สตรีแกร่งตระกูลไป๋ – ตอนที่ 663 เยี่ยมเยียน

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 663 เยี่ยมเยียน

หญิงสาวไม่รู้ว่าหากพึ่งพาองครักษ์ลับเหล่านี้ นางจะหลบซ่อนไปได้ถึงเมื่อใด

ในเมื่อรู้แล้วว่าหน่วยตรวจเมืองกำลังจะมาจับตัวนาง แทนที่จะหลบซ่อนตัวอยู่ในเมืองหลวงแห่งนี้อย่างคนขี้ขลาด มิสู้เผชิญหน้ากับมันให้จบสิ้นกันเสียทีดีกว่า ก็แค่จบชีวิตของตัวเอง อย่างน้อยนางจะได้ไปอยู่เป็นเพื่อนท่านพ่อหรืออาจจะท่านแม่ของนางด้วยในปรโลก ทุกคนในครอบครัวได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน

เมื่อคิดได้ดังนี้หลิ่วรั่วฟูจึงไม่คิดหนีอีก หญิงสาวเอ่ยด้วยเสียงแหบพร่า “ช่างเถิด เจ้าวางข้าลงเถิด!”

“จวิ้นจู่!” หัวหน้าองครักษ์ลับมองหญิงสาวอย่างประหลาดใจ

“พวกเจ้าหนีไปเสีย!” หลิ่วรั่วฟูกล่าวเสียงราบเรียบ “หนีไปได้คนหนึ่งก็ยังดี ไม่ต้องอยู่ตายกับข้าที่นี่หรอก ขอเพียงจับตัวข้าได้ องค์รัชทายาทคงไม่ค้นทั่วเมืองอีกแล้ว พวกเจ้าจะได้กลับบ้านของพวกเจ้า”

หัวหน้าองครักษ์ลับมองหน้าหลิ่วรั่วฟูอย่างไม่อยากเชื่อ “จวิ้นจู่ พวกเราคือทหารหน่วยกล้าตายของตระกูลหลิ่ว เสียนอ๋องทรงมีรับสั่งว่าหากพระองค์ถูกจับหรือสิ้นพระชนม์ลง ให้พวกข้าปกป้องคุ้มครองจวิ้นจู่หนีออกจากเมืองหลวงอย่างปลอดภัยขอรับ”

หลิ่วรั่วฟูรู้สึกหดหู่ใจขึ้นมาทันที หญิงสาวรู้สึกปวดใจราวกับถูกก้อนน้ำแข็งจี้ลงที่หัวใจ “ทั้งๆ ที่รู้ว่ามีแต่ตาย เหตุใดยังต้องพยายามอีก! หากพวกเจ้าสามารถพาข้าหลบหนีออกไปจากเมืองหลวงได้อย่างปลอดภัยจริงๆ พวกเจ้าจะรีรอถึงห้าวันเช่นนี้หรือ ประตูเมืองทุกทิศคงถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดแน่นอน ช่างเถิด หากชีวิตของข้าต้องเป็นเช่นนี้ ข้าก็ยอมจำนนแล้ว พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องมาทิ้งชีวิตไปกับข้าหรอก”

หลิ่วรั่วฟูดิ้นจนสองขาร่วงลงพื้น หญิงสาวต้องจับแขนขององครักษ์ลับไว้จึงจะสามารถทรงตัวได้

แสงจันทร์แรกของคืนนี้ส่องกระทบใบหน้างดงามที่ซีดเผือดของหลิ่วรั่วฟู หญิงสาวรู้สึกถึงของเหลวบางอย่างกำลังไหลออกมาจากกระโปรงของนาง หญิงสาวฝืนกล่าวเสียงรอดไรฟัน “ในเมื่อพวกเจ้าเห็นข้าเป็นนาย ข้าก็ขอสั่งให้พวกเจ้าไม่ต้องสนใจข้า หนีเอาตัวรอดไปบัดนี้ ห้ามกลับมาช่วยข้าเด็ดขาด! นับแต่นี้เป็นต้นไปจงมีชีวิตอยู่ให้ดี ไปเถิด เสด็จพ่อของข้าสิ้นพระชนม์แล้ว ท่านแม่ของข้าก็อาจไม่อยู่แล้ว ข้าอยู่ต่อไปก็ไม่มีความหมายอันใด ไม่สู้ไปอยู่เป็นเพื่อนพวกท่านดีกว่า!”

องครักษ์ลับของตระกูลหลิ่วมองหน้ากันไปมาอย่างไม่รู้จะทำเช่นไร

พวกเขาเป็นทหารหน่วยกล้าตายมาตั้งแต่เด็ก พวกเขาเรียนรู้ว่าต้องสละชีพเพื่อเจ้านายมาตั้งแต่เล็ก พวกเขาจะทิ้งเจ้านายของตัวเองแล้วหนีเอาตัวรอดไปได้อย่างไรกัน

หลิ่วรั่วฟูได้ยินเสียงฝีเท้ามากมายดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆๆ จึงรีบตวาดลั่น “นี่คือคำสั่งของข้า!”

องครักษ์ลับของตระกูลหลิ่วเหล่านี้มีโอกาสหนีรอดได้หากไม่พานางไปด้วย

หัวหน้าองครักษ์ลับเห็นหลิ่วรั่วฟูตัดสินใจแน่วแน่ อีกทั้งเห็นรอยเลือดมากมายที่กระโปรงของหญิงสาว…หากหญิงสาวหลบหนีไปกับพวกเขา ร่างกายของนางก็คงทนไม่ไหวเช่นเดียวกัน ทว่า หากนางถูกคนของทางการจับตัวได้ พวกนั้นหาหมอมารักษาอาการของนาง หลิ่วรั่วฟูอาจมีชีวิตรอดได้ ถึงเวลานั้นพวกเขาค่อยหาทางช่วยนางออกมา

หัวหน้าองครักษ์ลับของตระกูลหลิ่วกำหมัดรับคำ มองไปทางหลิ่วรั่วฟูนิ่งๆ แวบหนึ่ง “หนี!”

กล่าวจบ หัวหน้าองครักษ์ลับกระโดดขึ้นไปบนหลังคาเป็นคนแรก จากนั้นหายวับไปในความมืด

องครักษ์ลับที่เหลือลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจากไปท่ามกลางความมืดเช่นเดียวกัน

หลิ่วรั่วฟูยืนอยู่กลางลานหญ้า หญิงสาวเห็นคบเพลิงมากมายจากนอกกำแพงดินของจวน ประตูสีดำที่ไม่ค่อยแข็งแรงอยู่แล้วถูกถีบพังทันที

หลูผิงกำดาบที่เอวแน่นพลางส่องสายตาสำรวจทั่วบริเวณ เมื่อเห็นว่าไม่มีกับดักใดๆ เขาจึงมองไปยังร่างของหลิ่วรั่วฟู

ใบหน้าของหลิ่วรั่วฟูสงบนิ่งอย่างไม่กลัวตาย หญิงสาวแสยะยิ้ม “ชนะเป็นเจ้า แพ้เป็นโจร เสด็จพ่อของข้าแพ้แล้ว พวกเจ้าเอาชีวิตของข้าไปได้เลย!”

ใบหน้าของหลิ่วรั่วฟูสะท้อนแสงไฟริบหรี่ เลือดสดยังคงไหลออกจากร่างของหญิงสาวไม่หยุดหย่อนจนกระโปรงของนางกลายเป็นสีแดงเลือด ทว่า หญิงสาวยังคงยืนหยัดกายตรง ไม่ได้งอตัวเพราะความเจ็บปวด ไม่ยอมลดศักดิ์ศรีก้มศีรษะให้คนเหล่านี้เด็ดขาด

“นำตัวไป!” แม่ทัพหน่วยตรวจเมืองออกคำสั่งเสียงดังลั่น

ทหารหน่วยตรวจเมืองเข้าไปจับแขนของหลิ่วรั่วฟูทางซ้ายและขวาอย่างละข้างแล้วลากออกไปด้านนอกอย่างไม่อ่อนโยนเลยสักนิด ทหารคนอื่นบุกเข้าไปค้นหาพรรคพวกของหลิ่วรั่วฟูในห้อง

หลูผิงมองดูใบหน้าที่ราบเรียบพร้อมตายของหลิ่วรั่วฟูนิ่ง จากนั้นมองไปทางลานหญ้า เขารู้สึกว่ามีสิ่งใดบางอย่างผิดปกติ…

ฟางเหล่าก็รู้สึกเช่นเดียวกัน เขากำหมัดที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อแน่น

ข้างกายของหลิ่วรั่วฟูไม่มีผู้อื่นอย่างนั้นหรือ หญิงสาวรอให้พวกเขามาจับตัวอยู่เฉยๆ เช่นนี้หรือ

แล้วทหารหน่วยกล้าตายของตระกูลหลิ่วเล่า

ทหารหน่วยกล้าตายมักจะตายแทนเจ้านายของตนก่อน พวกเขาไม่มีทางหายไปโดยไร้สาเหตุเช่นนี้อย่างแน่นอน

ซอยจิ่วชวนวุ่นวายขึ้นมาทันที สุนัขในซอยเห่าหอนไม่หยุด ชาวบ้านบางคนใจกล้าถึงขนาดปีนกำแพงบ้านของตัวเองมองสำรวจเหตุการณ์ด้านนอก พวกเขาอยากเห็นว่าทหารมากมายเช่นนี้มาจับนักโทษอำมหิตคนใดกันแน่ นึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะมาจับตัวสตรีที่รูปร่างงดงามเพียงนี้

ชาวบ้านที่ขี้ขลาดต่างมองดูเหตุการณ์ผ่านช่องว่างของประตู เด็กเล็กบางคนที่ไม่กลัวตายอยากแอบย่องออกจากบ้านของตัวเองออกไปดูทหารหน่วยตรวจเมืองในชุดเกราะถือดาบไม้ยาว ทว่า ถูกสตรีวัยกลางคนในชุดสีเขียวอ่อนกระชากแขนกลับเข้าไปในบ้านเสียก่อน เด็กน้อยร้องไห้อาละวาดไม่หยุด สตรีวัยกลางคนฟาดลงที่ก้นของเด็กน้อยอย่างแรงหลายครั้งติดต่อกัน จากนั้นลากตัวลูกของตัวเองเข้าไปในห้อง

ใต้เท้าเซียวซึ่งรับตำแหน่งหัวหน้าหน่วยตรวจเมืองเป็นการชั่วคราวกล่าวขอบคุณฟางเหล่าและหลูผิงตรงหน้าซอยจิ่วชวน

หลิ่วรั่วฟูถูกจับตัวไปแล้ว ฟางเหล่าจึงหันไปกล่าวอำลาหลูผิง

หลูผิงรีบโค้งกายทำความเคารพกลับ จากนั้นมองส่งหน่วยตรวจเมืองและฟางเหล่าจากไป

ขณะที่หลูผิงกำลังจะกลับไปรายเรื่องนี้กับไป๋ชิงเหยียน ประตูสีดำของจวนพ่อค้าที่อยู่ด้านหน้าสุดของซอยจิ่วชวนถูกเปิดออก บุรุษที่สวมเสื้อคลุมกันลมสีดำก้าวเท้าออกมาจากธรณีประตู หยุดยืนอยู่หน้าประตูจวนภายใต้แสงจากโคมไฟ เขาถอดหมวกของตัวเองออก

หลูผิงตะลึงงัน…หลี่หมิงรุ่ย!

ดูเหมือนว่าหลี่หมิงรุ่ยจงใจมารอหลูผิงอยู่ที่นี่ เขาโค้งกายคำนับหลูผิง “องครักษ์หลู”

หลูผิงไม่ได้วางมาด รีบโค้งกายทำความเคารพหลี่หมิงรุ่ย “คารวะหลี่ซื่อหลาง”

หลูผิงกำดาบแน่น เงยหน้าสบตาชายหนุ่มยิ้มๆ จากนั้นกวาดสายตามองไปยังโคมไฟเก่าของจวนที่สลักคำว่า ‘ตู้’ จากนั้นแสร้งกล่าวทักทาย “บังเอิญเสียจริงขอรับ หลี่ซื่อหลางมาเยี่ยมเยียนสหายหรือขอรับ”

“ไม่บังเอิญหรอก ข้าตั้งใจมารอพบองครักษ์หลูต่างหาก” หลี่หมิงรุ่ยกล่าวอย่างไม่คิดปิดบัง

หลูผิงกระจ่างแจ้งในทันที “หลี่ซื่อหลางเป็นคนส่งข่าวเรื่องของหนานตูจวิ้นจู่ให้พวกเรารู้หรือขอรับ ในเมื่อหลี่ซื่อหลางรู้ที่ซ่อนตัวของหนานตูจวิ้นจู่หลิ่วรั่วฟู เหตุใดจึงไม่ทูลให้องค์รัชทายาททราบขอรับ ท่านสร้างผลงานคนเดียวไม่ดีหรือขอรับ”

“หมิงรุ่ยมอบหนานตูจวิ้นจู่หลิ่วรั่วฟูให้เป็นของขวัญแก่องค์หญิงเจิ้นกั๋ว หมิงรุ่ยฝากองครักษ์หลูไปรายงานให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วทราบว่าข้าอยากพบนางจากใจจริง” ใบหน้าของหลี่มิงรุ่ยเต็มไปด้วยรอยยิ้มประหนึ่งคุณชายผู้สุขุมอ่อนโยน จากนั้นโค้งกายคำนับหลูผิงอีกครั้ง

เมื่อหลูผิงกลับไปถึงจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋ว เขารีบเปลี่ยนเครื่องแต่งกายแล้วตรงไปรายงานเรื่องของหลี่หมิงรุ่ยให้ไป๋ชิงเหยียนทราบที่เรือนชิงฮุยทันที

“ข้ายังไม่ได้รับปาก กล่าวแค่ว่าคุณหนูได้รับบาดเจ็บหนัก สลบไม่ได้สติเกือบตลอดเวลา ทว่า ข้าจะนำคำของหลี่หมิงรุ่ยมาเรียนให้คุณหนูใหญ่ทราบขอรับ” หลูผิงกล่าว

ไป๋ชิงเหยียนยื่นถ้วยยาในมือให้ชุนเถา รับน้ำผึ้งมากลั้วคอ จากนั้นใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดมุมปาก

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

Status: Ongoing
นิยายจีนโบราณเข้มข้น ปะทะคารม ทดสอบไหวพริบ สนุกถึงใจ!เพราะถูกคนชั่วหลอกใช้ชาติก่อนคนทั้งตระกูลของนางจึงต้องตายอย่างน่าอนาถ ไร้ซึ่งคนทวงถามความเป็นธรรมชาตินี้นางหวนกลับมาก่อนเรื่องราวเกิดขึ้น แม้เพียงเล็กน้อยแต่หากสามารถช่วยเหลือคนในครอบครัวได้แม้สักคนนางก็ยินดีทุ่มเทกำลังให้ถึงที่สุดสตรีตระกูลไปแต่ไรมาแกร่งกล้ำเพียบพร้อมบุ๋นบู๊ แม้ไร้ซึ่งที่พึ่งพิงแล้วจริงแต่ก็จะไม่ยอมให้ผู้ใดมากดขี่ได้!และเพราะเรื่องราวที่เปลี่ยนแปลงไปนางจึงได้พบกับ ‘เขา’ ไวกว่าชาติก่อนเขาผู้นี้แม้ภายนอกดูป็นมิตรและสง่งามกว่าใคร แต่นงแจ่มแจ้งดีว่าเขาเจ้าเล่ห์และอำหิตมากเพียงไหนชาติก่อนแม้ยืนกันคนละฝั่งแต่บุรุษผู้นี้กลับเป็นผู้มอบทางรอดให้แก่นาง อย่างนั้นชาตินี้นางก็ย่อมตอบแทนเขาเป็นอย่างดีเช่นกัน“แม่นางไปช่วยเหลือข้าหลายครั้งหลายครา ใช่ว่าชื่นชอบข้าหรือไม่?”“คุณชายเข้าใจผิดแล้วล่ะ”“ข้าช่วยเหลือแม่นางไปมาหลายครั้งหลายครา แม่นางไปมีใจชื่นชอบข้าบ้างหรือไม่?”“…”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท