สตรีแกร่งตระกูลไป๋ – ตอนที่ 725 ความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 725 ความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา

เมื่อไป๋จิ่นซิ่วส่งฝูรั่วซีจากไปแล้ว ไป๋ชิงเหยียนขยับกายเล็กน้อยแล้ววางแขนลงบนหมอนอิง จากนั้นก้มหน้าใช้ความคิดว่าเหตุใดหวังชิวลู่จึงไปที่จวนเหลียงอ๋อง เขาไปเพื่อแก้แค้นให้หลิ่วรั่วฟูหรือต้องการสนับสนุนเหลียงอ๋องขึ้นครองบัลลังก์กันแน่นะ

ทว่า หากเขาต้องการทำสองสิ่งนี้ ฝูรั่วซีเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เช่นไร เหตุใดเขาจึงจงใจล่อฝูรั่วซีไปยังจวนเหลียงอ๋อง ให้ฝูรั่วซีเห็นเขาเดินเข้าไปในจวนเหลียงอ๋องกับตาของตัวเองเช่นนั้นด้วย

หรือว่าหลี่หมิงรุ่ยเป็นคนสั่งให้หวังชิวลู่ทำเช่นนี้กัน…

พระชายาเอกกำลังจะคลอดบุตร จวนองค์รัชทายาทวุ่นวายเป็นพัลวัน

ฟางเหล่าและเริ่นซื่อเจี๋ยสวมเสื้อคลุมและหมวกสีดำลอบออกจากจวนองค์รัชทายาทจากประตูข้างของจวนอย่างลับๆ เมื่อสำรวจทั่วบริเวณแล้วว่าไม่มีผู้ใด เริ่นซื่อเจี๋ยจึงประคองฟางเหล่าขึ้นไปบนรถม้าที่จอดรออยู่หน้าจวนองค์รัชทายาทนานแล้ว

เมื่อทั้งสองนั่งลงบนรถม้าเรียบร้อย ฟางเหล่าที่เป็นคนรอบคอบตลอดเวลาจึงแหวกม่านรถม้ามองออกไปด้านนอกแวบหนึ่ง ผ่านไปครู่หนึ่งจึงสั่งให้ออกรถ “ไปเถิด!”

เริ่นซื่อเจี๋ยนั่งอยู่ข้างกายของฟางเหล่าอย่างกระวนกระวายเล็กน้อย “ฟางเหล่าจะไม่ทูลให้องค์ชายทราบจริงๆ หรือขอรับ”

ฟางเหล่าที่โดนองค์รัชทายาทตำหนิในวันนี้มีสีหน้าเคร่งขรึม

“บัดนี้พระชายากำลังจะคลอดบุตร องค์รัชทายาทไม่อาจปลีกตัวมาได้ ที่สำคัญตอนนี้พวกเราไม่มีบุตรชายของหวังเจียงไห่อยู่ในกำมือ หากกล่าวลอยๆ ว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วส่งคนไปช่วยตัวบุตรชายของหวังเจียงไห่ออกมาจากคุก เจ้าคิดว่าองค์ชายจะทรงเชื่อหรือไม่ บัดนี้องค์ชายเชื่อองค์หญิงเจิ้นกั๋วยิ่งกว่าข้า ไม่แน่พระองค์อาจคิดว่าข้าใจแคบ กัดองค์หญิงเจิ้นกั๋วไม่ยอมปล่อยก็ได้”

แสงไฟจากโคมไฟของรถม้าส่องกระทบใบหน้าของฟางเหล่าให้เห็นอย่างริบหรี่ “ตอนนี้ข้ายิ่งมั่นใจว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วเป็นคนจัดฉากช่วยชีวิตองค์ชาย เมื่อมีเหตุการณ์นี้ ขอเพียงองค์รัชทายาททรงเกิดความสงสัยในตัวองค์หญิงเจิ้นกั๋ว พระองค์ก็จะนึกถึงเหตุการณ์ที่นางช่วยชีวิตพระองค์เอาไว้ จากนั้นคลายความสงสัยในตัวนางทันที ช่างเป็นแผนที่เยี่ยมยอดจริงๆ !”

เริ่นซื่อเจี๋ยนั่งเม้มปากอยู่ด้านข้างโดยไม่กล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น

ครั้งนี้หลี่หมิงรุ่ยมาพบเริ่นซื่อเจี๋ย เริ่นซื่อเจี๋ยรู้ดีว่าหลี่หมิงรุ่ยหวังทำลายองค์หญิงเจิ้นกั๋ว

สำหรับสายลับของแคว้นต้าเยี่ยนอย่างเริ่นซื่อเจี๋ยแล้ว ต้าจิ้นยิ่งวุ่นวายมากเท่าใดยิ่งดีเท่านั้น!

แคว้นอื่นๆ เคยหวาดกลัวที่แคว้นต้าจิ้นผู้ที่รบไม่เคยพ่ายแพ้ในสงครามอย่างเจิ้นกั๋วอ๋องไป๋เวยถิงอยู่ ดังนั้นจึงไม่มีแคว้นใดกล้าประกาศสงครามกับต้าจิ้น

บัดนี้แคว้นต้าจิ้นมีเทพสังหารที่เด็ดขาดและมีสติปัญญาเฉียบแหลมกว่าไป๋เวยถิงอย่างไป๋ชิงเหยียนอยู่ แคว้นอื่นๆ ต่างก็หวาดกลัวเช่นเดิม

หากครั้งนี้ฟางเหล่าสามารถทำให้องค์รัชทายาททอดทิ้งและไม่ใช้งานองค์หญิงเจิ้นกั๋วอีก กระทั่งคิดเอาชีวิตขององค์หญิงเจิ้นกั๋วได้จะถือเป็นเรื่องดีสำหรับต้าเยี่ยนไม่ว่าภายภาคหน้าต้าเยี่ยนจะบุกยึดเมืองหลวงของต้าจิ้นซึ่งเป็นเมืองหลวงเดิมของต้าเยี่ยนคืนหรือทำลายล้างต้าจิ้นให้สิ้นซากก็ตาม

ทุกแคว้นล้วนไม่อยากให้ต้าจิ้นมีแม่ทัพที่ดุดันแข็งแกร่งและได้รับความไว้วางใจจากจักรพรรดิมีชีวิตอยู่ต่อไปหรอก

เริ่นซื่อเจี๋ยติดตามรับใช้ข้างกายองค์รัชทายาทมานาน ไป๋ชิงเหยียนเป็นคนเดียวนอกเหนือจากฟางเหล่าที่สามารถเปลี่ยนแปลงความคิดขององค์รัชทายาทได้ หากวันหน้าองค์รัชทายาทได้ขึ้นครองราชย์ หากมีคนอย่างองค์หญิงเจิ้นกั๋วคอยสนับสนุนอยู่ข้างกาย อย่าว่าแต่ทำลายล้างต้าจิ้นเลย แค่ยึดเมืองหลวงของตัวเองกลับคืนยังถือเป็นเรื่องยากสำหรับต้าเยี่ยนเลย

เริ่นซื่อเจี๋ยคือขุนนางของต้าเยี่ยน เขาย่อมต้องวางแผนเพื่อต้าเยี่ยน

เริ่นซื่อเจี๋ยเหมือนจะมองออกว่าเซียวหรงเหยี่ยนเจ้านายของเขามีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดากับองค์หญิงเจิ้นกั๋วผู้นี้

ทว่า ต่อให้เป็นเช่นนี้ เพื่อต้าเยี่ยนแล้วเริ่นซื่อเจี๋ยก็จำเป็นต้องทำบางเรื่อง ที่สำคัญครั้งนี้เริ่นซื่อเจี๋ยไม่ได้เป็นคนลงมือเอง คนของต้าจิ้นลงมือทำลายคนแคว้นเดียวกันเองต่างหาก เขาก็แค่บอกเรื่องนี้ให้กับคนที่เกลียดองค์หญิงเจิ้นกั๋วเข้ากระดูกดำอย่างฟางเหล่าเท่านั้น

รถม้าเคลื่อนไปหยุดอยู่ที่จวนแรกของซอยจิ่วชวนที่มีโคมไฟคำว่าตู้แขวนอยู่ที่หน้าประตูจวน

เริ่นซื่อเจี๋ยประคองฟางเหล่าลงมาจากรถม้า สั่งให้คนบังคับม้าลากม้าไปรออยู่ที่อื่น อีกครึ่งชั่วยามค่อยมารับพวกเขากลับจวน คนบังคับม้ารับคำแล้วขี่ม้าจากไปทันที

เริ่นซื่อเจี๋ยมองฟางเหล่าแวบหนึ่ง จากนั้นก้าวเข้าไปเคาะประตู ไม่นานชายชราผมขาวโพลนในชุดสีเทา สวมรองเท้าหนังสีดำจึงเดินออกมาเปิดประตู

ชายชรามองไปยังร่างของเริ่นซื่อเจี๋ยที่มาเคาะประตูด้วยแววตาคมกริบแวบหนึ่ง จากนั้นมองไปทางฟางเหล่าที่ยืนอยู่ด้านหลังเริ่นซื่อเจี๋ย

“ท่านผู้เฒ่า พวกเรามาหาใต้เท้าหลี่ขอรับ” เริ่นซื่อเจี๋ยโค้งกายคำนับชายชราจากนั้นกล่าวขึ้น

ชายชราพยักหน้า จากนั้นเบี่ยงกายหลบพลางผายมือเชิญคนทั้งสองเข้าไปด้านใน เริ่นซื่อเจี๋ยมองออกว่าชายชราตรงหน้าอายุมากแล้ว ทว่า เขามีวรยุทธ์ไม่ธรรมดาทีเดียว

เริ่นซื่อเจี๋ยหันกลับไปเชิญให้ฟางเหล่าเดินเข้าไปก่อน ฟางเหล่าเดินหน้าเคร่งขรึมเข้าไปในจวน เขาเห็นที่ปรึกษาในชุดสีขาวคนหนึ่งยืนโค้งกายคำนับมาทางเขาและเริ่นซื่อเจี๋ยด้วยรอยยิ้มอยู่ตรงระเบียงทางเดิน “คุณชายของข้ารอฟางเหล่าและเริ่นเซียนเซิงนานแล้วขอรับ”

ฟางเหล่ามองสำรวจจวนที่ธรรมดาและวังเวงตรงหน้า จากนั้นมองไปทางต้นเฟิงที่อยู่อย่างโดดเดี่ยวต้นเดียวกลางลานหญ้า หิมะตกหนักในฤดูหนาวเกือบทำลายต้นเฟิงต้นนี้อยู่หลายครั้ง บนต้นมีใบไม้สีแดงเหลืออยู่เพียงสองสามใบเท่านั้น แสงไฟจากระเบียงทางเดินส่องกระทบอย่างริบหรี่ ให้ความรู้สึกเงียบเหงาและวังเวงมาก

ที่ปรึกษาชุดขาวไม่สนใจสายตาเหยียดหยามของฟางเหล่าแม้แต่น้อย เขาแหวกม่านเชิญฟางเหล่าและเริ่นซื่อเจี๋ยเข้าไปด้านใน

หลี่หมิงรุ่ยนั่งอยู่หน้าโต๊ะสีเหลี่ยมสีดำภายในห้อง มือข้างหนึ่งอ่านตำราไม้ไผ่ มืออีกข้างเขี่ยถ่านในเตาผิงด้านหน้าที่ลุกโชน บนเตาผิงมีกาน้ำชาที่กำลังเดือดวางอยู่

หวังชิวลู่ยืนอยู่ด้านหลังหลี่หมิงรุ่ย ร่างทั้งร่างผอมซูบลงกว่าครึ่ง

เมื่อเห็นฟางเหล่าและเริ่นซื่อเจี๋ยเดินเข้ามาด้านใน หลี่หมิงรุ่ยจึงวางม้วนไม้ไผ่ลง จากนั้นก้มศีรษะให้เล็กน้อยพลางกล่าว “ฟางเหล่า เริ่นเซียนเซิงเชิญนั่งก่อนเถิด!”

สายตาของฟางเหล่าหยุดอยู่ที่หวังชิวลู่ เขาสะบัดชายชุดแล้วทรุดตัวลงนั่ง จากนั้นเอ่ยถามหลี่หมิงรุ่ย “ใต้เท้าหลี่ คนผู้นี้คือบุตรชายของหวังเจียงไห่ หวังชิวลู่อย่างนั้นหรือ”

“ขอรับ…” หลี่หมิงรุ่ยพยักหน้า จากนั้นเงยหน้ามองหวังชิวลู่

หวังชิวลู่ก้าวเข้าไปทำความเคารพฟางเหล่าและเริ่นซื่อเจี๋ยด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก “ข้าคือหวังชิวลู่ขอรับ”

“นำตัวออกไป!” หลี่หมิงรุ่ยกล่าวกับที่ปรึกษาชุดขาว

ที่ปรึกษาชุดขาวพยักหน้าจากนั้นพาหวังชิวลู่จากไป

หลี่หมิงรุ่ยใช้ผ้าเช็ดหน้าจับหูกาน้ำชาเพื่อยกกาน้ำชาสีเงินออกมาจากเตาผิง จากนั้นรินน้ำชาให้ฟางเหล่าและเริ่นซื่อเจี๋ยคนละถ้วยแล้วกล่าวขึ้นยิ้มๆ “หวังชิวลู่ถูกองค์หญิงเจิ้นกั๋วช่วยเหลือออกมาขอรับ แม้ครั้งนี้องค์หญิงเจิ้นกั๋วจะลงมืออย่างรอบคอบ ไม่ใช้คนของจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋ว ทว่า ฟางเหล่าและเริ่นเซียนเซิงคงสืบรู้แล้วว่าเรื่องนี้คือเรื่องจริง”

เริ่นซื่อเจี๋ยพยักหน้า “คนที่ช่วยหวังชิวลู่ออกมาจากคุกคือคนจากซั่วหยางจริงๆ อีกทั้งมีความเกี่ยวข้องกับตระกูลบรรพบุรุษไป๋แห่งซั่วหยางจริงๆ ฟางเหล่าส่งคนไปสืบที่ซั่วหยางแล้ว คนผู้นั้นติดการพนัน ยากจนและเป็นหนี้สินมากมาย เมื่อกลับจากเมืองหลวง เขาไม่เพียงมีเงินใช้หนี้เท่านั้น ทว่า ยังมีเงินซื้อจวนและรับอนุอีกสามคนอีกด้วย”

“ไม่เพียงเท่านี้ ญาติผู้พี่ของผีพนันคนนั้นเป็นผู้คุมคุกของศาลต้าหลี่ ช่วงนี้ดูเหมือนเขาจะร่ำรวยขึ้นอย่างผิดสังเกต มีเงินก้อนใหญ่ซื้อจวนที่มีพื้นที่ใช้งานถึงสามส่วน” หลี่หมิงรุ่ยดันถ้วยชาไปตรงหน้าฟางเหล่า จากนั้นมองไปที่เขานิ่ง “ข้ากล่าวถูกต้องหรือไม่ขอรับฟางเหล่า”

“ที่แท้ใต้เท้าหลี่ไม่เพียงส่งจดหมายมาให้เท่านั้น ทว่า สืบเรื่องนี้แล้วเช่นกัน” ฟางเหล่ากล่าวนิ่งๆ

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

Status: Ongoing
นิยายจีนโบราณเข้มข้น ปะทะคารม ทดสอบไหวพริบ สนุกถึงใจ!เพราะถูกคนชั่วหลอกใช้ชาติก่อนคนทั้งตระกูลของนางจึงต้องตายอย่างน่าอนาถ ไร้ซึ่งคนทวงถามความเป็นธรรมชาตินี้นางหวนกลับมาก่อนเรื่องราวเกิดขึ้น แม้เพียงเล็กน้อยแต่หากสามารถช่วยเหลือคนในครอบครัวได้แม้สักคนนางก็ยินดีทุ่มเทกำลังให้ถึงที่สุดสตรีตระกูลไปแต่ไรมาแกร่งกล้ำเพียบพร้อมบุ๋นบู๊ แม้ไร้ซึ่งที่พึ่งพิงแล้วจริงแต่ก็จะไม่ยอมให้ผู้ใดมากดขี่ได้!และเพราะเรื่องราวที่เปลี่ยนแปลงไปนางจึงได้พบกับ ‘เขา’ ไวกว่าชาติก่อนเขาผู้นี้แม้ภายนอกดูป็นมิตรและสง่งามกว่าใคร แต่นงแจ่มแจ้งดีว่าเขาเจ้าเล่ห์และอำหิตมากเพียงไหนชาติก่อนแม้ยืนกันคนละฝั่งแต่บุรุษผู้นี้กลับเป็นผู้มอบทางรอดให้แก่นาง อย่างนั้นชาตินี้นางก็ย่อมตอบแทนเขาเป็นอย่างดีเช่นกัน“แม่นางไปช่วยเหลือข้าหลายครั้งหลายครา ใช่ว่าชื่นชอบข้าหรือไม่?”“คุณชายเข้าใจผิดแล้วล่ะ”“ข้าช่วยเหลือแม่นางไปมาหลายครั้งหลายครา แม่นางไปมีใจชื่นชอบข้าบ้างหรือไม่?”“…”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท