ตอนที่ 743 กลับจวน
หวังชิวลู่รู้ว่าตอนนั้นเหลียงอ๋องติดกับดักขององค์รัชทายาท ถูกองค์รัชทายาทวางยาจนล่วงเกินหนานตูจวิ้นจู่ จากนั้นจึงเกิดงานแต่งงานของทั้งสองคนขึ้น
“ได้ยินว่าวันต่อมาเหลียงอ๋องลอบหนีออกมาจากจวนเสนาบดีกรมพิธีการทางประตูหลัง เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหลียงอ๋องพบผู้ใดที่ประตูหลัง เขาพบองค์หญิงเจิ้นกั๋ว…” เมื่อหลี่หมิงรุ่ยเห็นสีหน้าของหวังชิวลู่ย่ำแย่ลงเรื่อยๆ เขาจึงกล่าวต่อด้วยเสียงนุ่มนวลตามเดิม “เช่นนั้นเจ้าคิดว่าองค์รัชทายาทมอบหมายให้ผู้ใดเป็นคนจัดการเรื่องนี้กัน ผู้ใดถูกหนานตูจวิ้นจู่และเสียนอ๋องตำหนิกลางงานเลี้ยงในวังหลวงจนเสียหน้าและคิดแก้แค้นหนานตูจวิ้นจู่กัน”
สิ่งที่หลี่หมิงรุ่ยกล่าวออกมาทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เขาคาดเดาเอาเองตอนรู้ความจริงหลังจากหลิ่วรั่วฟูทำแท้ง ทว่า เขาไม่สนว่าเป็นเรื่องคาดเดาหรือความจริง หลี่หมิงรุ่ยต้องการฝังเมล็ดความหวาดระแวงลงไปในใจของหวังชิวลู่
ครั้งนี้หวังชิวลู่ไม่ได้เปิดโปงองค์หญิงเจิ้นกั๋ว องค์หญิงเจิ้นกั๋วอาจช่วยเขาออกไป กระทั่งเริ่มใช้งานเขาอย่างจริงจัง
ด้วยความรักที่หวังชิวลู่มีต่อหนานตูจวิ้นจู่หลิ่วรั่วฟู เขาอาจหาโอกาสสร้างความเดือดร้อนให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วก็ได้
“ต่อมาองครักษ์หลูผิงขององค์หญิงเจิ้นกั๋วเป็นคนพาหน่วยตรวจเมืองไปจับตัวหลิ่วรั่วฟู” หลี่หมิงรุ่ยหยุดฝีเท้าพลางมองไปทางหวังชิวลู่ที่ยังคงหลับตาสนิท “ตอนนั้นพวกเขาจับได้แค่หนานตูจวิ้นจู่ ทว่า จับองครักษ์ลับของนางไม่ได้ ต่อมาได้ยินว่าพวกเขาตามจับองครักษ์ที่หนีไปได้จำนวนหนึ่ง ทว่า ยังมีคนหนีรอดไปได้อยู่ หากแม่ทัพหวังมีโอกาสเจอพวกเขาอีกครั้ง อย่าลืมถามพวกเขาดูนะ”
สิ้นเสียงของหลี่หมิงรุ่ย เขาได้ยินเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามา เขาหันไปมองยังทางเดินแคบของคุกก็เห็นเงาของร่างๆ หนึ่งเดินทอดยาวมาตามแสงไฟ ชายหนุ่มเม้มปากมองไปยังร่างที่เดินมาทางเขานิ่ง
เสิ่นชิงจู๋ในชุดคล่องแคล่วเดินเอามือไขว้หลังตรงมายังห้องขังช้าๆ สายตาที่มองมาทางหลี่หมิงรุ่ยเต็มไปด้วยความเย็นชาและดูถูก หญิงสาวยกมือสื่อให้ผู้คุมคุกออกไปก่อน
ผู้คุมคุกทำความเคารพ จากนั้นถือตะเกียงเดินจากไป
เสิ่นชิงจู๋มองไปทางหลี่หมิงรุ่ยด้วยสายตาเย็นชา “คุณหนูใหญ่สั่งให้ข้ามาบอกเจ้าว่านางมีสองทางเลือกให้เจ้า หากเจ้าไม่อยู่อย่างสงบเสงี่ยมของเจ้าต่อไป นางจะส่งตระกูลหลี่ทั้งตระกูลไปยังแท่นประหาร เจ้าจะได้มีเพื่อนตายไปพร้อมกับเจ้าด้วย”
เสิ่นชิงจู๋มองไปทางหวังชิวลู่ที่ลืมตาขึ้นแล้ว เมื่อเห็นหวังชิวลู่ลุกขึ้นยืน สายตาของนางจึงมองไปทางหลี่หมิงรุ่ยอีกครั้ง “ดูเหมือนไม่ต้องถามแล้ว…เจ้าเลือกเส้นทางที่จะมีคนเดือดร้อนเป็นเพื่อนเจ้าสินะ”
หลี่หมิงรุ่ยหน้าซีดเผือด หรี่ตามองไปทางเสิ่นชิงจู๋พลางขบกรามแน่น
เสิ่นชิงจู๋มีสีหน้าจริงจังจนหลี่หมิงรุ่ยเดาไม่ออกว่านางกล่าวจริงๆ หรือแค่ประชดกันแน่
“ถูกต้องแล้ว คุณหนูใหญ่ส่งหลูผิงไปจับตัวหลิ่วรั่วฟู ทว่า ผู้ใดเป็นคนมอบหลิ่วรั่วฟูเพื่อเป็นของขวัญแสดงความจริงใจต่อคุณหนูใหญ่ของข้ากัน” น้ำเสียงของเสิ่นชิงจู๋ราบเรียบ ไม่แฝงอารมณ์ความรู้สึกใดแม้แต่น้อย “หวังว่าความสามารถในการกลับดำเป็นขาวของใต้เท้าหลี่จะมีประโยชน์เมื่ออยู่ต่อหน้ายมบาล”
กล่าวจบ เสิ่นชิงจู๋หมุนกายจากไปทันที
สีหน้าของหลี่หมิงรุ่ยเคร่งขรึมลงทันที เมื่อไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าแล้ว เขาจึงกล่าวขึ้น “เหล่าเวิง ห้ามนางที”
เมื่อหวังชิวลู่เห็นเงาของคนคนหนึ่งจากไปจึงหันไปมองทางหลี่หมิงรุ่ย “ในคุกมีคนของเจ้าอย่างนั้นหรือ”
หลี่หมิงรุ่ยยังไม่ทันเอ่ยตอบก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของผู้คุมคุกที่ถือดาบอยู่ในมือเดินเข้ามาใกล้ หลี่หมิงรุ่ยกำหมัดแน่น ทว่า ผู้คุมคุกกลับเดินไปเปิดประตูห้องขังของหวังชิวลู่ จากนั้นกล่าวขึ้น “หวังชิวลู่ออกมา องค์รัชทายาททรงต้องการพบเจ้า”
หวังชิวลู่กำหมัดแน่น ปัดเศษฟางตามร่างกายออกแล้วเดินออกไปจากห้องขัง เขาหันไปมองหลี่หมิงรุ่ยแวบหนึ่ง จากนั้นเดินตามหลังผู้คุมคุกจากไป
ฝีเท้าของหวังชิวลู่หนักอึ้ง เขาไม่รู้ว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วจะช่วยเขาตามที่เคยรับปากไว้หรือไม่ ไม่รู้ว่าองค์รัชทายาทเรียกพบเขาเพราะมีเรื่องต้องการถามเพิ่มหรือต้องการสังหารเขากันแน่
ทว่า สิ่งที่หวังชิวลู่คาดไม่ถึงก็คือเมื่อเขาตามคนขององค์รัชทายาทออกมาจากคุกของศาลต้าหลี่จนมาถึงหน้าโถงรับรองของจวนองค์รัชทายาท เขาเห็นไป๋ชิงเหยียนอยู่ที่นั่น!
ไป๋ชิงเหยียนสวมเสื้อคลุมขนจิ้งจอกสีขาวตัวใหญ่ ปลายเท้ามีเตาผิงที่จุดไฟสว่างวางอยู่ เมื่อได้ยินขันทีเล็กรายงานว่าหวังชิวลู่มาถึงแล้ว หญิงสาวจึงหันไปมองหวังชิวลู่
เห็นได้ชัดว่าไป๋ชิงเหยียนยังคงป่วยหนัก ใบหน้าของหญิงสาวซีดเซียว เสื้อคลุมขนจิ้งจอกสีขาวราวกับหิมะที่หญิงสาวสวมอยู่ยิ่งทำให้ใบหน้าของนางดูไร้สีเลือดมากขึ้นไปอีก ขนจิ้งจอกบนเสื้อคลุมของหญิงสาวสะบัดไปมาตามแรงหายใจของนาง
หวังชิวลู่เดินเข้าไปทำความเคารพองค์รัชทายาทและไป๋ชิงเหยียน
องค์รัชทายาทกวาดสายตามองหวังชิวลู่ “เจ้าโชคดีที่องค์หญิงเจิ้นกั๋วขอร้องเราให้ไว้ชีวิตเจ้า เราไม่สามารถหักหน้าองค์หญิงเจิ้นกั๋วได้ เราจะส่งเจ้าไปป้องกันชายแดนร่วมกับกองทัพไป๋เพื่อสร้างผลงานลบล้างความผิด เจ้ายินดีหรือไม่”
หวังชิวลู่กำหมัดแน่น เงยหน้ามองไปทางไป๋ชิงเหยียน เมื่อเห็นแววตาราบเรียบของหญิงสาว หวังชิวลู่จึงก้มศีรษะคำนับแนบพื้น “ขอบพระทัยองค์รัชทายาท ขอบพระทัยองค์หญิงเจิ้นกั๋วพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมยินดีพ่ะย่ะค่ะ”
เขาจะมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ดีดังที่ท่านพ่อขอไว้
องค์รัชทายาทโบกมือส่งสัญญาณให้องครักษ์นำตัวหวังชิวลู่ออกไป เมื่อหวังชิวลู่ออกไปแล้วองค์รัชทายาทจึงกล่าวขึ้น “เจ้านี่ก็จริงๆ เลย ตอนนั้นหวังเจียงไห่ใช้ป้ายหยกของอาสี่ของเจ้าหลอกเจ้าไปหาจนเกือบเดือดร้อน เจ้ายังจะช่วยหวังชิวลู่ไว้อีก”
“หากองค์รัชทายาทไม่บอกหม่อมฉันว่าฝ่าบาทต้องการกำจัดหวังชิวลู่เงียบๆ หม่อมฉันก็ไม่กล้าทูลขอร้ององค์รัชทายาทหรอกเพคะ” ไป๋ชิงเหยียนก้มศีรษะให้องค์รัชทายาทเล็กน้อย จานนั้นกระชับเสื้อคลุมให้แน่นขึ้นอีกนิด “ตอนแรกที่ถูกหวังเจียงไห่หลอก หม่อมฉันก็โมโหเหมือนกันเพคะ ทว่า ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เคยช่วยชีวิตท่านอาสี่ของหม่อมฉันไว้ ถือเสียว่าหม่อมฉันชดใช้หนี้บุญคุณเขาแทนท่านอาสี่เพคะ ขอบพระทัยองค์รัชทายาทมากเพคะ”
“ระหว่างเราไม่ต้องเกรงใจกันถึงเพียงนี้” องค์รัชทายาทกล่าวกับไป๋ชิงเหยียน “คราวหน้าหากมีเรื่องอันใดเจ้าส่งคนมาบอกเราก็ได้ เจ้าไม่แข็งแรง ไม่จำเป็นต้องเดินทางมาด้วยตัวเองเช่นนี้”
“ที่จริงหม่อมฉันตั้งใจมาทูลลาองค์รัชทายาท ทว่า บังเอิญได้ยินองค์รัชทายาทตรัสว่าไม่อยากทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่จึงบังอาจทูลขอร้ององค์รัชทายาทเพคะ” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวยิ้มๆ
องค์รัชทายาทกลืนคำหว่านล้อมให้ไป๋ชิงเหยียนอยู่ต่อลงไปในลำคอ เขานึกถึงคำที่ฮ่องเต้ตรัสกับเขาในตำหนักขึ้นมาได้จึงพยักหน้าให้ไป๋ชิงเหยียน “ก็ดีเหมือนกัน เมืองหลวงมีแต่เรื่องวุ่นวายมากมาย เจ้ากลับไปซั่วหยางถึงจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ เราจะให้เฉวียนอวี๋นำยาบำรุงจากคลังสมบัติในจวนมาให้ เมื่อใช้หมดแล้วเราจะให้คนนำไปให้ที่ซั่วหยางอีก เจ้าไม่ต้องเสียดาย ร่างกายของเจ้าสำคัญที่สุด!”
ไป๋ชิงเหยียนก้มศีรษะให้องค์รัชทายาท “ขอบพระทัยองค์รัชทายาทที่ทรงเป็นห่วงเพคะ”
เมื่อออกมาจากจวนองค์รัชทายาท ไป๋ชิงเหยียนยังไม่ทันกลับจวนก็มีคนมารายงานว่าเสิ่นชิงจู๋ได้รับบาดเจ็บกลับไปที่จวน กล่าวว่าต้องการพบไป๋ชิงเหยียนด่วน
ไป๋ชิงเหยียนกำมือที่กำลังแหวกผ้าม่านรถม้าแน่น กล่าวเสียงเคร่งขรึมด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยไอสังหาร “กลับจวน!”
ตอนนี้เสิ่นชิงจู๋อยู่ในเรือนชิงฮุย ใบหน้าของหญิงสาวซีดเผือด เลือดสดไหลทะลักออกจากแขนไม่หยุด สาวใช้กำลังใช้ผ้าช่วยห้ามเลือดให้เสิ่นชิงจู๋อย่างร้อนรนพลางตะโกนเร่งว่าเหตุใดหมอประจำจวนจึงยังมาไม่ถึงเสียที
สีหน้าของเสิ่นชิงจู๋อยู่ในอาการมึนงง นางไม่สนใจเลือดที่ไหลไม่หยุดของตัวเอง ในสมองมีแต่ภาพชายชราผมขาวโพลน สวมเครื่องแต่งกายสีเทาน้ำเงินและรองเท้าหนังหุ้มส้นสีดำผู้นั้น
เมื่อหมอประจำจวนทำแผลให้เสิ่นชิงจู๋เสร็จ ด้านนอกก็รายงานว่าคุณหนูใหญ่กลับมาถึงพอดี