ตอนที่ 673 เหลวไหล
ไม่นาน เฉวียนอวี๋เห็นไป๋จิ่นจื้อกลับมาพร้อมองครักษ์ของจวนองค์รัชทายาท เขารีบก้าวไปต้อนรับด้วยรอยยิ้ม “บ่าวนำทางให้เกาอี้จวิ้นจู่ขอรับ”
“ข้าจะหลงทางในจวนองค์รัชทายาทอย่างนั้นหรือ” ไป๋จิ่นจื้อยังคงมีท่าทีสบายๆ ไม่ใส่ใจสิ่งใดเช่นเดิม
เฉวียนอวี๋ได้แต่ยิ้มบางๆ จากนั้นผายมือเชิญไป๋จิ่นจื้อ
เมื่อเฉวียนอวี๋เดินนำไป๋จิ่นจื้อออกมาจากระเบียงทางเดินที่มีเสาแกะสลักต้นใหญ่ เห็นว่าบริเวณนั้นไม่มีผู้ใดอยู่แล้ว เขาจึงกล่าวเตือนขึ้น “เกาอี้จวิ้นจู่โปรดจำไว้ว่าองค์ชายมีความลำบากใจของพระองค์ อีกเดี๋ยวไม่ว่าองค์ชายจะตรัสสิ่งใด เกาอี้จวิ้นจู่ต้องคำนึงถึงเด็กในครรภ์ของพระชายาเอกและองค์ชายเป็นหลักนะขอรับ อย่างสร้างความเดือดร้อนให้แก่องค์หญิงเจิ้นกั๋วนะขอรับ”
ไป๋จิ่นจื้อตะลึงงันเล็กน้อย มองไปทางเฉวียนอวี๋อย่างประหลาดใจ เดิมทีต้องการจะเอ่ยสิ่งใดออกมา ทว่า เมื่อเห็นบรรดาขันทีเดินถือดอกเก็กฮวยไปยังเรือนของพระชายาเอกเป็นขบวน ไป๋จิ่นจื้อจึงเม้มปากไม่กล่าวสิ่งใด ได้แต่เดินตามเฉวียนอวี๋ไปยังห้องตำราขององค์รัชทายาท
“เสด็จพี่องค์รัชทายาททรงมีสิ่งใดจะรับสั่งหม่อมฉันหรือเพคะถึงได้ตามหม่อมฉันกลับมาเช่นนี้” ไป๋จิ่นจื้อทำความเคารพ จากนั้นนั่งลงด้านข้าง มองไปทางองค์รัชทายาทด้วยแววตาใสแจ๋ว มองปราดเดียวก็รู้ว่านางคิดสิ่งใดอยู่ เป็นคนที่ไม่เจ้าเล่ห์แม้แต่น้อย
องค์รัชทายาทวางแขนบนที่วางแขนของเก้าอี้ จากนั้นกล่าวพลางถอนหายใจ “เรารู้เรื่องเสบียงที่เจ้ามารายงานอยู่ก่อนแล้ว ทว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับพี่ชายของพระชายาเอก บัดนี้นางกำลังตั้งครรภ์บุตรของเรา เราจึงต้องคำนึงถึงความรู้สึกของนาง ดังนั้นขอให้เรื่องนี้จบลงตรงนี้ได้หรือไม่ ถือว่าทำเพื่อเรา เจ้าอย่าได้สืบเรื่องนี้ต่ออีกเลย เรารับปากว่าจะไม่ให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีกอย่างแน่นอน”
ไป๋จิ่นจื้อตกตะลึงอย่างมาก นางเข้าใจคำเตือนของเฉวียนอวี๋ขึ้นมาทันที ไป๋จิ่นจื้อพยายามข่มใจไม่หันไปมองทางเฉวียนอวี๋ ทว่า นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดเฉวียนอวี๋จึงเอ่ยปากเตือนนาง เป็นคำสั่งขององค์รัชทายาทอย่างนั้นหรือ
องค์รัชทายาทสังเกตสีหน้าของไป๋จิ่นจื้ออย่างละเอียด เมื่อเห็นไป๋จิ่นจื้อกำลังขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด องค์รัชทายาทก้มหน้าลงแล้วกล่าวต่อ “ตอนที่เรายังไม่ได้เป็นองค์รัชทายาท พระชายาเอกเคยตั้งครรภ์และแท้งมาแล้วรอบหนึ่ง ดังนั้นเราจึงให้ความสำคัญกับเด็กในครรภ์ครั้งนี้มาก”
ไป๋จิ่นจื้อขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม นี่คือสาเหตุที่องค์รัชทายาทไม่สนใจเรื่องเสบียงอาหารของเหล่าทหารที่ชายแดนอย่างนั้นหรือ เหลวไหลสิ้นดี!
คนเหล่านั้นคือทหารรักษาชายแดนเชียวนะ!
หากต้าเหลียงบุกมารุกราน ทหารที่กินไม่อิ่มจะมีแรงออกรบได้อย่างไรกัน ถึงเวลานั้นทหารต้องล้มตายมากเท่าใด ทหารอีกจำนวนเท่าใดต้องสละชีพของพวกเขาเพื่อยึดเมืองที่สูญเสียไปกลับคืนมาอีกครั้งให้!
ชีวิตของทหารเหล่านั้นไม่มีค่าอย่างนั้นหรือ!
ไป๋จิ่นจื้อกำหมัดแน่น พยายามระงับโทสะ ในเมื่อเฉวียนอวี๋กล่าวเตือนนางแล้ว นางต้องควบคุมตัวเองให้ได้
“แล้วเสบียงอาหารของทหารเหล่านั้นจะทำเช่นไรเพคะ จะปล่อยให้พวกเขาทานอาหารที่มีก้อนกรวดปนอยู่แล้วช่วยองค์ชายรักษาดินแดนแถบชายแดนต่อไปเช่นนี้หรือเพคะ” ไป๋จิ่นจื้อขึ้นเสียงสูงเล็กน้อย
เฉวียนอวี๋ลอบปาดเหงื่อ เขาเตือนไปแล้ว เหตุใดเกาอี้จวิ้นจู่ถึงได้แข็งข้อกับองค์รัชทายาทเช่นนี้อีกนะ
“เจ้าไม่ต้องห่วง เราตักเตือนพี่ชายของพระชายาไปแล้ว อีกทั้งจัดการเรื่องเสบียงอาหารที่มีปัญหาแล้วเช่นเดียวกัน เสบียงอาหารที่ส่งไปยังชายแดนในตอนนี้ล้วนสะอาดปลอดภัย เรารับปากว่าจะไม่ปล่อยให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีกแน่นอน”
ไป๋จิ่นจื้อขมวดคิ้วแน่น จากนั้นจึงลุกขึ้นทำความเคารพองค์รัชทายาทพลางกล่าวขึ้น “พี่หญิงใหญ่พาหม่อมฉันมาเข้าร่วมกับจวนองค์รัชทายาท ต่อให้บางเรื่องหม่อมฉันจะไม่เห็นด้วย ทว่า หม่อมฉันทราบดีว่าหากองค์รัชทายาททรงตรัสถึงเพียงนี้แล้ว แสดงว่าองค์รัชทายาททรงมีความลำบากพระทัยของพระองค์เองเช่นเดียวกัน หม่อมฉันรับปากจะไม่สืบเรื่องนี้ต่อไปอีกเพคะ ทว่า องค์รัชทายาทได้ทรงโปรดควบคุมอย่างเข้มงวด อย่าให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีกนะเพคะ พวกเขาล้วนเป็นทหารที่คอยปกป้องชายแดนให้องค์รัชทายาทนะเพคะ!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ องค์รัชทายาทจึงหันไปมองฟางเหล่าแวบหนึ่ง กล่าวกับไป๋จิ่นจื้อด้วยเสียงอ่อนโยนมากขึ้น “เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ในเมื่อเรารับปากแล้ว เราย่อมไม่มีทางปล่อยให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีกเด็ดขาด”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หม่อมฉันทูลลาเพคะ…” ไป๋จิ่นจื้อโค้งกายคำนับ นางกลัวว่าหากนางยังอยู่ที่นี่ต่อไป นางอาจพลั้งตะโกนด่าองค์รัชทายาทที่ไม่ให้ความสำคัญของชีวิตทหารชายแดนอย่างควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้
“ได้” องค์รัชทายาทพยักหน้า “กลับไปอยู่เป็นเพื่อนองค์หญิงเจิ้นกั๋วเถิด หากองค์หญิงเจิ้นกั๋วต้องการใช้ยาหายากชนิดใด เจ้าส่งคนมาขอที่จวนองค์รัชทายาทได้เลย”
“ขอบพระทัยเพคะองค์รัชทายาท” ไป๋จิ่นจื้อกล่าวขอบคุณ จากนั้นทำความเคารพองค์รัชทายาทแล้วเดินออกมาจากจวนองค์รัชทายาทด้วยสีหน้าบึ้งตึง สาวน้อยขี่ม้ากลับไปยังจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋วด้วยความโมโห
เมื่อไป๋จิ่นจื้อรายงานเรื่องทั้งหมดให้ไป๋ชิงเหยียนซึ่งลุกไปนั่งอยู่ริมหน้าต่างฟังจนจบ สาวน้อยหยิบของว่างชิ้นหนึ่งขึ้นมาขยำด้วยความโมโห “หากมอบแคว้นต้าจิ้นให้คนอย่างองค์รัชทายาทปกครองต่อ แคว้นต้าจิ้นของเราคงใกล้ดับสูญในอีกไม่นานแน่เจ้าค่ะ!”
“ระวังวาจาด้วย!” ไป๋ชิงเหยียนยื่นถ้วยชาให้ไป๋จิ่นจื้อ
“ข้าทราบแล้วเจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นจื้อรับถ้วยชามาดื่มรวดเดียวจนหมดถ้วย จากนั้นกระแทกถ้วยชาลงบนโต๊ะอย่างแรง “ข้ากล่าวต่อหน้าพี่หญิงใหญ่เท่านั้นเจ้าค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนไม่แปลกใจที่องค์รัชทายาทเป็นคนปกปิดเรื่องเสบียงอาหารมีปัญหาครั้งนี้ไว้เอง…
ทว่า เมื่อครู่ไป๋จิ่นจื้อกล่าวว่าเฉวียนอวี๋เป็นคนเอ่ยเตือนนาง
เฉวียนอวี๋…
ก่อนหน้านี้ไป๋ชิงเหยียนไม่เคยสังเกตมาก่อน นางรู้เพียงว่าเฉวียนอวี๋เติบโตมากับองค์รัชทายาท รูปร่างหน้าตาสะอาดเกลี้ยงเกลา เขาดูเหมือนจะดูแลนางเป็นอย่างดีตลอดเวลา
ไป๋จิ่นจื้อนึกถึงเฉวียนอวี๋ขึ้นมาเช่นเดียวกัน สาวน้อยหันไปมองไป๋ชิงเหยียน “พี่หญิงใหญ่เป็นคนส่งเฉวียนอวี๋กงกงไปอยู่ข้างกายองค์รัชทายาทหรือเจ้าคะ”
“องค์รัชทายาทอายุมากกว่าพี่ เฉวียนอวี๋กงกงโตมาพร้อมกับองค์รัชทายาท พี่จะส่งเขาไปอยู่กับองค์รัชทายาทล่วงหน้าได้อย่างไรกัน” ไป๋ชิงเหยียนเห็นไป๋จิ่นจื้อดื่มชาหมดถ้วย จากนั้นหยิบของว่างเข้าปากอีกครั้ง หญิงสาวจึงดันถ้วยนมหมักไปตรงหน้าไป๋จิ่นจื้อ
“ต่อไปนี้เคารพเฉวียนอวี๋กงกงมากกว่าเดิมก็แล้วกัน”
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจบ ชุนเถาแหวกม่านเดินเข้ามาด้านใน จากนั้นทำความเคารพ “คุณหนูใหญ่ หมัวมัวข้างกายของพระชายาเอกนำยาบำรุงมาให้ที่จวนเจ้าค่ะ นางบอกว่ามาเยี่ยมคุณหนูแทนพระชายาเอก ตอนนี้นางผ่านประตูฉุยฮวาเข้ามาแล้วเจ้าค่ะ”
ไป๋จิ่นจื้อกลืนของว่างลงคออย่างรวดเร็ว ใช้มือทุบไปที่อกเบาๆ สาวน้อยยกนมหมักขึ้นดื่มจนหมดถ้วย จากนั้นลุกขึ้นยืนพลางกล่าวกับไป๋ชิงเหยียน “พี่หญิงใหญ่รีบนอนลงเถิดเจ้าค่ะ อย่าให้หมัวมัวข้างกายของพระชายาเอกจับพิรุธได้นะเจ้าคะ”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า เลิกผ้าห่มที่คลุมต้นขาออก จากนั้นประคองมือชุนเถาลุกขึ้นตรงไปยังเตียง ทว่า เมื่อขยับกายเผลอโดนบาดแผลจนหญิงสาวเจ็บจนขมวดคิ้วแน่น
“ระวังนะเจ้าคะคุณหนูใหญ่” ชุนเถาเอ่ยเตือนเบาๆ
ไป๋ชิงเหยียนนั่งพิงหัวเตียง เมื่อชุนเถาจัดที่นอนเรียบร้อยก็ได้ยินเสียงสาวใช้ด้านนอกรายงานว่าหมัวมัวข้างกายของพระชายาเอกมาถึงแล้ว
เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า ชุนเถาจึงเดินอ้อมฉากกั้น แหวกผ้าม่านออกไปด้านนอก
หมัวมัวผู้นี้มีใบหน้าอิ่มเอิบ สวมชุดผ้าแพรสีน้ำเงิน กริยาท่าทางได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีจนไม่เหมือนบ่าวรับใช้ ทว่า เหมือนกับนายหญิงชราของตระกูลร่ำรวยที่เข้มงวดเรื่องกฎเกณฑ์เสียมากกว่า ท่าทีของนางดูสูงส่งกว่าเหล่าไท่จวินของตระกูลสูงศักดิ์บางตระกูลเสียอีก
ชุนเถาทำความเคารพหมัวมัว จากนั้นแหวกม่านเชิญหมัวมัวเข้าไปด้านใน