มองไปทางเสด็จป้าของตัวเองที่ผมขาวโพลนและใบหน้าอิดโรย ใจของเขาอ่อนยวบลงทันที รีบกล่าวขึ้น “ช่วงที่เราสลบไม่ได้สติหลายวัน ลำบากท่านราชครูถานและเสด็จป้าแล้ว เมื่อวานเสด็จป้าเสียสละเข้าวังมาปกป้องเรา ลำบากท่านจริงๆ เสด็จป้าและองค์หญิงเจิ้นกั๋วรีบกลับไปพักผ่อนก่อนเถิด!”
องค์หญิงใหญ่และไป๋ชิงเหยียนรับคำอย่างพร้อมเพรียง
เสียงร้องไห้ของเหลียงอ๋องดังเข้ามาในตำหนักอีกครั้ง “เสด็จพ่อ ลูกไม่ทราบจริงๆ นะพ่ะย่ะค่ะ”
เหลียงอ๋องคือโอรสของฮ่องเต้ เขาใช้ดาบจ่อคอของตัวเองไม่ยอมจากไปพร้อมกับหน่วยตรวจเมือง เอาแต่ยืนร้องไห้อ้อนวอนฮ่องเต้อยู่กลางสายฝน ฟ่านอวี๋ไหวที่ถูกพาตัวไปทำแผลตรงระเบียงทางเดินตัดสินใจไม่ได้ จึงได้แต่คุกเข่าขอความเห็นจากฮ่องเต้ “ฝ่าบาท เหลียงอ๋องใช้ดาบจ่อคอของตัวเอง กล่าวว่าต้องการพบหน้าฝ่าบาท จะทรงให้กระหม่อมจัดการเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ”
แววตาขององค์หญิงใหญ่เยือกเย็น ก่อนหน้านี้นางมองเหลียงอ๋องผิดไปจริงๆ เหลียงอ๋องผู้นี้เอาตัวรอดได้เก่งมาก…
เหลียงอ๋องเติบโตขึ้นมาท่ามกลางการแก่งแย่งชิงดี เขารู้ดีว่าเวลาใดควรลดตัวอ้อนวอนผู้อื่น เขาสามารถทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเองได้มากกว่าผู้อื่น อดทนได้มากกว่าผู้อื่น รู้ดีว่าเวลาใดควรถ่อมตัว แม้จะกุมชัยชนะไว้ในมือแล้ว ทว่า หากยังไม่ถึงวันที่ได้ขึ้นครองบัลลังก์นั้นจริงๆ เขาไม่มีทางโผล่หางออกมาแน่ เขามักจะเหลือทางรอดที่ทำให้ผู้ที่มีอำนาจกว่าตนเห็นใจตนและปล่อยให้ตนมีโอกาสรอดให้ได้
เหลียงอ๋องโดดเด่นในข้อนี้มากกว่าฮ่องเต้และพี่น้องทุกคนของเขา
เหลียงอ๋องผู้นี้เกลียดชังตระกูลไป๋เข้ากระดูกดำ องค์หญิงใหญ่ไม่มีทางปล่อยให้คนเช่นนี้ได้ขึ้นครองบัลลังก์อย่างเด็ดขาด มิเช่นนั้นตระกูลไป๋คงไม่มีทางรอดอย่างแน่นอน
องค์หญิงใหญ่หันไปหาฮ่องเต้ “ฝ่าบาท เหลียงอ๋องกล่าวว่าไม่รู้เรื่องของเสียนอ๋องแม้แต่น้อย เขาใช้ดาบจ่อคอของตัวเองเพื่อขอเข้าพบฝ่าบาท ทว่า ตอนที่กองทัพหนานตูของเสียนอ๋องสู้รบกับหน่วยตรวจเมืองของใต้เท้าฟ่าน เหตุใดเหลียงอ๋องจึงไม่ใช้ดาบจ่อคอของตัวเองเพื่อขอร้องให้เสียนอ๋องหยุดทำเช่นนี้กันเพคะ! หากเหลียงอ๋องกล้าเสียสละเพื่อฝ่าบาทจริงๆ เหตุใดตอนนั้นเขาจึงไม่ยกดาบขึ้นมาใช้ชีวิตของตัวเองข่มขู่เสียนอ๋องกันเพคะ แม้เสียนอ๋องจะมีกำลังทหารอยู่ในมือ ทว่า หากไม่มีเหลียงอ๋อง เช่นนั้นเขาก็ไม่อาจยึดครองบัลลังก์ได้อย่างชอบธรรม ถึงแม้หนานตูจวิ้นจู่จะตั้งครรภ์บุตรของเหลียงอ๋อง ทว่า ฝ่าบาทยังมีโอรสพระองค์อื่นอยู่นะเพคะ”
ราชครูถานพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
องค์หญิงใหญ่เว้นวรรคชั่วครู่ จากนั้นกล่าวต่อด้วยเสียงจริงจัง “สิ่งนี้แสดงให้เห็นแล้วว่าเหลียงอ๋องก็คงหมายปองบัลลังก์ของฝ่าบาทเช่นเดียวกันเพคะ”
องค์รัชทายาทก้มหน้าซ่อนแววตาดีใจเอาไว้ หากเหลียงอ๋องตายไปอีกคน เขาจะได้หมดกังวล
เมื่อฮ่องเต้ได้ยินคำกล่าวขององค์หญิงใหญ่ สีหน้าของเขาเคร่งขรึมลงทันที จากนั้นไอออกมาอย่างรุนแรงอีกสองสามครั้ง “เกาเต๋อเม่า ถ่ายทอดคำสั่งจับตัวลูกเนรคุณไปขังไว้ในคุกใหญ่ หากมันอยากฆ่าตัวตายก็ปล่อยมันไป เราไม่เห็นจะได้ไม่ต้องหงุดหงิดใจอีก”
เกาเต๋อเม่าพยักหน้ารับคำ รีบเดินออกไปนอกตำหนัก จากนั้นถ่ายทอดคำสั่งของฮ่องเต้ให้ฟ่านอวี๋ไหวรับรู้ “ใต้เท้าฟ่านมอบหมายเรื่องนี้ให้ผู้อื่นจัดการต่อเถิด ท่านรีบกลับไปพักผ่อนดีกว่า”
เกาเต๋อเม่ามองดูร่างที่เปื้อนไปด้วยเลือด ตาข้างหนึ่งถูกหมอหลวงใช้ผ้าพันแผลพันไว้ของฟ่านอวี๋ไหวแล้วรีบกล่าวขึ้น
ฟ่านอวี๋ไหวพยักหน้า “ขอบพระคุณกงกงมากขอรับ”
สิ้นเสียงของฟ่านอวี๋ไหว ไป๋ชิงเหยียนประคององค์หญิงใหญ่เดินออกมาจากตำหนักพร้อมกับราชครูถาน ฟ่านอวี๋ไหวรีบเข้าไปทำความเคารพ “องค์หญิงใหญ่ องค์หญิงเจิ้นกั๋ว ท่านราชครูถาน!”
ผ้าพันแผลที่พันใหม่อีกรอบของฟ่านอวี๋ไหวเริ่มมีเลือดซึมออกมาอีกครั้งดวงตาอีกข้างเริ่มบวมก่ำขึ้นเช่นกัน เสื้อภายใต้ชุดเกราะเปียกฝนจนแนบสนิทไปกับลำตัว ฟ่านอวี๋ไหวดูสะบักสะบอมเป็นอย่างมาก
“ลำบากใต้เท้าฟ่านแล้ว! ใต้เท้าฟ่านได้รับบาดเจ็บควรรีบกลับไปพักผ่อนโดยเร็วที่สุด ฝ่าบาทส่งคนไปเชิญแม่ทัพหลิวหงมารับช่วงต่อแล้ว ใต้เท้าฟ่านกลับไปพักผ่อนให้เต็มที่เถิด” องค์หญิงใหญ่กล่าวจบ จากนั้นกล่าวต่อ “ฝ่าบาทไม่มีทางลืมความดีความชอบของใต้เท้า วันหน้าต้องพระราชทานรางวัลให้ใต้เท้าแน่นอน อนาคตของใต้เท้าต้องกว้างไกลแน่…”
ฟ่านอวี๋ไหวได้ยินประโยคนี้จึงรีบโค้งกายคำนับองค์หญิงใหญ่ ร่างทั้งร่างสั่นเทาด้วยความตื่นเต้น
คนเป็นขุนนางผู้ใดไม่อยากมีอนาคตที่ดี ไม่อยากมีตำแหน่งที่สูงส่งบ้าง
รองหัวหน้าหน่วยตรวจเมืองวิ่งเข้าไปหาเหลียงอ๋อง จากนั้นตะโกนลั่น “ฝ่าบาททรงมีรับสั่งให้จับกุมตัวเหลียงอ๋องไปขังคุก หากเหลียงอ๋องต้องการปลิดชีพตัวเองก็เชิญตามสบาย”
เหลียงอ๋องหน้าซีดเผือดทันทีที่ได้ยิน มือที่กำดาบอยู่ทิ้งลงข้างลำตัวทันที ขาสองข้างอ่อนแรง ทรุดตัวคุกเข่าลงบนพื้น น้ำตาไหลอาบหน้า แสดงบทบาทของคนขี้ขลาดได้อย่างสมจริงมาก
“เสด็จพ่อ ลูกถูกใส่ความพ่ะย่ะค่ะ! ลูกไม่รู้จริงๆ ว่าเสียนอ๋องจะกบฏพ่ะย่ะค่ะ ลูกแค่กลัวตายจึงไม่กล้าขัดขืน กลัวว่าเสียนอ๋องจะตัดศีรษะของลูกพ่ะย่ะค่ะ ลูกทราบดีว่าลูกทำให้เสด็จพ่อทรงขายหน้าแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
รองหัวหน้าหน่วยตรวจเมืองมองท่าทีอ่อนแอของเหลียงอ๋อง แววตาส่อแววดูถูกเล็กน้อย จากนั้นโบกมือขึ้น “เอาตัวไป!”