ตอนที่ 707 ตะลึง
ผู้เฒ่าหมิ่นเซียนซิวเซียนเซิงส่ายหน้ายิ้มๆ จากนั้นก้มหน้าเขียนพู่กันต่อ
วันที่หก เดือนสิบเอ็ด สมัยรัชศกเซวียนเจียปีที่สิบหก เมืองหวาหยางเกิดโรคระบาด องค์รัชทายาททรงมีรับสั่งให้ปิดเมือง หมอหลวงแห่งราชสำนักหมอหลวงสามคนซึ่งมีหมอหลวงหวงเป็นผู้นำขอเดินทางไปยังเมืองหวาหยาง พวกเขารวบรวมหมอชาวบ้านมากมายมุ่งหน้าไปรักษาโรคระบาดที่เมืองหวาหยาง
วันที่แปด เดือนสิบเอ็ด สมัยรัชศกเซวียนเจียปีที่สิบหก ชาวบ้านกลุ่มใหญ่ที่อพยพออกจากเมืองหวาหยางยังไม่ทันเข้าใกล้เมืองหลวงก็พบกับกองกำลังรักษาพระองค์ดักสังหารตามคำสั่งขององค์รัชทายาทเสียก่อน ศพของพวกเขาถูกโยนทิ้งในป่าช้า ชาวบ้านที่โชคดีหนีไปยังเมืองซั่วหยางได้รับการรักษาอยู่ที่กระโจมที่พักนอกเมืองซั่วหยาง เมื่อชาวบ้านอพยพได้ยินข่าวจึงพากันมุ่งหน้าไปยังเมืองซั่วหยาง วันที่ยี่สิบ เดือนสิบเอ็ด ชาวบ้านอพยพกว่าพันคนได้รับการรักษาอยู่ในกระโจมที่พักชั่วคราวนอกเมืองซั่วหยาง
วันที่ยี่สิบหก เดือนสิบเอ็ด สมัยรัชศกเซวียนเจียปีที่สิบหก ทูตของแคว้นต้าจิ้นหลิ่วหรูซื่อเดินทางไปถึงต้าเหลียง ขอให้ต้าเหลียงแบ่งดินแดนที่ตกลงกันไว้ตอนแรกให้แก่ต้าจิ้น จักรพรรดิแห่งต้าเหลียงปฏิเสธกลางราชสำนักว่าไม่เคยรับปากจะยกดินแดนให้ต้าจิ้น อีกทั้งไม่ยอมถอยกองทัพของต้าเหลียงออกจากต้าเยี่ยน กล่าวว่าการโจมตีต้าเยี่ยนเป็นเรื่องภายในของต้าเหลียง แคว้นอื่นไม่ควรเข้ามาวุ่นวาย ทูตของต้าจิ้นหลิ่วหรูซื่อสะบัดแขนเสื้อจากไปอย่างโมโห
วันที่ยี่สิบเจ็ด เดือนสิบเอ็ด สมัยรัชศกเซวียนเจียปีที่สิบหก ต้าจิ้นส่งสารท้ารบไปยังต้าเหลียง วันที่ยี่สิบเก้าเดือนเดียวกัน แม่ทัพใหญ่หลิวหงแห่งแคว้นต้าจิ้นนำกองทัพบุกโจมตีต้าเหลียง ยึดเฝินกวน เมืองหงเชวี่ย ต้าเหลียงสูญเสียเมืองไปทั้งสิ้นหกเมือง วันที่สาม เดือนสิบสอง กองทัพต้าเหลียงที่ถอยทัพกลับมาจากต้าเยี่ยนต่อสู้กับต้าจิ้นจนยึดเมืองคืนมาได้สองแห่ง กองทัพต้าจิ้นมีกำลังไม่เพียงพอ กองทัพค่ายผิงอันเดินทางไปเสริมทัพที่เมืองหงเชวี่ย
วันที่เจ็ด เดือนสิบสอง สมัยรัชศกเซวียนเจียปีที่สิบหก เกาอี้จวิ้นจู่ไป๋จิ่นจื้อนำทหารค่ายผิงอันจำนวนสองพันนายเดินทางเข้าบุกไปโจมตีเมืองกวนตู้ในยามวิกาลจนยึดเมืองกวนตู้ได้
ในขณะเดียวกันต้าเยี่ยนยึดเมืองหมิงตูและอวี๋เฟิงที่เคยสูญเสียไปกลับคืนมาได้ จากนั้นบุกโจมตีกลับแคว้นเว่ย ต้าเยี่ยนแบ่งทหารออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งนำโดยแม่ทัพผู้ดุดันเซี่ยสวิน ดาบของเขาชี้ไปทางใดล้วนยึดครองเมืองของแคว้นเว่ยมาได้ ทหารอีกกลุ่มหนึ่งนำโดยองค์ชายรองมู่หรงผิงแห่งแคว้นต้าเยี่ยน เขาบุกโจมตีเมืองทางเหนือของแคว้นเว่ย แคว้นอื่นๆ ต่างตกอยู่ในความตะลึง
ไป๋ชิงเหยียนนั่งอ่านรายงานทางทหารอยู่ริมหน้าต่างท่ามกลางแสงจากเปลวเทียน หญิงสาวจุดไฟเผาจดหมายทิ้งด้วยสีหน้าเรียบเฉย จากนั้นทิ้งเศษกระดาษลงไปในเตาผิง แววตาราบเรียบสงบนิ่ง
แคว้นต้าเยี่ยนที่เคยอ่อนแอ เคยถูกแคว้นเว่ยโจมตีจนสูญเสียดินแดนไปมากมาย ทุกแคว้นต่างคิดว่าต้าเยี่ยนไม่มีทางผงาดขึ้นมาอีกครั้งได้แล้ว ทุกคนคิดไม่ถึงว่าขณะที่ต้าจิ้นบุกโจมตีต้าเหลียง ต้าเยี่ยนกลับบุกโจมตีแคว้นเว่ย อีกทั้งโจมตีจนแคว้นเว่ยไม่มีทางสู้กลับได้เลย
นอกจากความตกตะลึงแล้ว ทุกแคว้นเริ่มรู้สึกหวาดกลัว
ต้าเยี่ยนเคยเป็นแคว้นที่แข็งแกร่งและยิ่งใหญ่มาก่อน หลายปีมานี้พวกเขาอยู่อย่างอ่อนแอและยากจน สองสามปีก่อนเกือบจะล่มสลายอยู่หลายครั้ง พวกเขาลอบสร้างความแข็งแกร่งให้แคว้นตัวเองอยู่หลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเผยคมดาบออกมา เมื่อเผชิญหน้ากับแคว้นที่แข็งแกร่งอย่างแคว้นเว่ย ต้าเยี่ยนกลับรบจนแคว้นเว่ยไม่มีทางสู้กลับได้
บัดนี้หากทุกแคว้นยังคิดไม่ได้ว่าที่ก่อนหน้านี้จักรพรรดิแห่งต้าเยี่ยนแสร้งทำเป็นสู้ศัตรูไม่ได้เพราะต้องการดึงต้าจิ้นและต้าเหลียงมาพัวพันในสงครามด้วย เช่นนั้นขุนนางในราชสำนักของทุกแคว้นก็คงโง่เต็มที…
ต้าเยี่ยนที่คมในฝักมานานสุดท้ายก็เผยคมดาบของตัวเองออกมาแล้ว ที่สำคัญคมดาบของพวกเขาคมกริบถึงเพียงนี้ แคว้นอื่นจะไม่รู้สึกหวาดกลัวได้อย่างไรกัน
เมื่อองค์รัชทายาทรับรู้เรื่องนี้ เขารู้สึกหงุดหงิดใจเป็นอย่างมาก เขาเสียใจที่ปล่อยตัวมู่หรงลี่กลับไป บัดนี้ต้าจิ้นไม่มีสิ่งใดควบคุมต้าเยี่ยนได้เลย
เป่ยหรงที่เดิมมีกองทัพต้าเยี่ยนตั้งค่ายอยู่ในแคว้นอยู่แล้วยิ่งรู้สึกหวาดกลัวกว่าแคว้นอื่น พวกเขากำลังคิดวางแผนกำจัดทหารต้าเยี่ยนที่ตั้งค่ายอยู่ในเป่ยหรงตอนที่ต้าเยี่ยนกำลังรบอยู่กับแคว้นเว่ย ทว่า หากทำลายกองทัพต้าเยี่ยน พวกเขาก็กลัวว่าหนานหรงจะบุกเข้ามาโจมตี ตอนนี้ท่านอ๋องแห่งเป่ยหรงกำลังตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ส่วนเมืองหลวงอวิ๋นจิงของซีเหลียงในตอนนี้กลับเกิดเรื่องใหญ่อีกเรื่องขึ้นมา
จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงมีราชโองการสนับสนุนบัณฑิตที่ยากจนให้มีบทบาทในราชสำนักมากขึ้น ทว่า กลับถูกบรรดาตระกูลสูงศักดิ์คัดค้าน เหยียนอ๋องหลี่จือเจี๋ยและแม่ทัพใหญ่อวิ๋นพั่วสิงกำลังวุ่นวายกับเรื่องนี้อยู่ อวิ๋นพั่วสิงนำทัพไปตั้งค่ายอยู่ในเมืองหลวงอวิ๋นจิงเพื่อกดดันตระกูลสูงศักดิ์ทั้งหกตระกูล
ราชสำนักของซีเหลียง อำนาจของตระกูลสูงศักดิ์ทั้งหกตระกูลฝังรากลึก แม้ความวุ่นวายในเมืองหลวงอวิ๋นจิงจะมาจากการลอบสังหารจักรพรรดิ ทว่า สาเหตุที่ทำให้ปัญหาลุกลามใหญ่โตจนราชสำนักเกือบล่มสลายเป็นเพราะการแก่งแย่งอำนาจและผลประโยชน์ของตระกูลสูงศักดิ์ทั้งหกตระกูลนี้
จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงมองออกอย่างทะลุปรุโปร่งว่าหากตระกูลทั้งหกสามัคคีปรองดองกันขึ้นมา พวกเขาจะสามารถโค่นล้มราชวงศ์ได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นหากนางต้องการทำให้บัลลังก์ของตัวเองมั่นคง มีสิทธิ์ขาดในราชสำนัก นางจำเป็นต้องผลักดันเหล่าบัณฑิตยากจนให้ขึ้นมามีอำนาจ คนเหล่านี้ไม่มีตระกูลที่ยิ่งใหญ่ให้พึ่งพา พวกเขาทำได้เพียงพึ่งพาจักรพรรดิและอำนาจของราชวงศ์ จักรพรรดินีอยากให้อำนาจแก่บัณฑิตยากจนเหล่านี้ ให้พวกเขามาคานอำนาจกับตระกูลทั้งหก จากนั้นค่อยๆ รวบรวมอำนาจทั้งหมดไว้ที่นางเพียงคนเดียว
ไป๋ชิงเหยียนกล้ากล่าวได้เลยว่าหากแคว้นอื่นๆ ไม่เข้าไปแทรกแซงเรื่องภายในของซีเหลียง อีกไม่กี่ปี ซีเหลียงจะกลายเป็นศัตรูที่น่าหวาดกลัวอีกแคว้นของต้าจิ้นนอกเหนือจากต้าเยี่ยน
วันที่ยี่สิบสาม เดือนสิบสอง หิมะแรกของปีตกลงที่เมืองซั่วหยาง
หิมะขาวโพลนปกคลุมกระเบื้องบนหลังคาเก่าแก่ของจวน
ดอกเหมยสีแดงกำลังออกดอกบานสะพรั่งในจวนไป๋ ดอกเหมยที่ขึ้นอยู่ตามสองข้างทางของทางเดินมีใบไม้ขึ้นแซมอยู่ประปราย สีแดงของดอกเหมยแซมสลับกับสีขาวของหิมะ เมื่อลมหนาวพัดผ่าน เกล็ดหิมะที่ติดอยู่บนกิ่งไม้ของดอกเหมยร่วงลงสู้พื้นดินเผยให้เห็นสีแดงสดของดอกเหมย
เรือนเหมยเซียงสว่างจ้า บนพื้นปูด้วยพรมสีน้ำตาลอ่อนที่สลักด้วยอักษรมงคลห้าตัว ตรงกลางมีกระถางธูปหอมทองแดงสลักลายเมฆมงคลสูงประมาณสามฟุตตั้งอยู่ ควันขาวจากธูปลอยไปกลางอากาศ
เตาผิงในห้องถูกจุดจนสว่าง ด้านบนมีฝาครอบเตาผิงทองแดงลายดอกไม้ครอบปิดอยู่ ถ่านในเตาผิงถูกเผาจนร้อนระอุจนเกิดเสียงปะทุขึ้นเป็นพักๆ
ชุนเถารับยามาจากสาวใช้แล้วเดินผ่านม่านเข้าไปด้านใน นางเห็นคุณหนูใหญ่นั่งเอนกายพิงหมอนอิงอ่านตำราอยู่ริมหน้าต่างโดยมีผ้าห่มผืนบางคลุมหน้าตักอยู่ แสงไฟสีเหลืองนวลกระทบลงบนผิวเนียนละเอียดของหญิงสาวทำให้หญิงสาวดูงดงามและเรียบร้อยมาก
ชุนเถาวางถ้วยที่ยังมียาอยู่ในนั้นลงบนโต๊ะด้านข้าง ใช้ผ้าเช็ดหน้าคลุมทับฝาครอบเตาผิง จากนั้นเปิดฝาเตาผิงออก เติมถ่านลงไปด้านในสองสามก้อนแล้วปิดฝาลงตามเดิม ชุนเถาล้างมือจนสะอาด จากนั้นถือถ้วยยาเดินไปหาไป๋ชิงเหยียน กล่าวเสียงเบา “คุณหนูใหญ่ ยาไม่ร้อนแล้ว สามารถดื่มได้แล้วเจ้าค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนลดตำราลง ใช้นิ้วนวดขมับของตัวเองเบาๆ พลางเอ่ยถาม “วันนี้ลุงผิงไปสำรวจสถานการณ์ของชาวบ้านอพยพที่นอกเมืองเป็นเช่นไรบ้าง”
วันนี้คือวันปีใหม่เล็ก[1]หลูผิงเป็นตัวแทนของตระกูลไป๋นำเนื้อสัตว์และอาหารไปมอบให้แก่ชาวบ้านที่พักอยู่ในกระโจมนอกเมือง ให้ชาวบ้านที่อพยพได้มีโอกาสฉลองเทศกาลปีใหม่เล็กเช่นเดียวกัน
“ยังไม่กลับมาเลยเจ้าค่ะ!” ชุนเถากล่าว
บัดนี้ชาวบ้านเมืองหวาหยางที่ได้รับการตรวจจากหมอแล้วว่าไม่ติดเชื้อและยินดีเข้าร่วมกองทัพถูกส่งตัวไปยังค่ายทหารเรียบร้อยแล้ว ทว่า ชาวบ้านบางส่วนติดเชื้อมาจากเมืองหวาหยาง บัดนี้บรรดาหมอยังหาวิธีรักษาไม่ได้ บางคนใช้ยารักษาสักพักอาการก็ดีขึ้นเอง บางคนกลับไข้ขึ้นสูงขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ
วิธีการรักษาของท่านอาไป๋ซู่ชิวในตอนนั้นไม่ค่อยได้ผลนัก บัดนี้ท่านหมอหงกำลังคิดหาวิธีรักษาใหม่อย่างไม่ได้หลับได้นอน
ไป๋จิ่นซิ่วส่งข่าวมาบอกว่าหนึ่งในหมอหลวงที่เดินทางไปรักษาโรคระบาดที่หวาหยางติดเชื้อเช่นเดียวกัน ขุนนางในราชสำนักบางคนเริ่มเสนอว่าหากรักษาโรคระบาดให้หายขาดไม่ได้ก็ควรสังหารผู้ติดเชื้อทั้งหมดในเมืองหวาหยางเพื่อป้องกันการระบาดเพิ่ม
[1] วันปีใหม่เล็กหรือตรุษจีนเล็ก ส่วนใหญ่จะตรงกับวันที่ยี่สิบสามหรือยี่สิบสี่ เดือนสิบสอง ตามความเชื่อของจีนโบราณวันนี้คือวันบูชาเทพเจ้าแห่งเตา วันนี้เทพเจ้าแห่งเตาไฟในครัวจะดูแลทุกคนในครอบครัวจะกลับสวรรค์ไปรายงานเรื่องราวของแต่ละครัวเรือนให้เง็กเซียนฮ่องเต้ทราบ ดังนั้นคนจีนจึงบูชาเทพเจ้าแห่งเตา โดยจะบูชาด้วยของหวาน ของมงคล เพื่อให้เทพเจ้าแห่งเตารายงานแต่สิ่งดีๆ เง็กเซียนฮ่องเต้ฟังแล้วรู้สึกไพเราะ เสนาะหู