ตอนที่ 720 โง่หรือไม่
ไป๋ชิงเหยียนกำมือที่ถือถ้วยน้ำชาแน่น ขมวดคิ้วถาม “ผู้ใดพารัชทายาทไป”
ฟางเหล่าไม่ห้ามปรามรัชทายาทเลยหรือ แม้ฟางเหล่าผู้นั้นจะเป็นคนใจแคบ ทว่า เขาไม่มีทางปล่อยให้รัชทายาทรับนางโลมเข้ามาในจวนก่อนขึ้นครองราชย์แน่นอน หากถูกผู้อื่นจับได้ เรื่องนี้คงจบไม่ดีแน่
ไป๋จิ่นซิ่วอึ้ง “ข้าไม่ได้สั่งให้สืบอย่างละเอียดเจ้าค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนปิดถ้วยน้ำชา “เราต้องสืบให้รู้ว่าผู้ใดพารัชทายาทไป รัชทายาทไม่มีทางเสด็จไปยังสถานที่แบบนั้นเองแน่ๆ สืบประวัติของสตรีนางนั้นแล้วหรือไม่”
ไป๋จิ่นซิ่วพยักหน้า หยิบกระดาษบางแผ่นหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อแล้วยื่นให้ไป๋ชิงเหยียน
“ข้าสั่งให้คนสืบแล้วเจ้าค่ะ สตรีที่ถูกรัชทายาทรับเข้าจวนมีนามว่าหงเหมยเป็นนางโลมที่ยังไม่ได้รับแขกเจ้าค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนวางถ้วยชาในมือลง รับกระดาษมาเปิดอ่านประวัติของหงเหมยอย่างละเอียด ประวัติของหงเหมยดูสะอาดมาก กล่าวว่าเป็นสตรีจากครอบครัวยากจนดังนั้นจึงถูกขายให้คนค้าทาส คนค้าทาสเห็นว่าหงเหมยหน้าตางดงามจึงขายนางต่อให้หอนางโลม
หงเหมยผู้นี้เป็นคนหัวแข็งและดื้อรั้น นางไม่ยอมขายตัว ผู้ดูแลหอนางโลมเห็นว่าหงเหมยงดงามมากจึงยอมจ่ายเงินจ้างคนมาสอนศิลปะสี่แขนงของสตรีให้นาง กลัวว่านางจะฆ่าตัวตายจึงยอมให้นางขายศิลปะแทนการขายตัว
นึกไม่ถึงว่ารัชทายาทที่ปลอมตัวเป็นคนธรรมดาไปที่นั่นจะเกิดถูกใจหงเหมยขึ้นมา เมื่ออยู่ด้วยกันคืนหนึ่ง รัชทายาทจึงสั่งให้คนรับหงเหมยเข้ามาในจวนรัชทายาท แน่นอนว่าคนที่ไปไถ่ตัวหงเหมยไม่ได้บอกฐานะที่แท้จริงของรัชทายาท
ไป๋จิ่นซิ่วได้ยินไป๋ชิงเหยียนหัวเราะเสียงเย็นจึงถามขึ้น “มีสิ่งใดแปลกหรือเจ้าคะ”
“ผู้ดูแลหอนางโลมที่ใดจะใจดียอมให้สตรีในหอขายแต่ศิลปะไม่ขายตัวกัน” ไป๋ชิงเหยียนนึกถึงชะตากรรมของน้องสาวในชาติที่แล้ว ดวงตาของนางนิ่งขรึมลงทันที
“ไปสืบดูว่าผู้ดูแลหอนางโลมผู้นั้นเป็นคนใจดีจริงหรือไม่ สืบดูว่านอกจากหงเหมยแล้วมีสตรีนางอื่นในหอนางโลมที่ไม่รับแขกอีกหรือไม่ เช่นนี้ก็จะรู้แล้วว่ามีคนจงใจจัดฉากให้รัชทายาทเจอหงเหมยผู้นี้หรือเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ กันแน่”
“เจ้าค่ะ ข้าจะให้คนไปสืบเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นซิ่วกล่าว
“ช่วงนี้ฝูรั่วซีเป็นเช่นไรบ้าง” ไป๋ชิงเหยียนถามไป๋จิ่นซิ่ว
“แม้ฝูรั่วซีจะมีความดีความชอบในเหตุการณ์กบฏ ทว่า บัดนี้เขาอยู่ในจวนอย่างคนว่างงาน ไม่มีผู้ใดไปเยี่ยมเยียนที่จวน ข้าแอบดูแลจวนฝูลับๆ ตามคำสั่งของพี่หญิงใหญ่แล้วเจ้าค่ะ ไม่มีผู้ใดกล้าไปหาเรื่องจวนฝูเจ้าค่ะ”
เมื่อเอ่ยถึงจวนฝู ไป๋จิ่นซิ่วอดนึกถึงต่งถิงฟางที่หมั้นหมายอยู่กับคุณชายใหญ่ของตระกูลฝูขึ้นมาไม่ได้
“พี่หญิงใหญ่ สองสามวันก่อนญาติผู้พี่ต่งถิงฟางของตระกูลต่งมาหาข้าเจ้าค่ะ…”
“ถิงฟางอย่างนั้นหรือ” ไป๋ชิงเหยียนประหลาดใจ หยุดคิดครู่หนึ่งจากนั้นถามขึ้น “นางต้องการยกเลิกการแต่งงานกับครอบครัวบุตรคนโตของตระกูลฝูอย่างนั้นหรือ”
ไป๋จิ่นซิ่วพยักหน้า “เจ้าค่ะ ต่งถิงฟางอยากให้ท่านแม่ของข้าช่วยไปยกเลิกการแต่งงานให้นาง ทว่า ข้าปฏิเสธไปแล้ว หากครั้งนี้ท่านป้าสะใภ้ตระกูลต่งมาเอง จิ่นซิ่วยินดีให้ท่านแม่ช่วย ทว่า ญาติผู้พี่ถิงฟางคือบุตรสาวของตระกูลต่ง นางไม่ควรข้ามหน้าข้ามตาท่านป้าสะใภ้ต่งแล้วมาขอให้ท่านแม่ของข้าช่วยเช่นนี้เจ้าค่ะ”
“ถิงฟางไม่ใช่คนไม่รู้จักมารยาท เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้” ไป๋ชิงเหยียนขยับท่านั่งเล็กน้อยพลางเอ่ยถาม
“ญาติผู้พี่ถิงฟางกล่าวว่าท่านป้าสะใภ้ให้ความสำคัญกับชื่อเสียงของตระกูลต่งมาก ท่านไม่สนเรื่องการแต่งงานของบุตรอนุอย่างพวกนาง ตอนที่หลานสาวของฮูหยินใหญ่ต่งไม่อยากแต่งงานกับคุณชายใหญ่ตระกูลต่งจนจัดฉากใส่ร้ายนาง ท่านป้าสะใภ้ต่งก็ทราบดี ทว่า ท่านไม่ช่วยนางทวงคืนความยุติธรรม ได้แต่กล่าวว่านางถูกคุณชายใหญ่ตระกูลต่งกอดแล้ว หากไม่แต่งงานกับคุณชายต่งก็ต้องผูกคอตายเจ้าค่ะ”
ตระกูลต่งคือตระกูลของลุงและน้าชายของไป๋ชิงเหยียน ไป๋จิ่นซิ่วไม่อยากกล่าวว่าร้ายป้าสะใภ้ตระกูลต่งต่อหน้าไป๋ชิงเหยียนจึงไม่ได้บอกว่าต่งถิงฟางตัดพ้อซ่งซื่อเช่นไรบ้าง
“ญาติผู้พี่ถิงฟางกล่าวว่าบุตรสาวอนุของตระกูลต่งมีฐานะต่ำต้อย นางไม่รู้จะทำเช่นไรจริงๆ จึงมาขอร้องข้าเจ้าค่ะ”
ความจริงไป๋ชิงเหยียนพอรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างคุณชายครอบครัวบุตรชายคนโตของตระกูลต่งและต่งถิงฟางมาบ้างแล้ว
หลานสาวของฮูหยินใหญ่ต่งไม่อยากแต่งงานกับคุณชายต่งจึงจัดฉากใส่ร้ายต่งถิงฟาง ต่งถิงฟางจึงเล่นไปตามน้ำ ทว่า นางนึกไม่ถึงว่าตระกูลฝูจะเกิดเรื่องขึ้น ครอบครัวบุตรชายคนโตของตระกูลฝูพลอยเดือดร้อนไปด้วย
หรือว่าตอนแรกต่งถิงฟางคิดว่าการแต่งงานกับคุณชายตระกูลต่งคือเรื่องดี บัดนี้กลับรู้สึกว่าไม่ใช่การแต่งงานที่ดีอีกต่อไปจึงคิดเปลี่ยนแผนอย่างนั้นหรือ
“คุณหนูใหญ่…” สาวใช้ของเรือนชิงฮุยแหวกม่านเข้ามาด้านใน ทำความเคารพผ่านฉากกั้นไม้ฝังหยกลายนกแล้วกล่าวขึ้น “ฮูหยินต่งพาคุณหนูทั้งสามของตระกูลต่งมาเจ้าค่ะ”
เรื่องที่ไป๋ชิงเหยียนกระอักเลือดในจวนรัชทายาทคงรู้ไปถึงตระกูลต่ง ท่านป้าสะใภ้และถิงเจินคงเป็นกังวลมาก
“พี่หญิงใหญ่…” ไป๋จิ่นซิ่วลุกขึ้นเตรียมประคองไป๋ชิงเหยียนไปนอนบนเตียง “แม้ท่านป้าสะใภ้และบรรดาญาผู้พี่ผู้น้องไม่ใช่คนนอก ทว่า คนรู้เรื่องนี้น้อยเท่าใดก็ยิ่งดีเท่านั้นเจ้าค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า เลิกผ้าห่มที่คลุมขาของตัวเองออก จากนั้นเดินไปที่เตียงพร้อมกับไป๋จิ่นซิ่ว
ไป๋จิ่นซิ่วสั่งให้คนนำเตาผิงเข้ามาด้านในอีกสองสามเตาเพื่อวางไว้ข้างเตียงของไป๋ชิงเหยียน จากนั้นไป๋จิ่นซิ่วจึงลุกออกไปต้อนรับป้าสะใภ้ต่งซ่งซื่อและคุณหนูทั้งสามของตระกูลต่ง
“พี่หญิงเป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ” ต่งถิงเจินรีบเข้าไปกุมมือของไป๋จิ่นซิ่วพลางเอ่ยถาม
ดวงตาทั้งสองข้างของต่งถิงเจินแดงก่ำ เห็นได้ชัดว่าเพิ่งร้องไห้ตอนเดินทางมาที่นี่
“พี่หญิงใหญ่มิเป็นอันใดแล้ว เจ้าไม่ต้องกังวล” ดวงตาทั้งสองข้างของไป๋จิ่นซิ่วแดงก่ำเช่นเดียวกัน หญิงสาวลูบมือของต่งถิงเจินเบาๆ จากนั้นหลีกทางเชิญมารดาหลิวซื่อและฮูหยินต่งซ่งซื่อเข้าไปในห้อง
ฮูหยินต่งซ่งซื่อเดินเข้าไปด้านใน ถอดเสื้อคลุมกันลมออก จากนั้นเดินเข้าไปในห้องด้านใน เมื่อซ่งซื่อเห็นว่าไป๋ชิงเหยียนพยามยันกายลุกขึ้นจากเตียงโดยมีสาวใช้ช่วยประคองจึงรีบเข้าไปจับตัวไป๋ชิงเหยียนไว้ก่อน
“ไม่ต้องลุกขึ้น เราคนกันเอง ไม่ต้องมากพิธีหรอก!”
ไป๋ชิงเหยียนนอนลงตามเดิม ริมฝีปากซีดเผือดค่อยกล่าวขึ้นอย่างช้าๆ
“ท่านป้าสะใภ้ได้โปรดอภัย ร่างกายของอาเป่าไม่สะดวกลุกขึ้นต้อนรับจริงๆ เจ้าค่ะ”
ต่งถิงเจินมองตามสายตาของไป๋ชิงเหยียน หญิงสาวเดินไปหยุดอยู่ด้านหลังมารดา เมื่อเห็นใบหน้าที่ขาวซีดและผอมซูบของไป๋ชิงเหยียน ดวงตาของหญิงสาวยิ่งแดงด่ำยิ่งกว่าเดิม “พี่หญิง…”
“มิเป็นอันใด” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับต่งถิงเจินยิ้มๆ “ทำให้พวกเจ้าเป็นห่วงแล้ว”
ฮูหยินต่งซ่งซื่อกุมมือของไป๋ชิงเหยียนไว้ จากนั้นหันหน้าหนีไปเช็ดน้ำตา “เจ้าโง่หรือไม่ เหตุใดตอนนั้นต้องเข้าไปรับธนูแทนรัชทายาทด้วย! ร่างกายเจ้าเป็นเช่นไรไม่รู้หรือ หากท่านยายของเจ้าทราบเรื่องนี้ เจ้าไม่ห่วงท่านยายของเจ้าบ้างหรืออย่างไร!”
หากไม่ใช่คนสนิทจริงๆ ไม่มีทางกล่าวเช่นนี้กับไป๋ชิงเหยียนแน่นอน
เมื่อรัชทายาทตกอยู่ในอันตราย มีเพียงคนในครอบครัวเท่านั้นถึงจะคิดว่าชีวิตของไป๋ชิงเหยียนสำคัญกว่าชีวิตของรัชทายาท