ตอนที่ 682 แสดงความสามารถออกมาให้เห็น
ฉินซ่างจื้อโค้งกายทำความเคารพองค์รัชทายาท “องค์ชายอย่าได้รีรออีกเลยพ่ะย่ะค่ะ มิเช่นนั้นอาจเสียเรื่องได้พ่ะย่ะค่ะ!”
ฟางเหล่าเหลือบมองฉินซ่างจื้อแวบหนึ่ง จากนั้นลูบเคราของตัวเองยิ้มๆ กล่าวในสิ่งที่ตัวเองถนัดออกมา “ฉินเซียนเซิงกล่าวมีเหตุผลเช่นเดียวกัน องค์ชายทรงเข้าวังไปถามความเห็นจากฝ่าบาทแล้วค่อยตัดสินพระทัยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
องค์รัชทายาทพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “พรุ่งนี้เช้าเราจะเข้าวังไปถามความเห็นจากเสด็จพ่อ!”
ไป๋จิ่นจื้อลอบถอนหายใจอยู่ในใจ…ไม่มีหวังแล้ว
ฮ่องเต้แก่ชราจนเลอะเลือนไปแล้ว บัดนี้เอาแต่คิดว่าจะทำเช่นไรให้มีอายุยืนยาว หากมีเงิน เขาต้องนำไปสร้างหอบูชาเก้าชั้นแน่นอน ไม่มีทางนำเงินเหล่านี้ไปทำสงครามแน่
ฉินซ่างจื้อได้แต่ภาวนาอยู่ในใจ หวังว่าฮ่องเต้จะคิดได้ว่าการครอบครองต้าเหลียงมีความสำคัญต่อแคว้นต้าจิ้นมากเพียงใด
ตอนที่ฉินซ่างจื้อเดินออกมาจากห้องหนังสือ จู่ๆ เขาก็นึกถึงแคว้นต้าเยี่ยนขึ้นมา ความจริงตอนนี้ฉินซ่างจื้อก็ยังไม่แน่ใจว่าต้าเยี่ยนเก่งกาจสักเพียงใด
เป็นดังที่องค์หญิงเจิ้นกั๋วฝากเกาอี้จวิ้นจู่มาบอก…หากต้าเยี่ยนเป็นแคว้นที่อ่อนแอจริง เหตุใดพวกเขาถึงกล้าแบ่งทหารไปช่วยเป่ยหรงโจมตีหนานหรงกัน
หากต้าเยี่ยนเป็นแคว้นที่แข็งแกร่ง เหตุใดจักรพรรดิของต้าเยี่ยนถึงได้ประชวรหนักเพียงเพราะเครียดเรื่องต้าเหลียงและต้าเว่ยร่วมมือกันบุกโจมตีต้าเยี่ยนกัน
ฉินซ่างจื้อเดินก้มหน้าลงมาจากบันไดสูงที่มีโคมไฟสว่างแขวนอยู่ ทันใดนั้นเขาชะงักฝีเท้าลงทันที เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว ฉุกคิดสิ่งหนึ่งขึ้นมาได้…
จักรพรรดิต้าเยี่ยนจะแกล้งประชวรหนักเพื่อหาข้ออ้างเรียกตัวองค์ชายมู่หรงลี่กลับต้าเยี่ยนหรือไม่นะ
ทว่า เหตุใดต้าเยี่ยนต้องเรียกตัวมู่หรงลี่กลับแคว้นด้วย!
ฉินซ่างจื้อชะงักฝีเท้านิ่ง
“เหตุใดสหายฉินถึงหยุดอยู่ตรงนี้กัน มีเรื่องต้องการทูลองค์ชายอีกอย่างนั้นหรือ” เริ่นซื่อเจี๋ยเดินมาจากทางด้านหลัง เมื่อเห็นฉินซ่างจื้อหยุดเดินจึงเอ่ยถามยิ้มๆ
ฉินซ่างจื้อเบิกตาโพลงขึ้นทันที สมองของเขาราวกับถูกจุดประกายจนบัดนี้ชัดเจนแจ่มแจ้ง เป็นไปได้หรือไม่…
ต้าเยี่ยนเรียกตัวองค์ชายของพวกเขากลับไปเพราะต้องการประกาศศักดาให้ทุกแคว้นได้รับรู้ว่าต้าเยี่ยนยืดหยัดขึ้นมาได้อีกครั้งแล้ว พวกเขากลัวว่าต้าจิ้นจะใช้องค์ชายแห่งต้าเยี่ยนเป็นตัวประกันเพื่อข่มขู่ต้าเยี่ยน ดังนั้นจักรพรรดิแห่งต้าเยี่ยนจึงแสร้งทำเป็นประชวรหนักเพื่อเรียกตัวโอรสของตัวเองกลับไป
ฉินซ่างจื้อคิดได้ดังนี้จึงรีบหมุนตัววิ่งกลับไปยังห้องหนังสือขององค์รัชทายาททันที เริ่นซื่อเจี๋ยถลกชายชุดวิ่งตามหลังไปเช่นเดียวกัน
เมื่อเห็นฉินซ่างจื้อวกกลับมาอีกรอบ องค์รัชทายาทเงยหน้าขึ้น กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ฉินเซียนเซิงไม่ต้องเป็นห่วง พรุ่งนี้เราจะเข้าไปขอความเห็นจากเสด็จพ่อในวังแต่เช้า จะพยายามโน้มน้าวให้เสด็จพ่อยอมส่งทหารไปทำสงครามให้ได้”
ฉินซ่างจื้อโค้งกายคำนับองค์รัชทายาท “องค์ชาย กระหม่อมไม่ได้มากล่าวเรื่องนี้พะย่ะค่ะ ทว่า คือเรื่องขององค์ชายมู่หรงลี่แห่งแคว้นต้าเยี่ยนพ่ะย่ะค่ะ! จักรพรรดิแห่งต้าเยี่ยนไม่ใช่คนที่ไม่เคยเจออันตรายร้ายแรงหรือเรื่องเลวร้ายมาก่อน เหตุใดพระองค์จะประชวรหนักเพียงเพราะต้าเหลียงและต้าเว่ยร่วมมือกันบุกโจมตีต้าเยี่ยนพ่ะย่ะค่ะ นี่คงเป็นเพียงข้ออ้างในการเรียกตัวองค์ชายมู่หรงลี่กลับแคว้นต้าเยี่ยนเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”
องค์รัชทายาทยังไม่เข้าใจ “หากต้องการเรียกตัวองค์ชายกลับต้าเยี่ยน พวกเขาบอกเราตามตรงก็ได้ หรือจะเปลี่ยนตัวประกันก็ได้ เหตุใดต้องสร้างเรื่องว่าจักรพรรดิต้าเยี่ยนทรงประชวรหนักด้วย มันไม่สมเหตุสมผล…”
“องค์ชาย! สาเหตุที่ต้าเยี่ยนเรียกตัวองค์ชายมู่หรงลี่กลับแคว้นคงเป็นเพราะพวกเขาจะแสดงความสามารถที่แท้จริงของตัวเองให้ใต้หล้าได้เห็นแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ฉินซ่างจื้อกล่าวเสียงจริงจัง
องค์รัชทายาทมองไปทางฟางเหล่าแวบหนึ่ง จากนั้นหลุดขำออกมา “ฉินเซียนเซิงเป็นกังวลเกินไปหรือไม่ หลายปีมานี้ต้าเยี่ยนอยู่ได้โดยการพึ่งพาแคว้นต้าจิ้นมาโดยตลอด เรายอมรับว่าต้าเยี่ยนมีอำนาจมาขึ้นหลังจากยึดครองหนานเยี่ยนกลับคืนมาได้ พวกเขาจึงกล้านำทหารไปช่วยเหลือเป่ยหรง นี่ถือเป็นความสามารถที่พวกเขาแสดงออกมาให้เห็นแล้ว ต้าเยี่ยนจะทำสิ่งใดได้อีก พวกเขาจะบุกมาโจมตีต้าจิ้นอย่างนั้นหรือ!”
“องค์ชาย ครั้งนี้ต้าเยี่ยนคงบุกโจมตีแคว้นเว่ยโดยอ้างว่าแคว้นเว่ยบุกโจมตีพวกเขาก่อนพ่ะย่ะค่ะ ที่สำคัญต้าเยี่ยนต้องรบจนยึดครองแคว้นเว่ยได้แน่พ่ะย่ะค่ะ ต้าเยี่ยนหากเขาทำเช่นนี้ลงไป ต้าจิ้นจะจับตัวองค์ชายมู่หรงลี่ไว้ข่มขู่ต้าเยี่ยน ดังนั้นพวกเขาจึงอ้างว่าจักรพรรดิต้าเยี่ยนทรงประชวรหนักแล้วเรียกตัวองค์ชายมู่หรงลี่กลับไปพ่ะย่ะค่ะ เช่นนี้พวกเขาจะได้ไม่มีสิ่งใดต้องกังวลอีกพะย่ะค่ะ” ฉินซ่างจื้อกล่าวอย่างรวดเร็วและหนักแน่น “ถึงเวลานั้น เมื่อต้าเยี่ยนทำให้ทุกแคว้นหวาดหวั่นขึ้นมา ต้าจิ้นจะไม่มีสิ่งที่ใช้ควบคุมต้าเยี่ยนได้อีกพ่ะย่ะค่ะ”
“ทว่า เสด็จพ่อทรงอนุญาตให้มู่หรงลี่กลับแคว้นไปแล้ว มีพระราชโองการลงมาแล้ว…” องค์รัชทายาทขมวดคิ้วแน่น ทว่า ลึกๆ แล้วไม่ได้เห็นต้าเยี่ยนอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
ฟางเหล่าที่นั่งใช้ความคิดอยู่ใต้แสงไฟยกมือคารวะองค์รัชทายาท “องค์ชาย ไม่ว่าสิ่งที่ฉินเซียนเซิงกล่าวมาจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ทว่า ต้าเยี่ยนเรียกตัวองค์ชายมู่หรงลี่กลับไปอย่างกะทันหันเช่นนี้ องค์ชายส่งยอดฝีมือของเราตามไปคุ้มกันองค์ชายมู่หรงลี่จนถึงต้าเยี่ยยนดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ ถือเป็นการจับตาดูพวกเขาด้วย หากต้าเยี่ยนมีความเคลื่อนไหวใดๆ ค่อยให้พวกเขาจับตัวองค์ชายมู่หรงลี่กลับมาเพื่อป้องกันไว้ก่อนพ่ะย่ะค่ะ”
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินซ่างจื้อเห็นด้วยกับคำกล่าวของฟางเหล่าเป็นอย่างมาก เขารีบกล่าวขึ้น “ฟางเหล่ากล่าวถูกต้องแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
องค์รัชทายาทถอนหายใจออกมา “ในเมื่องฟางเหล่าและฉินเซียนเซิงล้วนกล่าวเช่นนี้ เช่นนั้นเราจะส่งองครักษ์ลับไปคุ้มกันองค์ชายมู่หรงลี่จนถึงต้าเยี่ยนก็แล้วกัน”
“องค์ชายทรงปรีชาชาญพ่ะย่ะค่ะ” ฉินซ่างจื้อโค้งคำนับ
“องครักษ์ลับที่องค์ชายส่งไปคุ้มกันจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋วล้วนเป็นยอดฝีมือ องค์ชายเรียกพวกเขากลับมาทำงานนี้แทนเถิดพ่ะย่ะค่ะ พรุ่งนี้เช้าองค์หญิงเจิ้นกั๋วจะเดินทางกลับซั่วหยางแล้ว นางไม่น่ามีอันตรายใดๆ แล้วพ่ะย่ะค่ะ” ฟางเหล่ากล่าว
“ได้ ฟางเหล่าจัดการได้เลย” องค์รัชทายาทกล่าวจบจึงหันไปสั่งให้เฉวียนอวี๋นำตะเกียงมาเพิ่มอีกสองตะเกียง จากนั้นนั่งอ่านฎีกาบนโต๊ะต่อ
ไป๋จิ่นจื้อกลับไปเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในจวนองค์รัชทายาทให้ไป๋ชิงเหยียนฟัง จากนั้นกลอกตามองบนอย่างอดไม่ได้ “องค์รัชทายาทกลัวฮ่องเต้ถึงเพียงนี้ หากวันหน้าพระองค์ได้ขึ้นครองราชย์ พระองค์อาจหวาดกลัวอวี๋กุ้ยเฟยเหมือนที่หวาดกลัวฮ่องเต้ก็ได้นะเจ้าคะ”
ไป๋ชิงเหยียนควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ดีกว่าไป๋จิ่นจื้อ หญิงสาวเงยหน้ามองไป๋จิ่นจื้อที่กำลังโมโห จากนั้นกล่าวขึ้น “ช่างเถิด เจ้าบอกสิ่งที่ต้องการบอกไปหมดแล้ว ผลสุดท้ายจะเป็นเช่นไรไม่ใช่เรื่องที่เราจะตัดสินใจได้ เจ้าไปพักผ่อนเถิด พรุ่งนี้เช้าพวกเราจะเดินทางกลับซั่วหยางแล้ว”
ไป๋จิ่นจื้อจากไปได้ไม่นาน หลูผิงก็มารายงานว่าองค์รัชทายาทเรียกตัวองครักษ์ลับของจวนองค์รัชทายาทที่เฝ้าอยู่หน้าจวนไป๋ไปหมดแล้ว หลูผิงลอบส่งคนตามไปจึงพบว่าองครักษ์ลับเหล่านั้นมุ่งหน้าออกไปจากเมืองหลวง
ไป๋ชิงเหยียนหัวเราะออกมาเบาๆ ฉินซ่างจื้อรู้ตัวช้าไปสักหน่อย
หญิงสาวให้ไป๋จิ่นจื้อไปกล่าวอยู่ตั้งนาน เดิมทีหญิงสาวคิดว่าฉินซ่างจื้อจะคิดได้ทันทีและรีบบอกให้องค์รัชทายาทไปจับตัวมู่หรงลี่ไว้ก่อน
นึกไม่ถึงว่ามู่หรงลี่ออกจากเมืองหลวงไปนานถึงเพียงนี้แล้ว องค์รัชทายาทถึงจะส่งคนตามไป
ไป๋ชิงเหยียนค่อนข้างชอบเด็กชายมู่หรงลี่ผู้นี้ เขาเป็นถึงโอรสที่เกิดจากฮองเฮา ทว่า ยอมมาเป็นตัวประกันแทนพี่ชายที่เกิดจากสนม อีกทั้งทำตัวสนิทสนมกลมกลืนกับคุณชายเจ้าสำราญในเมืองหลวงได้เป็นอย่างดีอีกต่างหาก
ไป๋ชิงเหยียนต้องมองเขาใหม่จริงๆ
ส่วนตัวแล้วไป๋ชิงเหยียนอยากให้มู่หรงลี่กลับไปถึงต้าเยี่ยนอย่างปลอดภัย ทว่า หากคิดเพื่อส่วนรวม ไป๋ชิงเหยียนคือชาวต้าจิ้น หญิงสาวไม่อาจทนดูต้าเยี่ยนยิ่งใหญ่ขึ้นอยู่เฉยๆ ได้
ดังนั้นไป๋ชิงเหยียนจึงไม่ได้ให้ไป๋จิ่นจื้อไปบอกอย่างชัดเจนว่าให้จับตัวมู่หรงลี่เอาไว้ ทว่า ขอเพียงไป๋จิ่นจื้อกล่าวถ้อยคำครบตามที่นางฝากไป เน้นว่าต้าเยี่ยนไม่ใช่ต้าเยี่ยนเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว มิเช่นนั้นคงไม่กล้าส่งทหารไปช่วยเป่ยหรง ฉินซ่างจื้อต้องนึกถึงเรื่องนี้ได้อย่างแน่นอน
ไป๋ชิงเหยียนเดาว่าคนขององค์รัชทายาทคงตามมู่หรงลี่ไม่ทันแล้ว
อย่าคิดว่ามู่หรงลี่เป็นเพียงเด็กชายคนหนึ่ง ทว่า เขาเป็นคนที่โหดร้ายกับตัวเองได้มากกว่าที่คิด เขาต้องมุ่งหน้ากลับไปยังต้าเยี่ยนโดยไม่หยุดพักแน่นอน
เป็นดังที่ไป๋ชิงเหยียนคิดไว้จริงๆ คนขององค์รัชทายาทตามไปถึงรถม้าของต้าเยี่ยน ทว่า ไม่พบตัวของมู่หรงลี่