สตรีแกร่งตระกูลไป๋ – ตอนที่ 695 ความคิดถึง

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 695 ความคิดถึง

มือขาวราวกับหยกของไป๋ชิงเหยียนสัมผัสไปบนหลังมือของเซียวหรงเหยี่ยน จากนั้นกุมข้อมือแกร่งของชายหนุ่มไว้หลวมๆ “การที่ต้าเยี่ยนจะทำลายแคว้นต้าเว่ยทำให้เลือดร้อนในกายของข้าพลุ่งพล่าน”

เซียวหรงเหยี่ยนไม่แปลกใจสักนิดที่ไป๋ชิงเหยียนเดาจุดประสงค์ของเขาออก ใช่แล้ว เขากำลังจะทำลายแคว้นต้าเว่ยให้ดับสูญ ประการแรกเพื่อทำให้ทุกแคว้นรับรู้ว่าต้าเยี่ยนในตอนนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว อีกประการคือทำเพื่อปูทางสำหรับวันข้างหน้า

“ทำลายต้าเหลียงอย่างนั้นหรือ” เซียวหรงเหยี่ยนถาม

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “ทว่า น่าเสียดายที่ข้าไม่ได้มีอำนาจตัดสินใจเรื่องในแคว้นต้าจิ้น ทั้งฮ่องเต้และองค์รัชทายาทล้วนหวาดกลัวที่จะตกเป็นเป้าโจมตีของทุกแคว้น พวกเขาไม่มีทางทำลายแคว้นต้าเหลียงง่ายๆ แน่”

“ดูเหมือนว่าข้าอาจจะรวบรวมใต้หล้าแห่งนี้ได้ก่อนอาเป่า จะได้แต่งอาเป่ามาเป็นภรรยาแล้ว” เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวพลางขยับหน้าเข้าไปใกล้ไป๋ชิงเหยียน จุมพิตไปบนริมฝีปากของหญิงสาวเบาๆ มือที่วางอยู่บนบ่าเลื่อนไปกุมเอวของหญิงสาวไว้ รั้งกายของนางเข้ามาใกล้กว่าเดิม เซียวหรงเหยี่ยนผละริมฝีปากออกจากริมฝีปากของไป๋ชิงเหยียน ใช้นิ้วหัวแม่มือสัมผัสไปบนริมฝีปากของหญิงสาวเบาๆ จากนั้นจ้องหน้านางนิ่งอยู่เช่นนั้น

หากไม่ใช่เพราะทั้งคู่มีกำแพงและหน้าต่างกั้นอยู่ เซียวหรงเหยี่ยนคงรั้งตัวไป๋ชิงเหยียนเข้ามากอดไว้แนบอกให้คลายความคิดถึงที่มีต่อนางตลอดหลายวันที่ผ่านมาแล้ว

ร่างของไป๋ชิงเหยียนถูกโอบล้อมด้วยกลิ่นอายจากร่างของเซียวหรงเหยี่ยน กลิ่นหอมอ่อนๆ จากไม้กฤษณาบนร่างของชายหนุ่มโชยเข้ามาเต็มปอดของไป๋ชิงเหยียนทำให้หญิงสาวเริ่มหายใจติดขัด ใจเต้นรัวราวกับจะหลุดออกมาจากร่าง

ไป๋ชิงเหยียนกระชับมือที่กุมมือของเซียวหรงเหยี่ยนอยู่แน่นขึ้น เขย่งปลายเท้าเล็กน้อย ปลายจมูกของทั้งสองสัมผัสกัน ไป๋ชิงเหยียนได้ยินเสียงลมหายใจหอบของเซียวหรงเหยี่ยน ชายหนุ่มกุมใบหน้าด้านข้างของไป๋ชิงเหยียนไว้ ประทับริมฝีปากร้อนลงไปอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่การสัมผัสเพียงผิวเผินอีกแล้ว ชายหนุ่มแทบอยากอุ้มร่างของไป๋ชิงเหยียนออกมาจากหน้าต่าง กอดไว้ในอ้อมกอดของตน จากนั้นพาหญิงสาวจากไปพร้อมกับเขา ให้นางอยู่ข้างกายของเขาตลอดไป

ทว่า ชายหนุ่มรู้ดีว่าไป๋ชิงเหยียนไม่ใช่สตรีที่จะยอมเป็นช้างเท้าหลังของบุรุษ นางมีปณิธานที่ยิ่งใหญ่รออยู่ เซียวหรงเหยี่ยนมองไป๋ชิงเหยียนเป็นคู่แข่งเช่นเดียวกัน

เซียวหรงเหยี่ยนอยากให้ใต้หล้ารวมเป็นหนึ่งในเร็ววัน เขาจะได้แต่งงานกับไป๋ชิงเหยียนเสียที

เมื่อได้ยินเสียงกรอบแกรบดังมาจากด้านนอก ไป๋ชิงเหยียนจึงรีบผลักร่างของเซียวหรงเหยี่ยนออก จากนั้นหันไปมองทางนอกม่านแวบหนึ่ง กลัวว่าจะทำให้สาวใช้ขี้เซาผู้นั้นตื่นขึ้นมา หญิงสาวหันไปกล่าวกับเซียวหรงเหยี่ยนเสียงแผ่วเบา “ท่านรีบกลับไปพักผ่อนเถิด”

ลำคอของเซียวหรงเหยี่ยนร้อนผ่าว เขาพยายามควบคุมจังหวะการหายใจของตัวเอง เอื้อมมือจับปอยผมของไป๋ชิงเหยียนไปทัดไว้หลังใบหู ก้มจุมพิตลงบนริมฝีปากของไป๋ชิงเหยียนอีกครั้ง จากนั้นกล่าวขึ้น “พรุ่งนี้ข้าไม่อาจมาอวยพรวันเกิดให้อาเป่าได้ เมื่อสงครามสงบลง ข้าจะชดเชยให้เจ้าแน่นอน”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า ใบหน้าของนางแดงก่ำราวกับสีเลือด

เมื่อคำนวณดูเวลา เซียวหรงเหยี่ยนคิดว่าองครักษ์ลับของจวนไป๋คงใกล้กลับมาแล้ว ชายหนุ่มจึงร่ำลาไป๋ชิงเหยียนอย่างอาลัยอาวรณ์ เซียวหรงเหยี่ยนคลุมหมวกดำไว้บนศีรษะตามเดิม จากนั้นหายลับไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงจันทร์และแสงดาว

ไป๋ชิงเหยียนก้มหน้ามองของขวัญที่เซียวหรงเหยี่ยนอุตส่าห์นำมามอบให้นางด้วยตัวเองอยู่ตรงหน้าหน้าต่างที่เปิดอ้า หญิงสาวเปิดกล่องออก…

ด้านในคือกำไลข้อมือหยกสีมรกตหนึ่งเส้น มันสะท้อนความแวววาวและเนื้อที่เนียนละเอียดท่ามกลางแสงจันทร์

เมื่อเทียบกับกำไลข้อมือเส้นอื่นแล้ว ไป๋ชิงเหยียนรู้สึกว่ากำไลข้อมือเส้นนี้ล้ำค่าและประณีตจนไม่กล้านำมาใส่ประดับกาย รู้สึกอยากทะนุถนอมมันไว้ให้ดีมากกว่า

สีของกำไลหยกเส้นนี้คือสีเขียวจักรพรรดิซึ่งบริสุทธิ์ที่สุด มีความหนาแน่นและลึกล้ำ ขอบของกำไลมีการแกะสลักลึกลงไปเป็นทรงเปลือกถั่ว ตรงรอยอ้าของเปลือกมีเมล็ดถั่วสีแดงอยู่ด้านใน…

เมล็ดถั่วแดงที่ฝังอยู่ในกำไลทำมาจากปะการังสีแดง เมื่อมองผ่านๆ อาจเข้าใจผิดว่าเป็นถั่วแดงจริงๆ

กำไลหยกเส้นนี้ไม่เพียงทำขึ้นอย่างประณีตไร้ที่ติ มันยังเป็นของล้ำค่าที่หาได้ยากอีกด้วย การแกะสลักบนกำไลงดงามและประณีตมาก ไป๋ชิงเหยียนเดาไม่ออกว่าคนแกะสลักนำปะการังสีแดงที่ปั้นเป็นเม็ดเล็กๆ ฝังลงไปในกำไลข้อมือนี้ได้อย่างไร ช่างน่าพิศวงยิ่งนัก

ไป๋ชิงเหยียนจ้องไปที่เมล็ดถั่วแดงที่ทำมาจากปะการังสีแดงนิ่ง ยกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย เมล็ดถั่วแดงสื่อถึงความคิดถึง…

เซียวหรงเหยี่ยนใส่ใจมากจริงๆ

เมื่อได้ยินเสียงตื่นนอนของสาวใช้ที่อยู่เฝ้าเวร ไป๋ชิงเหยียนจึงเก็บกำไลไว้ในกล่องกำมะหยี่ตามเดิม ปิดประตูหน้าต่างให้สนิท เมื่อหันกลับไปก็เห็นสาวใช้คุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยท่าทีหวาดกลัว “คุณ…คุณหนูใหญ่ บ่าวสมควรตายเจ้าค่ะ บ่าวไม่ทราบว่าคุณหนูใหญ่ตื่นแล้ว คุณหนูใหญ่จะดื่มน้ำอุ่นหรือไม่เจ้าคะ”

“เจ้าไม่ต้องเฝ้าอยู่ที่นี่แล้ว กลับไปพักผ่อนเถิด” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว

“คุณหนูใหญ่…” สาวใช้เงยหน้ามองไปยังผ้าคลุมไหล่ที่อยู่บนร่างของไป๋ชิงเหยียนทั้งน้ำตา “คุณหนูใหญ่ต้องการสิ่งใดเจ้าคะ บ่าวสมควรตาย! บ่าวเผลอหลับไป คุณหนูใหญ่โปรดระงับโทสะด้วยเจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่ต้องการสิ่งใด บ่าวจะออกไปนำมาให้คุณหนูใหญ่เดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนกล่าวยิ้มๆ “ไปเถิด ข้าไม่ต้องการคนคอยปรนนิบัติแล้ว”

เมื่อสาวใช้เห็นว่าคุณหนูใหญ่ไม่ได้โมโห นางจึงก้มศีรษะคำนับแนบพื้น จากนั้นหอบผ้าห่มของตัวเองเดินออกไปจากห้อง ทว่า นางไม่เข้าใจว่าคุณหนูใหญ่คลุมผ้าคลุมไหล่ไว้เช่นนั้นเพื่อเตรียมจะไปที่ใดกันแน่

นางหันกลับไปมองในห้องแวบหนึ่ง ทว่า ไม่กล้าเอ่ยถามให้มากความ เมื่อไตร่ตรองดูแล้วจึงตัดสินใจนั่งคลุมผ้าห่มเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูห้อง นางเตือนสติตัวเองว่าห้ามเผลอหลับไปอีกเด็ดขาด มิเช่นนั้นนางอาจไม่ได้ยินว่าคุณหนูใหญ่ต้องการสิ่งใด

คุณหนูใหญ่ยังได้รับบาดเจ็บอยู่ แม้คุณหนูใหญ่จะเมตตาไม่ถือสานาง ทว่า สาวใช้อย่างพวกนางควรรู้หน้าที่ของตัวเอง

เช้าวันต่อมา ชุนเถาที่เป็นห่วงบาดแผลของไป๋ชิงเหยียนตื่นนอนตั้งแต่เช้าตรู่ นางผูกเชือกเครื่องแต่งกายของตัวเองพลางเดินออกมาจากห้อง เมื่อเห็นสาวใช้ที่อยู่เวรเมื่อคืนนอนอยู่หน้าห้อง ชุนเถาตกใจมาก นางรีบวิ่งลงไปจากระเบียงทางเดิน ย่อกายเขย่าปลุกสาวใช้ “เหตุใดเจ้าถึงมานอนอยู่ด้านนอกเช่นนี้!”

สาวใช้เงยหน้าขึ้นอย่างสะลึมสะลือ ใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำลายที่มุมปาก “พี่ชุนเถา…”

“เหตุใดเจ้าถึงไม่อยู่เฝ้าคุณหนูใหญ่ที่ด้านในห้องให้ดี” ชุนเถารีบซักถาม

“คุณหนูใหญ่สั่งให้ข้ากลับไปพักผ่อน ข้าไม่วางใจจึงอยู่เฝ้าที่ด้านนอกเจ้าค่ะ นึกไม่ถึงว่าจะเผลอหลับไปอีกแล้ว” สาวใช้กล่าวพลางจามออกมา นางรีบใช้นิ้วบีบจมูกของตัวเองทันที

ชุนเถาขมวดคิ้วแน่น มองไปทางสาวใช้ที่ยังคงสะลึมสะลือ “เอาเถิดๆ เจ้ากลับไปพักเถิด ข้าจะดูแลคุณหนูใหญ่เอง”

เมื่อวานชุนเถาไม่ควรตกลงให้สาวใช้ผู้นี้มาดูแลคุณหนูใหญ่เพียงเพราะนางเสนอตัว นางยังเด็กอยู่ จึงเผลอหลับไปกลางดึก คุณหนูใหญ่ใจอ่อน เมื่อเห็นว่าเด็กสาวหลับสนิทจึงไล่นางกลับไปพักผ่อนที่ห้องของตัวเอง

ชุนเถามองส่งสาวใช้ผู้นั้นหอบเครื่องนอนของตัวเองจากไป ชุนเถาตัดสินใจว่าจะขอให้คุณหนูใหญ่เลื่อนขั้นชุนจือมาเป็นสาวใช้ระดับหนึ่ง ชุนจือเป็นคนสุขุมและขยัน ถงหมัวมัวก็คิดว่านางไม่เลวเช่นเดียวกัน นางไม่เหมือนกับสาวใช้บางคนที่ไม่เจียมตัว

หากเลื่อนขั้นชุนจือมาเป็นสาวใช้ระดับหนึ่งได้สำเร็จ ต่อไปชุนเถากับชุนจือจะได้สลับกันเฝ้าเวรกลางคืน เช่นนี้นางจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงมากนัก

ส่วนคนอื่นๆ เดี๋ยวนางค่อยคัดเลือกใหม่อีกที

ไป๋ชิงเหยียนหลับสนิทตลอดคืน เมื่อล้างหน้าทำผมเสร็จ ต่งซื่อ ต่งถิงเจินและฉินหมัวมัวก็มาที่จวนพอดี ถงหมัวมัวถือถาดอาหารสี่เหลี่ยมสีดำที่มีบะหมี่อายุยืนซึ่งต่งซื่อลงมือทำเองเมื่อเช้าวางอยู่เข้ามาในห้อง

ส่วนน้ำแกงของบะหมี่ ต่งถิงเจินเป็นคนตื่นขึ้นมาต้มให้ไป๋ชิงเหยียนตั้งแต่เช้า

ไป๋ชิงเหยียนทานบะหมี่อายุยืนที่กำลังร้อนๆ แล้วรู้สึกว่าใจพลอยอุ่นวาบไปด้วย ไป๋ชิงเหยียนกำลังใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดมุมปากอยู่ก็เห็นต่งถิงเจินหันไปรับกล่องไม้สีแดงจากมือสาวใช้มายื่นให้ตน

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

Status: Ongoing
นิยายจีนโบราณเข้มข้น ปะทะคารม ทดสอบไหวพริบ สนุกถึงใจ!เพราะถูกคนชั่วหลอกใช้ชาติก่อนคนทั้งตระกูลของนางจึงต้องตายอย่างน่าอนาถ ไร้ซึ่งคนทวงถามความเป็นธรรมชาตินี้นางหวนกลับมาก่อนเรื่องราวเกิดขึ้น แม้เพียงเล็กน้อยแต่หากสามารถช่วยเหลือคนในครอบครัวได้แม้สักคนนางก็ยินดีทุ่มเทกำลังให้ถึงที่สุดสตรีตระกูลไปแต่ไรมาแกร่งกล้ำเพียบพร้อมบุ๋นบู๊ แม้ไร้ซึ่งที่พึ่งพิงแล้วจริงแต่ก็จะไม่ยอมให้ผู้ใดมากดขี่ได้!และเพราะเรื่องราวที่เปลี่ยนแปลงไปนางจึงได้พบกับ ‘เขา’ ไวกว่าชาติก่อนเขาผู้นี้แม้ภายนอกดูป็นมิตรและสง่งามกว่าใคร แต่นงแจ่มแจ้งดีว่าเขาเจ้าเล่ห์และอำหิตมากเพียงไหนชาติก่อนแม้ยืนกันคนละฝั่งแต่บุรุษผู้นี้กลับเป็นผู้มอบทางรอดให้แก่นาง อย่างนั้นชาตินี้นางก็ย่อมตอบแทนเขาเป็นอย่างดีเช่นกัน“แม่นางไปช่วยเหลือข้าหลายครั้งหลายครา ใช่ว่าชื่นชอบข้าหรือไม่?”“คุณชายเข้าใจผิดแล้วล่ะ”“ข้าช่วยเหลือแม่นางไปมาหลายครั้งหลายครา แม่นางไปมีใจชื่นชอบข้าบ้างหรือไม่?”“…”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท