ตอนที่ 660 หน้าไม่อาย
หลูผิงเข้าใจว่าการทำเช่นนี้ทั้งสามารถแสดงความจงรักภักดีต่อองค์รัชทายาทและตักเตือนผู้ที่ส่งจดหมายให้ไป๋ชิงเหยียนก่อนที่คนผู้นั้นจะลงมือทำสิ่งใดได้ในคราวเดียวกัน
“ทว่า สืบอย่างชัดแจ้งเช่นนี้จะสืบได้หรือขอรับ คนผู้นั้นอาจจองห้องรับรองโดยไม่ลงนามหรือใช้นามปลอมก็ได้นะขอรับ” หลูผิงขมวดคิ้วแน่น
“คนผู้นี้ส่งจดหมายให้จวนองค์หญิงเจิ้นกั๋วทางประตูข้างโดยไม่แจ้งนามไว้ จวนองค์หญิงเจิ้นกั๋วต้องสืบเรื่องนี้อย่างแน่นอน หากเขาตั้งใจเชิญพวกเราจริงๆ เขาต้องทิ้งวิธีติดต่อกลับไว้แน่นอน” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว
“คุณหนูใหญ่กล่าวมีเหตุผล ข้าจะไปจัดการเดี๋ยวนี้ขอรับ!” หลูผิงจากไปทันที
โถงรับรองด้านหน้า มู่หรงลี่จิบชาไปอึกหนึ่งก็ได้ยินบ่าวรับใช้ของจวนไป๋รายงานว่าเซียวหรงเหยี่ยนมา…
มู่หรงลี่วางถ้วยชาลงบนโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน เขาเห็นท่านอาเก้าของตัวเองกำลังเดินสนทนากับผู้ดูแลจวนไป๋ตรงเข้ามาทางโถงรับรอง เยว่สือซึ่งอยู่ด้านหลังของเซียวหรงเหยี่ยนถือของบำรุงมามากมาย
ภายนอก มู่หรงลี่คือองค์ชายที่ต้าเยี่ยนส่งมาเป็นตัวประกันที่ต้าจิ้น เซียวหรงเหยี่ยนคือพ่อค้าที่ร่ำรวยที่สุดในใต้หล้า มู่หรงลี่ไม่ควรทำความเคารพเซียวหรงเหยี่ยนก่อน เมื่อคิดได้ดังนี้ มู่หรงลี่จึงนั่งลงตามเดิม
เซียวหรงเหยี่ยนยังไม่ทันก้าวเข้าไปในโถงรับรองก็เห็นมู่หรงลี่กำลังนั่งจิบชาอยู่ด้านใน ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก้าวเข้าไปทำความเคารพมู่หรงลี่ก่อน ”คาราวะองค์ชายลี่…”
มู่หรงลี่ลุกขึ้นยืน ก้มศีรษะให้เล็กน้อย วางท่าทีได้อย่างเหมาะสม “เซียวเซียนเซิงมาเยี่ยมองค์หญิงเจิ้นกั๋วเช่นกันหรือ”
“พ่ะย่ะค่ะ” เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวยิ้มๆ
“เซียวเซียนเซิง!” เมื่อไป๋จิ่นจื้อเดินมาถึงโถงรับรอง สาวน้อยทำความเคารพเซียวหรงเหยี่ยนก่อน “ไป๋จิ่นจื้อขอบพระคุณที่ก่อนหน้านี้เซียวเซียนเซิงยื่นมือช่วยเหลือตระกูลไป๋เจ้าค่ะ”
“เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น คุณหนูสี่กล่าวเกินไปแล้วขอรับ” เซียวหรงเหยี่ยนทำความเคารพกลับไป๋จิ่นจื้อ
“เซียวเซียนเซิงเชิญนั่งเจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นจื้อทักทายเซียวหรงเหยี่ยนเสร็จจึงหันไปทำความเคารพมู่หรงลี่ “องค์ชายลี่!”
“เกาอี้เซี่ยนจู่ ไม่ทราบว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วเป็นเช่นไรบ้าง” มู่หรงลี่เรียกไป๋จิ่นจื้อตามบรรดาศักดิ์ของนาง
“พี่หญิงใหญ่นอนหลับเกือบตลอดเวลาเพคะ มีตื่นขึ้นมาเป็นบางครา ทว่า บาดแผลสาหัสมากเพคะ…” ไป๋จิ่นจื้อกล่าวถึงตรงนี้ก็สะอื้นขึ้นมาทันที ไป๋จิ่นจื้อผายมือเชิญให้มู่หรงลี่นั่งด้วยรอยยิ้มขมขื่น “เชิญองค์ชายประทับเพคะ”
มู่หรงลี่พยักหน้า
ไป๋จิ่นจื้อนั่งลงด้วยท่าทีสงบนิ่งเลียนแบบท่าทีของไป๋ชิงเหยียน จากนั้นกล่าวขึ้น “ขอบพระคุณท่านทั้งสองที่มาเยี่ยมพี่หญิงใหญ่นะเจ้าคะ ทว่า ตอนนี้พี่หญิงใหญ่ยังไม่สามารถพบผู้ใดได้จริงๆ หวังว่าทั้งสองจะไม่ถือสานะเจ้าคะ”
“มิเป็นอันใด องค์หญิงเจิ้นกั๋วเพิ่งรักษาตัวได้เพียงห้าวัน ย่อมต้องพักรักษาตัวบนเตียงอีกสักระยะ ข้าแค่นำยามาให้เท่านั้น…” มู่หรงลี่รับกล่องไม้แกะสลักมาจากมือของบ่าวรับใช้ที่ยืนอยู่ทางด้านหลัง จากนั้นลุกขึ้นยืน วางกล่องไม้ลงตรงโต๊ะด้านหน้าไป๋จิ่นจื้อ “นี่คือยาลับที่เสด็จแม่ของข้ามอบให้ข้าก่อนออกเดินทางมายังต้าจิ้น เป็นยาที่หายากมาก รักษาบาดแผลได้ดียิ่งนัก ลองให้ท่านหมอหงของจวนไป๋ตรวจสอบดูก่อนก็ได้ หากไม่มีปัญหาค่อยให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วลองใช้ดู”
เซียวหรงเหยี่ยนมองไปทางมู่หรงลี่
เซียวหรงเหยี่ยนรู้ดีว่ายาลับนั่นมีค่ามากเพียงใด ก่อนเสี่ยวอาลี่เดินทางมาที่นี่ พี่สะใภ้ของเขาคงให้คนเสาะหาทั่วทั้งวังหลวงจนได้ยากล่องนี้มา นึกไม่ถึงว่าเสี่ยวอาลี่จะมอบมันให้ไป๋ชิงเหยียนเช่นนี้
ในใจของมู่หรงลี่ แม้ไป๋ชิงเหยียนจะคือองค์หญิงเจิ้นกั๋วของแคว้นต้าจิ้น ทว่า ภายหน้าหญิงสาวจะกลายเป็นอาสะใภ้เก้าของเขา! แม้ไม่มีความสัมพันธ์เช่นนี้ ทว่า มู่หรงลี่นับถือไป๋ชิงเหยียนมาก หากเป็นไปได้ วันหน้ามู่หรงลี่อยากชักชวนให้ไป๋ชิงเหยียนมารับใช้แคว้นต้าเยี่ยน
ไป๋จิ่นจื้อเป็นคนไม่คิดสิ่งใดมาก สาวน้อยรับยาแทนไป๋ชิงเหยียนอย่างไม่บ่ายเบี่ยง จากนั้นแสร้งกล่าวขึ้น “เมื่อครู่อาหรงมาหาหม่อมฉัน นางเล่าให้หม่อมฉันฟังว่าก่อนหน้านี้กลุ่มคุณชายเจ้าสำราญที่สนิทสนมกับองค์ชายลี่กลับมาจากการเข้าร่วมกองทัพแล้ว จริงหรือไม่เพคะ”
มู่หรงลี่พยักหน้า “ใช่แล้ว ได้ยินพวกเขาเล่าว่าในกองทัพลำบากเกินไป พวกเขาทนไม่ไหวจึงถือโอกาสตอนที่ฮ่องเต้แห่งต้าจิ้นสั่งเคลื่อนย้ายทหารใหม่ไปยังหนานเจียงเขียนจดหมายส่งมาให้คนในครอบครัว ให้ผู้ใหญ่ทางบ้านหาทางช่วยพวกเขากลับบ้าน ทว่า หลู่หยวนเผิงกับซือหม่าผิงทำให้ข้าต้องมองพวกเขาใหม่ โดยเฉพาะหลู่หยวนเผิง ได้ยินพวกเขาเล่าว่าเมื่อหลู่หยวนเผิงได้ยินว่าต้องเดินทางไปยังหนานเจียง เขาก็ยืนกรานจะไปที่นั่นให้ได้”
ไป๋จิ่นจื้อพยักหน้า จากนั้นถามต่อ “ข้าได้ยินพวกเขาเล่าว่าเสบียงอาหารในกองทัพไม่ดี มีก้อนกรวดผสมอยู่ในเมล็ดข้าวด้วยหรือเพคะ กรมการคลังเป็นคนดูแลเรื่องเสบียงอาหาร จะปล่อยให้มีก้อนกรวดปนเปื้อนอยู่ได้อย่างไรกัน กลุ่มคุณชายเจ้าสำราญคงกลัวเสียหน้าจึงกุเรื่องขึ้นมาเสียมากกว่า”
มู่หรงลี่รู้ได้ทันทีว่าไป๋จิ่นจื้อต้องการล้วงข้อมูลจากเขา เขามองไปทางหญิงสาวด้วยสีหน้าเรียบเฉย แววตาใสซื่อ กล่าวตามตรงอย่างไม่คิดปิดบัง “แม้ข้าจะสนิทสนมกับพวกคุณชายเหล่านั้นได้ไม่นาน ทว่า พวกเขาเป็นเพียงกลุ่มคนรักสนุกที่ลำบากไม่เป็นเท่านั้น พวกเขาไม่ใช่คนกลัวเสียหน้า ไม่มีทางกุเรื่องเหล่านี้ขึ้นมาเพื่อรักษาหน้าของตัวเองแน่นอน”
ไป๋จิ่นจื้อได้ยินจึงลอบพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ถูกต้องแล้ว คุณชายเจ้าสำราญในเมืองหลวงกลุ่มนี้อยากได้ทุกอย่าง สิ่งเดียวที่ไม่อยากได้คือหน้าของตัวเอง[1] โดยเฉพาะอย่างยิ่งหัวหน้ากลุ่มอย่างหลู่หยวนเผิง
พวกเขาหน้าไม่อายเช่นนี้ จะกลัวเสียหน้าได้อย่างไรกัน
ดูเหมือนว่าต้องสืบเรื่องนี้อย่างละเอียดเสียแล้ว
เซียวหรงเหยี่ยนอดทนมาหลายวันแล้ว เขามาหาไป๋ชิงเหยียนทุกวัน ทว่า ไม่ได้พบสักวัน เซียวหรงเหยี่ยนเข้าใจดีว่าตระกูลไป๋กล่าวกับทุกคนว่าไป๋ชิงเหยียนป่วยหนัก พวกเขาจะปล่อยให้บุรุษนอกอย่างเขาเข้าไปพบหน้าหญิงสาวได้อย่างไรกัน
ทว่า ไป๋ชิงเหยียนบอกให้เซียวหรงเหยี่ยนเข้าตามตรอกออกตามประตู
ผ่านไปหลายวันแล้ว เซียวหรงเหยี่ยนทนไม่ไหวอีกต่อไป เดิมทีชายหนุ่มคิดว่าผู้ที่ออกมาต้อนรับเขาในวันนี้คือฮูหยินสอง เขาเตรียมเปิดเผยความในใจของตนให้ฮูหยินสองรับรู้แล้ว เพราะคนส่วนใหญ่ในเมืองหลวงต่างรับรู้แล้วว่าเขาหลงรักองค์หญิงเจิ้นกั๋ว
นึกไม่ถึงเลยว่าวันนี้จะกลายเป็นไป๋จิ่นจื้อ
เซียวหรงเหยี่ยนลุกขึ้นยืนทำความเคารพไป๋จิ่นจื้อ “วันนี้เหยี่ยนนำเครื่องหอมผ่อนคลายจิตใจมาให้คุณหนูใหญ่ไป๋ ทว่า ไม่ทราบว่าคุณหนูใหญ่ชอบกลิ่นใดจึงนำมาอย่างละนิด เวลาคุณหนูใหญ่เปลี่ยนยา เครื่องหอมเหล่านี้จะได้ช่วยกลบกลิ่นยาได้บ้าง หากไม่รบกวนจนเกินไป ช่วยนำไปให้คุณหนูใหญ่ลองดูสักหน่อยได้หรือไม่ขอรับว่ากลิ่นใดใช้ดี เหยี่ยนจะได้กลับไปสั่งให้คนนำกลิ่นนั้นมาให้มากหน่อย คุณหนูสี่ช่วยนำเครื่องหอมไปให้คุณหนูใหญ่เลือกได้หรือไม่ขอรับ เหยี่ยนจะรออยู่ที่โถงรับรองนี่”
ขอเพียงไป๋ชิงเหยียนรู้ว่าเขารออยู่ที่โถงรับรอง ไป๋ชิงเหยียนก็จะรับรู้ถึงความคะนึงหาของเขา หญิงสาวย่อมหาข้ออ้างให้เขาเข้าไปพบได้อย่างแน่นอน
หากไป๋ชิงเหยียนไม่ยอมพบ เช่นนั้นเซียวหรงเหยี่ยนคงได้แต่บุกมาหาไป๋ชิงเหยียนในยามวิกาลคืนนี้แทน
ผู้ใดจะคิดว่าไป๋จิ่นจื้อจะไม่หลงกล สาวน้อยเอาแต่คำนึงว่าต้องกล่าวกับคนภายนอกว่าไป๋ชิงเหยียนป่วยหนัก นางจึงแสร้งปาดน้ำตาพลางกล่าวกับไป๋ชิงเหยียน “ตอนข้าออกมา พี่หญิงใหญ่เพิ่งหลับไปอีกครั้ง ข้ารับน้ำใจของเซียวเซียนเซิงแทนพี่หญิงใหญ่แล้ว รอให้พี่หญิงใหญ่ตื่นขึ้นมาอีกทีค่อยเลือกเถิดเจ้าค่ะ ข้าไม่อาจปลุกพี่หญิงใหญ่ที่เพิ่งหลับไปให้ตื่นขึ้นมาได้เจ้าค่ะ”
เซียวหรงเหยี่ยน ”…”
แสดงได้สมจริงไม่น้อย
มู่หรงลี่ยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ เขารู้ดีว่าท่านอาเก้าคิดถึงอาสะใภ้เก้าแล้ว เขาวางถ้วยชาลง จากนั้นขอตัวจากไป
[1] ไม่อยากได้หน้า หมายถึง หน้าไม่อาย