ตอนที่ 661 ลำบาก
“เซียวเซียนเซิงจะกลับแล้วเช่นกันใช่หรือไม่เจ้าคะ” ไป๋จิ่นจื้อหันไปทางเซียวหรงเหยี่ยน ไม่รอให้ชายหนุ่มมีโอกาสตอบ ไป๋จิ่นจื้อรีบกล่าวต่อทันที “ข้าไปส่งเซียวเซียนเซิงเจ้าค่ะ”
เซียวหรงเหยี่ยนที่กำลังถือถ้วยชา “…”
เซียวหรงเหยี่ยนวางถ้วยชาลง ตั้งใจแน่วแน่ว่าคืนนี้จะบุกมาหาไป๋ชิงเหยียนยามวิกาลแทน ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนทำความเคารพไป๋จิ่นจื้อด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน “คุณหนูสี่เกรงใจเกินไปแล้ว ไม่ต้องหรอกขอรับ”
ไป๋จิ่นจื้อมองส่งมู่หรงลี่และเซียวหรงเหยี่ยนจากไปด้วยรอยยิ้ม จากนั้นจึงลอบถอนหายใจออกมาแล้วทรุดกายพิงเก้าอี้อย่างไร้มาด สาวน้อยรู้สึกว่าพี่หญิงใหญ่ พี่หญิงรองและพี่หญิงสามเก่งกาจมากจริงๆ เหตุใดพวกนางถึงได้นั่งตัวตรงด้วยท่าทีสุขุมได้นานถึงเพียงนั้นกันนะ
ไป๋จิ่นจื้อที่ทำภารกิจสำเร็จนั่งพักอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นลุกขึ้นยืนวิ่งกลับไปยังเรือนชิงฮุย ไป๋จิ่นจื้อเล่าเรื่องที่สืบได้จากมู่หรงลี่ให้ไป๋ชิงเหยียนฟังอย่างละเอียด
หลูผิงไปถึงหอเยี่ยนเชวี่ย แสดงตัวว่าเป็นคนของจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋ว สอบถามผู้ดูแลหอว่าผู้ใดจองห้องเทียนจื้อหมายเลขหนึ่งในวันพรุ่งนี้ ผู้ดูแลหอไม่คิดปิดบัง เขาตอบว่าสตรีสกุลหลิ่วนางหนึ่งจองห้องนี้ไว้ ขณะจองห้องสาวใช้ข้างกายของสตรีนางนั้นมีเงินไม่พอ เดิมทีนางอยากแจ้งที่อยู่เอาไว้แล้วให้คนของหอเยี่ยนเชวี่ยกลับไปรับเงินพร้อมนาง
ทว่า เมื่อผู้ดูแลได้ยินว่าพวกนางอยู่ที่ซอยจิ่วชวนซึ่งไม่ใช่ที่อาศัยของคนสูงศักดิ์ เขาจึงไม่ตอบตกลง ทว่า สาวใช้นางนั้นหายไปเพียงครู่เดียวก็กลับมาพร้อมเงินครบจำนวน
“ท่านทราบหรือไม่ว่าพวกเขาอาศัยอยู่ละแวกใดของซอยจิ่วชวน”
“คือจวนประตูสีดำที่อยู่ด้านในสุดของซอยจิ่วชวน…” ผู้ดูแลหอเยี่ยนเชวี่ยนึกอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นกล่าวต่อ “จริงสิ แม่นางผู้นั้นกล่าวว่าจวนของพวกนางปลูกดอกกุ้ยฮวาไว้ ส่งกลิ่นหอมมาก ท่านตามกลิ่นดอกกุ้ยฮวาไปก็น่าจะเจอขอรับ”
เมื่อออกมาจากหอเยี่ยนเชวี่ย หลูผิงมองดูคนที่เดินผ่านไปผ่านมาบนถนนนิ่งๆ เขารู้สึกสงสัยบางอย่าง แค่จองห้องรับรองเท่านั้น เหตุใดต้องบอกรายละเอียดที่อยู่ของตัวเองอย่างละเอียดเช่นนี้ด้วย
เมื่อรู้สึกไม่ชอบมาพากล หลูผิงจึงไม่รอช้าอีกต่อไป เขารีบให้คนกลับไปรายงานไป๋ชิงเหยียน ส่วนตัวเองขี่ม้ามุ่งหน้าไปที่จวนองค์รัชทายาทตามคำสั่งของไป๋ชิงเหยียน
องค์รัชทายาทอ่านจดหมายที่หลูผิงมอบให้ จากนั้นฟังสิ่งที่หลูผิงสืบได้จากหอเยี่ยนเชวี่ย ฟางเหล่ารีบมองไปทางองค์รัชทายาท “องค์ชาย จะเป็นหลิ่วรั่วฟูที่จิงจ้าวอิ่นยังจับตัวไม่ได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
องค์รัชทายาทอึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นหันไปมองฟางเหล่า
“บัดนี้เมืองหลวงถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวด หลิ่วรั่วฟูหนีออกไปไม่ได้อย่างแน่นอน นางส่งจดหมายไปให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วในเวลานี้ บางทีนางอาจต้องการทำการแลกเปลี่ยนเงื่อนไขบางอย่างกับองค์หญิงเจิ้นกั๋วหรือไม่ก็ต้องการตายไปพร้อมกับองค์หญิงเจิ้นกั๋วแน่ๆ ส่วนสาวใช้ที่ผู้ดูแลหอเยี่ยนเชวี่ยเอ่ยถึงอาจไม่ต้องการตายไปพร้อมกับหลิ่วรั่วฟู นางจึงจงใจบอกให้ผู้ดูแลหอเยี่ยนเชวี่ยรับรู้เพื่อให้คนจับสังเกตได้”
องค์รัชทายาทก้มหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นกล่าวขึ้น “เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ฟางเหล่าให้คนไปบอกให้หน่วยตรวจเมืองรับรู้ ให้หน่วยตรวจเมืองส่งคนติดตามเจ้าและองครักษ์หลูไปที่นั่น หากหลิ่วรั่วฟูอยู่ที่นั่นจริงๆ จงรีบจับตัวนางมาให้ได้”
“พ่ะย่ะค่ะ” หลูผิงกำหมัดรับคำ
องค์รัชทายาทมองไปทางหลูผิง “องค์หญิงเจิ้นกั๋วได้รับบาดเจ็บหนัก ต่อไปไม่ต้องนำเรื่องเหล่านี้ไปรบกวนนาง ให้นางพักรักษาตัวให้หายดี เจ้ากลับไปบอกองค์หญิงเจิ้นกั๋วว่ามีเราอยู่ ให้นางพักรักษาตัวอย่างไม่ต้องกังวล เมื่อนางหายดี เรายังรอให้นางกลับมาช่วยวางแผนช่วยเหลือเราอยู่”
หลูผิงแสร้งทำเป็นซาบซึ้ง คุกเข่าก้มศีรษะคำนับแนบพื้น “หลูผิงจะนำคำขององค์รัชทายาทไปเรียนให้คุณหนูใหญ่ทราบ หากคุณหนูใหญ่ทราบว่าองค์รัชทายาททรงให้ความสำคัญกับนางถึงเพียงนี้ นางต้องตั้งใจพักรักษาตัวให้หายดีในเร็ววันแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
ฟางเหล่ากำมือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อแน่น ทว่า ภายนอกเขาต้องแสดงท่าทีเห็นด้วยกับองค์รัชทายาท
เมื่อข่าวเรื่องซอยจิ่วชวนและสตรีสกุลหลิ่วรู้ไปถึงหูของไป๋ชิงเหยียน ไป๋ชิงเหยียนจึงสงสัยว่ามีคนรู้ที่อยู่ของหลิ่วรั่วฟูและจงใจแจ้งอยู่ของหลิ่วรั่วฟูให้นางรับรู้
ไป๋ชิงเหยียนถือถ้วยยาอยู่ในมือ ใช้ช้อนคนช้าๆ …
คนผู้นี้อาจต้องการยืมมือของนางจับตัวหลิ่วรั่วฟู
หรือไม่ก็ต้องการแสดงความเป็นมิตรต่อนาง
ไป๋ชิงเหยียนค่อนข้างเอนเอียงไปทางเหตุผลที่สอง
ไป๋จิ่นซิ่วมองเรื่องนี้ออกเช่นเดียวกัน ทว่า ไป๋จิ่นซิ่วสงสัยเซียวหรงเหยี่ยน “พี่หญิงใหญ่ หรือว่าจะเป็นเซียวเซียนเซิงเจ้าคะ”
หากเป็นก่อนหน้านี้ ไป๋ชิงเหยียนอาจสงสัยเซียวหรงเหยี่ยน ทว่า บัดนี้ความสัมพันธ์ของนางและเซียวหรงเหยี่ยนไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว เซียวหรงเหยี่ยนจะบอกนางตามตรง ไม่มีทางใช้วิธีเช่นนี้แน่นอน
ไป๋ชิงเหยียนก้มหน้าพลางส่ายหน้าน้อยๆ “ไม่ว่าคือผู้ใด ในเมื่อต้องการแสดงไมตรีต่อเรา พี่ก็จะรับไว้ ย่อมมีคนปรากฏตัวออกมาแน่นอน ไม่ต้องรีบร้อนหรอก”
“พี่หญิงใหญ่ ข้าสืบได้เรื่องแล้วเจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นจื้อบุกเข้ามาในห้องอย่างรีบร้อน เดินอ้อมฉากกั้นเข้ามาด้านใน จากนั้นนั่งลงบนเก้าอี้กลมตัวเล็ก “คุณชายเจ้าสำราญเหล่านั้นไม่ได้กุเรื่องขึ้นมาเจ้าค่ะ เมล็ดข้าวที่ส่งไปยังเป่ยเจียงมีกรวดปนอยู่จริงๆ เจ้าค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนได้ยินจึงเงียบขรึมไปชั่วขณะ มีก้อนกรวดปนยังไม่เท่าใด หญิงสาวกลัวว่าเสบียงที่ส่งไปจะขึ้นรา ทหารชายแดนทานเข้าไปอาจท้องร่วงจนเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
“เรื่องนี้สืบไม่ยาก ข้าจะส่งคนไปสืบที่มาที่ไปของเสบียงที่ส่งไปยังเป่ยเจียงครั้งนั้นว่ามีผู้ใดเกี่ยวข้องบ้าง คงตรวจสอบได้ไม่ยากว่าเกิดปัญหาขึ้นที่ใดเจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นซิ่วกล่าว
สิ้นเสียง ไป๋ชิงเหยียนหันไปมองไป๋จิ่นซิ่วที่ช่วงนี้มาอยู่ดูแลนางที่นี่ตลอดเวลา “เจ้าลำบากดูแลพี่มาหลายวันแล้ว บัดนี้เสี่ยวซื่อมาที่นี่แล้ว เดี๋ยวพอฉินหล่างมาจวน เจ้ากลับไปพร้อมเขาเถิด เจ้าต้องไปดูแลวั่งเกอเช่นเดียวกัน”
ไป๋จิ่นซิ่วไม่วางใจ “เสี่ยวซื่อสะเพร่าไม่เรียบร้อย ข้าอยู่ดูแลพี่หญิงใหญ่เองดีกว่าเจ้าค่ะ”
“พี่หญิงรองไม่ต้องอยู่หรอกเจ้าค่ะ ข้าจะดูแลพี่หญิงใหญ่เอง มิเช่นนั้นผู้อื่นอาจครหาพี่หญิงรองได้นะเจ้าคะ” ไป๋จิ่นจื้อเป็นคนตรงไปตรงมา “เมื่อครู่ตอนข้าเข้ามาในเรือน ข้าได้ยินพี่ชุ่ยปี้กล่าวว่าคุณหนูทั้งสองของจวนฉินชอบเอาเรื่องไม่ดีของพี่หญิงรองไปป่าวประกาศให้ผู้อื่นรับรู้ ทำตัวราวกับพวกปากไม่มีหูรูดเจ้าค่ะ”
“เสี่ยวซื่อ!” ไป๋จิ่นซิ่วขมวดคิ้วแน่น
ไป๋ชิงเหยียนหัวเราะออกมาเบาๆ “ควรให้เสี่ยวซื่อไปพักที่จวนฉินสักสองสามวัน จะได้จัดการคุณหนูทั้งสองคนนั่นให้หลาบจำ”
“พวกนางเป็นเพียงสตรีเท่านั้น ไม่มีภัยอันใดเจ้าค่ะ พวกนางถึงวัยอันควรแล้ว เดี๋ยวข้าจะหาคู่ครองที่เหมาะสมให้พวกนางแต่งงานออกไป บัดนี้ฉินหล่างรับน้องชายคนเล็กของเขามาอบรมสั่งสอนข้างกาย ไม่ให้คุณหนูสองคนนั่นเข้าใกล้น้องชาย ไม้อ่อนยังดัดง่าย ช่วงนี้เขารู้ความขึ้นไม่น้อยเจ้าค่ะ เด็กสาวสองคนนั่นไม่ได้เจอหน้าน้องชายตัวเอง ทว่า ไม่กล้าไปอาละวาดกลับฉินหล่าง พวกนางจึงได้แต่เอาข้าไปนินทาเท่านั้น ไม่มีผู้ใดเชื่อคำกล่าวของพวกนางหรอกเจ้าค่ะ”
ไป๋จิ่นซิ่วไม่ได้โมโหแม้แต่น้อย หญิงสาวเล่าเรื่องนี้เสียงราบเรียบ สามารถรับมือกับเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดาย ชื่อเสียงอันดีงามของไป๋จิ่นซิ่วเลื่องลือไปทั่วทั้งเมืองหลวง หญิงสาวไม่เคยทอดทิ้งตระกูลฉินไปในตอนที่ตระกูลฉินตกต่ำ อีกทั้งยังมีบรรดาศักดิ์เป็นถึงฮูหยินเก้ามิ่งขั้นที่หนึ่ง ต่อให้มีคนอยากนินทาหญิงสาว ทว่า ผู้ใดจะกล้านินทาต่อหน้าไป๋จิ่นซิ่วกัน
“เสี่ยวซื่อ พี่ได้ยินว่าก่อนที่พี่หญิงใหญ่จะไปจากซั่วหยาง พี่หญิงใหญ่มอบหมายงานให้เจ้าทำ เจ้าทำสำเร็จแล้วหรือไม่” ไป๋จิ่นซิ่วเอ่ยถาม