ตอนที่ 747 สำคัญ
หกปีก่อนซีเหลียงบุกโจมตีชายแดนต้าจิ้น แม่ทัพโจวปู้หุ่ยแห่งกองทัพไป๋ได้รับคำสั่งจากปู่ของไป๋ชิงเหยียนให้บุกไปช่วยเสริมทัพ ไป๋ฉีซานบิดาของไป๋ชิงเหยียนต้องการฝึกฝนเซียวรั่วไห่จึงส่งชายหนุ่มไปด้วย อาจารย์เสิ่นไป่จ้งของเซียวรั่วไห่เป็นห่วงลูกศิษย์ของตัวเองที่เดินทางไปทำสงครามครั้งแรกจึงขออนุญาตติดตามไปด้วย
ต่อมาเซียวรั่วไห่เอาตัวเองไปเสี่ยงอันตรายหลายครั้งเพราะต้องการสร้างผลงาน เขาทำให้แม่ทัพโจวปู้หุ่ยถูกธนูอาบยาพิษของซีเหลียงยิง เสิ่นไป่จ้งออกจากค่ายทหารยามวิกาลเพื่อไปหายาถอนพิษมาให้แม่ทัพโจวปู้หุ่ย ทว่า เขาไม่ได้กลับมาอีกเลย ทุกคนต่างคิดว่าเขาเดินทางไปหายาพิษที่ค่ายทหารของซีเหลียงจนถูกทหารซีเหลียงสังหารเสียชีวิตไปแล้ว
หากไป๋ฉีซานบิดาของไป๋ชิงเหยียนไม่ได้นำทัพมาช่วยเหลือในวันต่อมา ต้าจิ้นจะชนะสงครามครั้งนั้นหรือไม่ก็ยังไม่อาจรู้ได้
เซียวรั่วไห่เกือบจบชีวิตลงใต้คมดาบของศัตรูเช่นเดียวกัน ทว่า ไป๋ฉีซานเอาตัวเข้ารับคมดาบใหญ่ของศัตรูเพื่อช่วยชีวิตของเซียวรั่วไห่เอาไว้
เซียวรั่วไห่รู้สึกผิดกับเรื่องนี้มาจนถึงตอนนี้ เขาคิดว่าหากตอนนั้นเขาไม่บุ่มบ่ามบุกเข้าไป โจวปู้หุ่ยจะไม่ถูกธนูอาบยาพิษของศัตรูยิง ท่านอาจารย์ของเขาจะไม่ต้องออกไปหายาถอนพิษ กองทัพไป๋จะไม่เสียขวัญเพราะแม่ทัพหลักล้มลง ไป๋ฉีซานยิ่งไม่ต้องบาดเจ็บเพราะช่วยชีวิตเขาไว้เช่นนี้
ไป๋ชิงเหยียนจ้องไปทางหลี่หมิงรุ่ยนิ่ง หญิงสาวรู้ว่าเสิ่นชิงจู๋ใจร้อนอยากพบหน้าอาจารย์ของตัวเองจึงกล่าวขึ้น “พาเหล่าเวิงมาพบข้า ข้าจะไม่เอาชีวิตของเขา ข้าแค่สนใจวรยุทธ์ของเขา อยากสอบถามว่าเขาเรียนมาจากที่ใดเท่านั้น”
“คงต้องทำให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วผิดหวังแล้วพ่ะย่ะค่ะ” หลี่หมิงรุ่ยกุมบาดแผลของตัวเองแน่น “เหล่าเวิงได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะเพราะช่วยชีวิตกระหม่อมและท่านแม่ของกระหม่อมไว้ ตอนนี้เขาจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้ เกรงว่าคงตอบคำถามขององค์หญิงเจิ้นกั๋วไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”
ความจำเสื่อมจริงๆ ด้วย…
ตอนที่ไป๋ชิงเหยียนได้ยินเสิ่นชิงจู๋เล่าว่าอาจารย์ของนางดูเหมือนจะจำนางไม่ได้ ไป๋ชิงเหยียนก็สงสัยแล้วว่าเสิ่นไป่จ้งอาจลืมเรื่องราวในอดีตไปแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเพราะช่วยชีวิตหลี่หมิงรุ่ย
“ข้าต้องการพบคนผู้นี้ให้ได้ ใต้เท้าหลี่บ่ายเบี่ยงเช่นนี้ข้าก็ยิ่งอยากพบเขา พรุ่งนี้ข้าจะเดินทางกลับซั่วหยางแล้ว ข้าต้องการพบเขาก่อนเดินทางกลับ” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจบก็ตะโกนเรียก “ผู้ใดก็ได้พาใต้เท้าหลี่ไปส่งที่จวนหลี่ที”
หลี่หมิงรุ่ยคลานเข่าเข้าไปด้านหน้าสองสามก้าวจากนั้นก้มศีรษะคำนับแนบพื้น “องค์หญิงเจิ้นกั๋ว กระหม่อมไม่อยากปิดบังท่าน ตอนนี้กระหม่อมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเหล่าเวิงอยู่ที่ใดพ่ะย่ะค่ะ หากกระหม่อมหาตัวเขาไม่พบ คำกล่าวขององค์หญิงยิ่งทำให้กระหม่อมลำบากใจพ่ะย่ะค่ะ”
เสียงของหลี่หมิงรุ่ยสั่นเทาด้วยความเจ็บปวด เขากุมบาดแผลของตัวเองแน่น “ในเมื่อหมิงรุ่ยทราบแล้วว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วจะไม่เอาชีวิตของเหล่าเวิง หมิงรุ่ยไม่มีทางนำชีวิตของคนตระกูลหลี่มาเสี่ยงแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะพยายามหาตัวเขาอย่างเต็มที่ ทว่า ผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร…”
“หากแม้แต่เรื่องแค่นี้จวนอัครมหาเสนาบดีหลี่ยังทำไม่ได้ก็คงไร้ความสามารถเกินไปแล้ว ใต้เท้าหลี่กล้ากล่าวเช่นนี้ออกมาอีกหรือ” ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้าสื่อให้องครักษ์แบกตัวหลี่หมิงรุ่ยออกไป
หลี่หมิงรุ่ยยังอยากกล่าวสิ่งใดกับไป๋ชิงเหยียนอีก ทว่า เขาทนความเจ็บปวดที่บาดแผลไม่ไหวจริงๆ เขาปล่อยให้องครักษ์แบกตัวของเขาออกไปจากจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋วแต่โดยดี
เมื่อหลี่หมิงรุ่ยจากไป เสิ่นชิงจู๋จึงถามขึ้นอย่างร้อนรน “คุณหนูใหญ่ ท่านอาจารย์ของข้าความจำเสื่อมเพราะช่วยชีวิตหลี่หมิงรุ่ยไว้จริงๆ หรือเจ้าคะ”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “ดูจากท่าทีของหลี่หมิงรุ่ยแล้วคงเป็นเรื่องจริง ข้าเห็นเขามีท่าทีปกป้องและไม่อยากมอบตัวอาจารย์ของเจ้าให้พวกเราจริงๆ เรื่องนี้คงเป็นจริงดังที่เขากล่าว! หลี่หมิงรุ่ยเป็นลูกศิษย์ของตู้จือเวย พวกเขาเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน แม้เป็นคนไร้คุณธรรม ทว่า ยังพอมีใจเมตตาอยู่บ้าง”
เสิ่นชิงจู๋ร้อนรนจนว้าวุ่นใจไปหมด “ไม่รู้ว่าหลี่หมิงรุ่ยจะยอมมอบตัวท่านอาจารย์ให้พวกเราหรือไม่นะเจ้าคะ”
“เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ถึงแม้หลี่หมิงรุ่ยจะให้ความสำคัญกับท่านอาจารย์ของเจ้ามากเพียงใด เขาก็ไม่มีทางนำชีวิตของคนทั้งตระกูลหลี่มาเสี่ยงหรอก เขาต้องส่งคนมาให้ข้าก่อนข้าออกเดินทางกลับซั่วหยางในวันพรุ่งนี้แน่นอน” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจบก็หันไปทางเสิ่นชิงจู๋ “ทว่า เราคงพาเขาจากไปด้วยไม่ได้ หากเจ้าเป็นห่วงท่านอาจารย์ของเจ้า เจ้าก็อยู่ดูแลเขาที่เมืองหลวงให้ดี”
เสิ่นชิงจู๋มองไปทางไป๋ชิงเหยียนอย่างคาดไม่ถึง เมื่อสงบลงแล้วหญิงสาวจึงคิดตามอย่างมีสติ จากนั้นส่ายหน้าพลางกล่าวขึ้น “เสิ่นชิงจู๋ต้องอยู่ปกป้องข้างกายคุณหนูใหญ่ หากหลี่หมิงรุ่ยยอมเจ็บตัวเพื่อท่านอาจารย์จริงๆ โดยไม่ได้เสแสร้ง ให้ท่านอาจารย์อยู่กับเขาไปก่อนก็ได้เจ้าค่ะ วันหน้าหากมีโอกาสข้าค่อยมารับตัวท่านอาจารย์กลับไป”
“หลี่หมิงรุ่ยสนิทสนมกับท่านอาจารย์ของเจ้า ต่อให้เจ้าบีบบังคับให้ท่านอาจารย์ของเจ้าอยู่กับเจ้า เขาก็คงไม่ยินยอม” ไป๋ชิงเหยียนก้มหน้าคิด “ทว่า ข้าคิดว่าเจ้าควรอยู่เมืองหลวงต่อจะดีกว่า ตอนนั้นท่านอาจารย์ของเจ้ากล่าวว่าจะไปหายาถอนพิษมาให้แม่ทัพโจว ทว่า เหตุใดเขาถึงได้ปรากฏตัวที่เมืองจินเจี้ยนกัน เรื่องนี้มีเพียงท่านอาจารย์ของเจ้าเท่านั้นที่รู้”
เสิ่นชิงจู๋ขมวดคิ้วแน่น ไม่นานจึงพยักหน้าลง “ข้าทำตามคำสั่งของคุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนไม่เคยสงสัยในความจงรักภักดีของเสิ่นไป่จ้ง ยิ่งไม่เชื่อว่าเสิ่นไป่จ้งจะหนีไปโดยไม่หายาถอนพิษไปให้แม่ทัพโจวโดยไม่มีเหตุผล
ตอนที่ท่านพ่อไปถึงสนามรบ แม่ทัพโจวปู้หุ่ยเสียชีวิตลงแล้ว ท่านพ่อของนางไม่มีโอกาสพบหน้าแม่ทัพโจวเป็นครั้งสุดท้าย
วันพรุ่งนี้ไป๋ชิงเหยียนจะเดินทางกลับซั่วหยาง หลี่หมิงรุ่ยเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว ทว่า บัดนี้เขากลับได้รับบาดเจ็บหนัก
ชายหนุ่มถูกองครักษ์ของตระกูลไป๋แบกกลับจวนหลี่ ใบหน้าของเขาซีดเซียว เจ็บบาดแผลจนแม้แต่หายใจก็ยังเป็นเรื่องยากลำบาก เขาเกือบสลบไปหลายครั้ง
เมื่อหลี่เม่าทราบข่าวก็ตกใจจนเย็นวาบไปทั้งร่าง เขาพาหมอประจำจวนไปยืนรอบุตรชายอยู่ที่หน้าจวน เมื่อเห็นมีดเสียบอยู่ที่ท้องของบุตรชาย เสื้อผ้าของบุตรชายโชกไปด้วยเลือด ร่างของหลี่เม่าชาววาบไปทั้งร่าง แม้ในใจจะเกลียดไป๋ชิงเหยียนเข้ากระดูกดำ ทว่า ภายนอกยังต้องโค้งกายขอบคุณองครักษ์ไป๋ที่พาตัวหลี่หมิงรุ่ยมาส่งที่จวน “ขอบคุณพวกท่านมาก เชิญเข้าไปดื่มชาในจวนก่อนเถิด”
ผู้นำองครักษ์กำหมัดคารวะหลี่เม่า “อัครมหาเสนาบดีหลี่เกรงใจเกินไปแล้วขอรับ พวกข้าทำตามหน้าที่เท่านั้น พวกข้าไม่รบกวนแล้ว ขอตัวกลับก่อนขอรับ”
หลี่เม่าหันไปสั่งให้พ่อบ้านมอบเงินให้องครักษ์เหล่านั้น ทว่า องครักษ์ของจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋วปฏิเสธแล้วจากไปทันที
“เร็ว รีบแบกคุณชายเข้าไปในจวน!” ลำคอของหลี่เม่าร้อนผ่าว
หลี่หมิงรุ่ยที่ถูกแบกขึ้นเกี้ยวรีบกระชากคอเสื้อของพ่อบ้านพลางกล่าวขึ้น “เจ้าจงพาหมอไปหาเหล่าเวิงที่จวนในซอยจิ่วชวน หากเหล่าเวิงได้รับบาดเจ็บ จงทำแผลให้เขาให้เรียบร้อย จากนั้นส่งตัวเขาไปยังจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋ว องค์หญิงเจิ้นกั๋วรับปากแล้วว่าจะไม่เอาชีวิตเหล่าเวิง เจ้าจงปกป้องเหล่าเวิงให้ดี!”
แม้จะดูเหมือนเป็นการกล่าวกับพ่อบ้านจวน ทว่า แท้จริงแล้วหลี่หมิงรุ่ยจงใจกล่าวให้หลี่เม่าได้ยิน เขากลัวว่าบิดาจะส่งศีรษะของเหล่าเวิงไปให้ไป๋ชิงเหยียนเพื่อระงับความโกรธของหญิงสาวแทน
พ่อบ้านรีบพยักหน้าด้วยดวงตาที่แดงก่ำ “คุณชายไม่ต้องห่วงขอรับ ข้าจะจัดการเรื่องทุกอย่างเอง ตอนนี้บาดแผลของคุณชายสำคัญที่สุดขอรับ”
หลี่หมิงรุ่ยที่หายใจหอบรุนแรงและเหงื่อออกเต็มใบหน้าจับคอเสื้อของพ่อบ้านแน่น เขาเงยหน้ามองไปทางหลี่เม่าราวกับกำลังรอคำตอบจากบิดาอยู่
หลี่เม่ากำหมัดแน่น “เจ้าไม่ต้องห่วง พ่อจะให้หมอไปดูอาการของเหล่าเวิงเอง ตอนนี้ร่างกายของเจ้าสำคัญที่สุด”