ตอนที่ 698 วางมาด
“เรียนคุณหนูใหญ่ ท่านประมุขเป็นคนพามาขอรับ คงเป็นเพราะได้ยินว่าคุณหนูใหญ่เรียกพบท่านเจ้าเมืองเสิ่นและนายอำเภอโจว ท่านประมุขไป๋จึงถูกคนเหล่านั้นเซ้าซี้ให้พามาให้ได้ขอรับ”
ตอนที่พ่อบ้านเหาได้รับรายงานจากคนเฝ้าประตูและตามออกไปดูที่หน้าจวน เขาเห็นคนแบกเกี้ยวซึ่งเหงื่อออกเต็มใบหน้าทั้งๆ ที่อากาศเย็นเช่นนี้ยืนใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดเหงื่ออยู่ด้านข้าง เห็นได้ชัดว่าเร่งแบกเกี้ยวมาอย่างรวดเร็ว ทว่า แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ยังมีคนในตระกูลบรรพบุรุษไป๋ต่อว่าหาว่าประมุขไป๋จงใจถ่วงเวลาอยู่ดี
“รับของขวัญเอาไว้แล้วส่งไปให้ไป๋ชิงผิง ให้เขานำไปใช้ฝึกฝนชาวบ้านปราบปรามโจรป่า ถือว่าตระกูลบรรพบุรุษไป๋ได้มีส่วนช่วยเหลือในเรื่องนี้บ้างแล้ว” ไป๋ชิงเหยียนวางถ้วยน้ำชาลงด้านข้าง ใช้มือกุมหน้าอกเบาๆ จากนั้นประคองมือชุนเถาลุกขึ้น
“ให้พวกเขากลับไปให้หมด ข้าได้รับบาดเจ็บหนัก ไม่สะดวกพบแขก”
“ขอรับ!” พ่อบ้านเหารับคำแล้วเดินออกจากโถงรับรองไปบอกคนเหล่านั้นด้วยตัวเอง
ประมุขไป๋ไป๋ฉีเหอยืนรออยู่ด้านนอกอย่างกระวนกระวาย
วันนี้คนในตระกูลบรรพบุรุษไป๋มาอออยู่ที่หน้าประตูจวนของเขาตั้งแต่เช้าตรู่ กล่าวว่าต้องการนำของขวัญวันเกิดมามอบให้องค์หญิงเจิ้นกั๋ว เดิมทีไป๋ฉีเหอไม่อยากมา อ้างว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วได้รับบาดเจ็บอยู่ ไม่ควรมารบกวนนาง ให้คนส่งของขวัญมาที่จวนไป๋เพื่อแสดงความจริงใจก็พอแล้ว
ทว่า ทุกคนกลับแย่งกันรับหน้าที่มามอบของขวัญให้ไป๋ชิงเหยียนที่จวนไป๋ ไม่มีผู้ใดยอมลงให้กันแม้แต่น้อย ทุกคนทะเลาะกันที่หน้าจวนของไป๋ฉีเหอขึ้นมาทันที
พวกเขาคิดว่าครั้งนี้ไป๋ชิงเหยียนช่วยชีวิตองค์รัชทายาทเอาไว้ ไป๋ชิงเหยียนคงมีความสำคัญในสายตาขององค์รัชทายาทมากขึ้นกว่าเดิมมาก หากไป๋ชิงเหยียนยินดีสนับสนุนทายาทของตระกูลบรรพบุรุษไป๋ ตระกูลบรรพบุรุษไป๋คงรุ่งเรืองสืบไปแน่นอน
หรือกล่าวง่ายๆ ว่าพวกเขาอยากให้ไป๋ชิงเหยียนสนับสนุนลูกหลานของครอบครัวตนเอง เช่นนี้ครอบครัวของตนจะได้มีโอกาสเจริญรุ่งเรืองดั่งเช่นตระกูลไป๋แห่งเมืองหลวงบ้าง
ต่อมาไม่รู้ว่าบ่าวของผู้ใดเข้ามารายงานว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วส่งคนไปตามเจ้าเมืองเสิ่นและนายอำเภอโจวไปพบที่จวนไป๋ คนในตระกูลบรรพบุรุษไป๋จึงลุกฮือขึ้นมาอีกครั้ง ไป๋ฉีเหอห้ามไว้ไม่ได้จึงได้แต่ตามมาด้วยเพื่อป้องกันไม่ให้คนเหล่านี้ทำสิ่งใดล่วงเกินองค์หญิงเจิ้นกั๋ว
คงเป็นเพราะบุตรชายคนรองของอดีตประมุขไป๋ผู้นี้ไม่เคยเข้าร่วมการประชุมเล็กใหญ่ของตระกูลเลยสักครั้ง เขาเอาแต่หมกตัวศึกษาตำราโบราณอยู่แต่ในห้อง ไม่เคยมีบทบาทสำคัญในตระกูลไป๋ ไม่เคยวางมาดต่อหน้าคนในตระกูล ดังนั้นเมื่อไป๋ฉีเหอเป็นคนดำรงตำแหน่งประมุขของตระกูล คนในตระกูลบรรพบุรุษจึงไม่เกรงกลัวเขาสักเท่าใดนัก
ไม่นานพ่อบ้านเหาก็เดินออกมาจากจวน เขาทำความเคารพไป๋ฉีเหอแล้วกล่าวขึ้น “ขออภัยขอรับท่านประมุข คุณหนูใหญ่ของพวกเราได้รับบาดเจ็บหนักจึงไม่สะดวกออกมาพบแขกขอรับ คุณหนูใหญ่สั่งว่าให้ส่งของขวัญของทุกท่านไปยังค่ายทหารเพื่อใช้ในการปราบปรามโจรป่า ข้าขอขอบพระคุณทุกท่านแทนคุณหนูใหญ่ด้วยขอรับ”
คนหนึ่งในตระกูลบรรพบุรุษไป๋ได้ยินเช่นนี้จึงก้าวไปด้านหน้า เอ่ยถามเสียงดัง “องค์หญิงเจิ้นกั๋วเรียกพบท่านเจ้าเมืองเสิ่นและนายอำเภอโจวได้ เหตุใดพอถึงตาของคนในตระกูลจึงอ้างว่าได้รับบาดเจ็บหนักได้เล่า คนในตระกูลบรรพบุรุษไป๋อย่างพวกเราไม่มีค่า ทำประโยชน์อันใดไม่ได้ องค์หญิงเจิ้นกั๋วจึงได้วางมาดเมื่ออยู่ต่อหน้าพวกเราอย่างนั้นหรือ!”
ผู้กล่าวอายุประมาณห้าสิบกว่า เขาถือไม้เท้า กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ หน้าอกกระเพื่อมด้วยความโมโห
เมื่อพ่อบ้านเหาได้ยินเช่นนี้จึงแสยะยิ้มเย็นออกมา เขาไม่แม้แต่จะสนใจ หันไปโค้งกายคำนับประมุขไป๋ไป๋ฉีเหออีกครั้ง จากนั้นหมุนตัวเตรียมกลับเข้าจวน
ทว่า ผู้อาวุโสของตระกูลบรรพบุรุษไป๋กลับไม่ยอมจบ เขากล่าวอย่างคนที่อาวุโสกว่า “ไม่ว่าอย่างไรคนที่มาที่นี่วันนี้ล้วนเป็นผู้อาวุโสของตระกูลบรรพบุรุษ ได้ยินว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วพบหน้าท่านเจ้าเมืองเสิ่นและนายอำเภอโจวแล้ว คนแก่อย่างพวกข้าถึงได้ลากสังขารมาที่จวนไป๋เพื่อมอบของขวัญและอวยพรวันเกิดให้องค์หญิงเจิ้นกั๋ว ทว่า พวกเจ้ารับไว้แต่ของขวัญ ไม่ยอมพบหน้าแบบนี้มันใช้ได้ที่ใดกัน!”
“นั่นนะสิ พบหน้าเจ้าเมืองเสิ่นและนายอำเภอโจวแล้ว ทว่า ไม่มีแรงแม้แต่จะพบหน้าประมุขไป๋เลยหรืออย่างไรกัน หากกล่าวออกไปผู้ใดจะเชื่อ!”
พ่อบ้านเหามองดูผู้อาวุโสสองคนของตระกูลบรรพบุรุษไป๋ที่กำลังตะโกนเข้าไปในจวนด้วยไป๋ด้วยแววตาเย็นชา กล่าวเสียงเรียบนิ่ง “เช่นนั้นท่านผู้อาวุโสก็คิดเสียว่าคุณหนูใหญ่ของข้าไม่อยากพบหน้าท่านเถิดขอรับ เป็นดั่งที่ท่านกล่าว พวกท่านเป็นเพียงคนไม่มีประโยชน์ พวกท่านเป็นคนตระกูลเดียวกับคุณหนูใหญ่ของข้าจึงมีสิทธิ์มายืนอยู่ตรงนี้ได้ ทว่า คุณหนูใหญ่ของพวกข้ามีศักดิ์เป็นถึงองค์หญิง นางต้องลดตัวออกมาพบหน้าพวกท่านทั้งๆ ที่ยังป่วยอยู่อย่างนั้นหรือ น่าขันเสียจริง…”
กล่าวจบ พ่อบ้านเหาสะบัดแขนเสื้อเดินเข้าไปในจวนไป๋ทันที จากนั้นกล่าวเสียงดังลั่นอย่างจงใจ
“ถ่ายทอดคำสั่งลงไป หากผู้ใดกล้ามาอาละวาดที่หน้าจวนไป๋จนรบกวนการพักผ่อนของคุณหนูใหญ่ จงไปเชิญนายอำเภอโจวมาจับตัวคนไปได้เลย คุณหนูใหญ่จะได้พักรักษาตัวอย่างสงบหรือไม่ขึ้นอยู่กับว่านายอำเภอโจวจะจัดการเรื่องนี้เช่นไร!”
“ต่อให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วจะมีศักดิ์สูงส่งเป็นถึงองค์หญิง ทว่า พวกเราถือป็นคนในตระกูลเดียวกันไม่ใช่หรือ!” ผู้อาวุโสคนนั้นอยากกล่าวสิ่งใดออกมาอีก ทว่า ถูกบุตรชายของเขารั้งไว้เสียก่อน
พวกเขาเคยเห็นกับตาของตัวเองว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วจัดการกับครอบครัวของน้องชายแท้ๆ ของอดีตประมุขไป๋และครอบครัวของไป๋ฉีอวิ๋น พี่ชายแท้ๆ ของประมุขไป๋คนปัจจุบันเช่นไรบ้าง วันนี้พวกเขามาที่จวนไป๋โดยไม่ได้รับเชิญ พวกเขาจะกล้าทำตัวเหิมเกริมเช่นนี้ต่อไปได้อย่างไรกัน
ที่สำคัญเรื่องที่ตระกูลบรรพบุรุษไป๋ทำให้องค์หญิงใหญ่โมโหจนกระอักเลือดในตอนนั้นแพร่กระจายไปทั่วทั้งแคว้นต้าจิ้นแล้ว คนส่วนใหญ่ต่างกล่าวว่าตระกูลบรรพบุรุษไป๋ไม่เจียมตัว
บัดนี้องค์หญิงเจิ้นกั๋วพักรักษาตัวอยู่ในจวนไป๋ หากพวกเขาอาละวาดอยู่นอกจวนไป๋เช่นนี้ ต่อให้พวกเขาจะถูกนายอำเภอโจวจับตัวไปก็คงไม่มีผู้ใดสงสารพวกเขา มีแต่จะคิดว่าคนตระกูลบรรพบุรุษไป๋ได้คืบจะเอาศอก
ผู้อาวุโสเห็นสีหน้าของบุตรชายแล้วนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่หอบรรพชนของตระกูลไป๋ขึ้นมาเช่นเดียวกัน เขาหน้าถอดสีเล็กน้อย ถือไม้เท้าหมุนตัวกลับทันที “พวกเราไปหาท่านอดีตประมุขไป๋กัน!”
คนอื่นๆ ในตระกูลบรรพบุรุษไป๋มองหน้ากันไปมา บางคนตามผู้อาวุโสจากไป บางคนมองไปทางประมุขไป๋
“ท่านประมุข เราจะทำเช่นไรกันต่อดี” คนในตระกูลบรรพบุรุษไป๋คนหนึ่งเอ่ยถามไป๋ฉีเหออย่างตรงไปตรงมา “เดิมทีข้าคิดว่าวันนี้จะได้พบหน้าองค์หญิงเจิ้นกั๋ว ข้ารวบรวมเงินที่มีอยู่เกือบทั้งหมดของข้าหาซื้อของขวัญชิ้นใหญ่ชิ้นนี้มามอบให้องค์หญิงเจิ้นกั๋ว หวังจะขอให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วช่วยสนับสนุนเด็กๆ ในตระกูลไป๋ พวกเราจะปล่อยให้ราชสำนักไม่มีคนของตระกูลไป๋อยู่ไม่ได้นะขอรับ”
ไป๋ฉีเหอหันไปมองคนตระกูลบรรพบุรุษไป๋ที่มีสีหน้าร้อนรน เขาเตรียมกล่าวขึ้น ทว่า ได้ยินเสียงแทรกขึ้นเสียก่อน…
“ตอนนี้องค์หญิงเจิ้นกั๋วได้รับบาดเจ็บเพราะช่วยชีวิตองค์รัชทายาทเอาไว้ องค์รัชทายาทส่งของล้ำค่ามากมายมายังจวนไป๋ หากองค์หญิงเจิ้นกั๋วทูลขอร้ององค์รัชทายาทตอนนี้ ย่อมได้ผลกว่าเวลาใดทั้งหมดแน่นอน ที่สำคัญองค์หญิงเจิ้นกั๋วเป็นเพียงสตรี นางไม่อาจทำงานในราชสำนักได้ หากในราชสำนักมีคนของเราอยู่ ล้วนเป็นผลดีต่อองค์หญิงเจิ้นกั๋วทั้งสิ้น!”
“นั่นสิ ความสำคัญของการมีอยู่ของตระกูลบรรพบุรุษคือการช่วยเหลือและสนับสนุนกัน หากมีเกียรติก็พลอยมีเกียรติไปด้วยกัน พวกเราจึงควรช่วยกันทำให้ตระกูลบรรพบุรุษเจริญรุ่งเรืองถึงจะถูก!”