ตอนที่ 750 ทรยศ
เสิ่นไป่จ้งมองสำรวจไป๋ชิงเหยียนอย่างละเอียด เขารู้สึกว่าหญิงสาวตรงหน้ารูปร่างคล้ายไป๋ซู่ชิวมาก ทว่า เขานึกใบหน้าของหญิงสาวผู้นั้นไม่ออก
ไป๋ชิงเหยียนอธิบายต่อ “ไป๋ซู่ชิวคือท่านอาของข้า ข้าคือบุตรสาวของไป๋ฉีซาน ไป๋ชิงเหยียนเจ้าค่ะ”
เมื่อได้ยินคำว่าไป๋ฉีซาน เสิ่นไป่จ้งเหม่อลอยเล็กน้อย เขากุมศีรษะแน่น…เขาจำได้ว่าเขามีเรื่องสำคัญมากต้องบอกให้ชายที่ชื่อไป๋ฉีซานรับรู้!
ทว่า มันคือเรื่องอันใดกันแน่นะ
“ไป๋ฉีซานอยู่ที่ใด” เสิ่นไป่จ้งถาม บางทีหากเจอคนผู้นั้นอาจทำให้เขานึกขึ้นมาได้
เมื่อเอ่ยถึงบิดา แม้ว่าไป๋ชิงเหยียนจะรู้สึกเจ็บปวดและเสียใจอยู่ ทว่า หญิงสาวไม่ได้ควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ได้เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว ใจของหญิงสาวสงบนิ่งขึ้นมาก หญิงสาวเม้มปากแน่น จากนั้นกล่าวขึ้น “ท่านพ่อเสียชีวิตแล้วเจ้าค่ะ”
เสิ่นไป่จ้งตกตะลึง
ไป๋ชิงเหยียนก้มศีรษะให้เสิ่นไป่จ้งเล็กน้อย จากนั้นพาเจินหมิงเดินออกไปจากห้องพัก หญิงสาวกำชับให้ผู้ดูแลดูแลเสิ่นไป่จ้งให้ดี จากนั้นจึงกลับไปยังเรือนชิงฮุย
แม้ไป๋ชิงเหยียนใจร้อนอยากรู้จากปากของเสิ่นไป่จ้งว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่ ทว่า เรื่องเกิดขึ้นไปแล้ว สำหรับนางมันไม่ได้มีความหมายมากเท่าใดแล้ว หญิงสาวไม่ได้จมอยู่กับความเศร้าสร้อยในอดีตอีกต่อไป สิ่งที่ไป๋ชิงเหยียนอยากทำในตอนนี้คือการมองไปข้างหน้า
วันรุ่งขึ้นไป๋ชิงเหยียนเตรียมตัวเดินทางกลับซั่วหยางตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันสว่าง
รัชทายาทต้องเข้าร่วมว่าราชาการตอนเช้า เขาจึงส่งเฉวียนอวี๋มาส่งไป๋ชิงเหยียนที่หน้าจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋วแทน
เมื่อส่งไป๋ชิงเหยียนขึ้นไปบนรถม้าเสร็จ เฉวียนอวี๋โค้งกายคำนับหญิงสาว “บ่าวทราบว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วจงรักภักดีต่อองค์ชาย องค์หญิงเจิ้นกั๋วไม่ต้องเป็นห่วงพ่ะย่ะค่ะ เฉวียนอวี๋จะไม่ยอมให้ผู้ใดยุแยงให้องค์ชายหวาดระแวงองค์หญิงเจิ้นกั๋วแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
มือเรียวขาวราวกับหยกของไป๋ชิงเหยียนแหวกม่านรถม้าออก หญิงสาวมองไปที่ใบหน้าสะอาดสะอ้าน ดวงตาสดใสของเฉวียนอวี๋นิ่ง จากนั้นพยักหน้าให้เฉวียนอวี๋ยิ้มๆ “รบกวนเฉวียนอวี๋กงกงด้วย”
“เป็นสิ่งที่บ่าวสมควรทำอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ” เฉวียนอวี๋ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง จากนั้นคำนับอีกครั้ง
“น้อมส่งองค์หญิงเจิ้นกั๋วพ่ะย่ะค่ะ”
ในสายตาของเฉวียนอวี๋ไป๋ชิงเหยียนคือวีรสตรีที่เก่งกาจกว่าวีรบุรุษหลายๆ คน เขาไม่อยากเห็นวีรสตรีเช่นนี้ถูกคนไม่หวังดีใส่ร้ายจนสูญเสียความไว้ใจจากรัชทายาท
“พี่หญิงใหญ่ระวังตัวด้วยนะเจ้าคะ” ดวงตาของไป๋จิ่นซิ่วแดงก่ำ
“พี่หญิงใหญ่ไม่ต้องห่วง ข้าจะดูแลท่านย่าให้ดีเจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นเซ่อกล่าว
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้าแล้วลดม่านลง
“ออกเดินทาง…”
สิ้นเสียงตะโกนของผู้นำองครักษ์ตระกูลไป๋ รถม้าค่อยๆ เคลื่อนตัวตามองครักษ์ที่เดินเท้าไป
วันที่สิบแปด เดือนสองขบวนรถม้าเดินทางไปถึงบริเวณภูเขาคงต้ง ไป๋ชิงเหยียนสั่งให้คนส่งจดหมายไปบอกต่งซื่อว่านางน่าจะเดินทางไปถึงซั่วหยางในช่วงบ่ายของวันพรุ่งนี้ วันนี้จะพักที่ภูเขาคงต้งหนึ่งคืน
ตกกลางคืนที่พักแถวภูเขาคงต้งเงียบสนิท บนท้องฟ้ามีเพียงพระจันทร์กลมโตและหิมะที่โรยราอยู่เต็มพื้นดินเท่านั้น
ไป๋ชิงเหยียนนั่งพิจารณาแผนที่ของต้าเหลียงอย่างละเอียดอยู่ใต้แสงไฟ ขณะที่หญิงสาวกำลังคาดการณ์ว่าตอนนี้แม่ทัพหลิวหงและไป๋จิ่นจื้อนำทัพบุกถึงเมืองใดแล้วก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากหลังคาด้านบน
ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้าขึ้นมองด้านบน กวาดสายตามองตามเสียงไปเรื่อยๆ
“กาเหว่า…กาเหว่า…”
องครักษ์ลับที่คุ้มกันอยู่รอบบริเวณส่งสัญญาณบอกว่ามีคนบุกรุกเข้ามา
ไป๋ชิงเหยียนรีบเก็บแผนที่อย่างรวดเร็ว จากนั้นดับไฟในตะเกียงจนมืดสนิทเพื่อตอบองครักษ์ลับว่านางรับรู้แล้ว
ไป๋ชิงเหยียนเอื้อมมือหยิบมีดสั้นที่ซ่อนอยู่ในรองเท้าหนังหุ้มข้อออกมา จากนั้นเดินไปซ่อนตัวอยู่ริมหน้าต่าง หญิงสาวใช้คมแหลมของมีดงัดหน้าต่างให้เปิดออกเล็กน้อยแล้วมองลอดช่องของหน้าต่างออกไปยังระเบียงทางเดินไม้ยาวที่ถูกแสงจันทร์ส่องกระทบจนสว่าง
ผู้มาเยือนเหมือนจะมีสามคน พวกเขาจับชายคาพลางหย่อนตัวลงมาบนพื้นด้านล่างอย่างคล่องแคล่ว เสียงฝีเท้าดังใกล้ขึ้นมาเรื่อยๆ รองเท้ากระทบลงบนพื้นไม้จนเกิดเสียงเอี๊ยดอ๊าดเล็กน้อย ไป๋ชิงเหยียนยืนแนบกายชิดกับผนัง กำมีดสั้นในมือแน่น
องครักษ์ลับและองครักษ์ของตระกูลไป๋ล้วนรับรู้ว่ามีผู้บุกรุกเข้ามา ทว่า พวกเขาต้องทำตามแผนเหมือนอย่างทุกครั้ง นั่นคือการรอให้ผู้บุกรุกบุกเข้ามาก่อน พวกเขาจะได้จับเป็นและสอบสวนว่าผู้ใดเป็นคนส่งพวกเขามาและส่งมาเพื่อสิ่งใด
บัดนี้องครักษ์ที่ล้มตัวลงนอนของตระกูลไป๋ต่างลุกขึ้นเตรียมพร้อม พวกเขาหยิบดาบไปดักซุ่มอยู่บริเวณทางออกทุกทางที่ผู้บุกรุกจะหนีเอาตัวรอดออกไปได้
ผู้บุกรุกมีทั้งหมดสามคน สองคนย่อกายซ่อนตัวอยู่ใต้หน้าต่างอย่างระมัดระวัง อีกคนหนึ่งซ่อนกายอยู่ด้านหลังเสาเคลือบน้ำมันสีแดงตรงระเบียงทางเดิน ไป๋ชิงเหยียนมองดูเงาที่ทอดยาวตรงระเบียงทางเดินไม้ ผู้นำของพวกเขาที่กำลังส่งสัญญาณมือบอกลูกน้องของตัวเอง
มีเพียงสามคนไป๋ชิงเหยียนจึงไม่ได้ใส่ใจนัก หญิงสาวเก็บมีดสั้นลง
เมื่อได้ยินเสียงเคลื่อนไหว มือสังหารที่ซ่อนตัวอยู่ใต้หน้าต่างเกร็งร่างแน่น เขายกมือขึ้นส่งสัญญาณ จากนั้นกลั้นลมหายใจฟังเสียงความเคลื่อนไหวภายในห้อง มือสังหารรู้สึกว่าคนในห้องกำลังจะเดินออกมาด้านนอกและใกล้เดินมาถึงหน้าประตูห้องแล้ว
มือสังหารสามคนจับดาบที่เอวแน่น ตาคมกริบราวกับเหยี่ยวจ้องไปที่ประตูซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนิ่ง
ประตูไม้แกะสลักรูปดอกไม้ถูกเปิดออก ไป๋ชิงเหยียนในชุดสีขาวหิมะเดินออกมาจากห้องด้านใน หญิงสาวหันกลับไปมองมือสังหารที่ซ่อนตัวอยู่ใต้หน้าต่างและด้านหลังเสาสีแดงตรงระเบียงทางเดินด้วยแววตาเยือกเย็น มือสังหารที่ซ่อนตัวอยู่หลังเสาสีแดงได้สติอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนเดินออกมา เขารีบชักดาบแล้วพุ่งตัวไปหาหญิงสาวทันที
ดาบแหลมคมที่สะท้อนเงาของแสงจันทร์พุ่งไปทางไป๋ชิงเหยียนอย่างรวดเร็ว ทว่า ยังไม่ทันเข้าใกล้ร่างของไป๋ชิงเหยียนก็ถูกดาบที่รวดเร็วกว่าขวางไว้เสียก่อน
แววตาขององครักษ์ลับผู้นั้นพร้อมตาย…อาวุธลับของเขามุ่งตรงไปทางไป๋ชิงเหยียนอย่างรวดเร็ว ทว่า ตัวเองกลับถูกองครักษ์ไป๋ใช้ดาบแทงทะลุกหน้าอกเสียก่อน
มือสังหารผู้นั้นนึกไม่ถึงเลยว่าไป๋ชิงเหยียนที่ดูอ่อนแอใกล้ตายจะขยับหลบหนีอาวุธลับของเขาได้รวดเร็วถึงเพียงนี้
มือสังหารอีกสองคนเห็นเหตุการณ์จึงรีบชักดาบออก จากนั้นต่อสู้กับองครักษ์ลับที่เพิ่งปรากฏกายขึ้น ทว่า พวกเขานึกไม่ถึงเลยว่าองครักษ์ไป๋จะบุกออกมาจากทั่วทุกทิศภายในชั่วพริบตาเช่นนี้ บางคนสวมเพียงชุดนอนเท่านั้น พวกเขาล้วนพร้อมตายเพื่อไป๋ชิงเหยียนทั้งสิ้น
มือสังหารที่ถูกแทงเข้าที่อกยังไม่ทันได้สติก็ถูกปลายแหลมคมของดาบปาดเข้าที่ลำคอ เลือดสดไหลทะลักออกมาทันที
เขาจ้องไปทางไป๋ชิงเหยียงเขม็ง ใบหน้าบิดเบี้ยวอย่างคนใกล้ตาย จวบจนเขาหมดลมหายใจลงก็ยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดองค์หญิงเจิ้นกั๋วไป๋ชิงเหยียนที่ผู้คนลือกันว่าอ่อนแอใกล้ตายถึงหลบอาวุธลับของเขาได้รวดเร็วเพียงนี้ หรือว่าหนึ่งในสามของพวกเขามีคนทรยศ องค์หญิงเจิ้นกั๋วเตรียมรับมือไว้ล่วงหน้าแล้ว…
มือสังหารสิ้นลมหายใจลงก่อนที่จะเข้าใจเรื่องทุกอย่าง
องครักษ์ไป๋กรูกันเข้าไปคุ้มครองไป๋ชิงเหยียน คุ้มกันไป๋ชิงเหยียนอยู่ตรงกลาง จากนั้นถอยหลังไปสองสามก้าว
ไป๋ชิงเหยียนก้าวถอยหลังไปพร้อมกับองครักษ์ไป๋ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทว่า แววตาเคร่งขรึม
องครักษ์ลับไป๋สี่คนกำลังต่อสู้อยู่กับมือสังหารสองคน เมื่อเห็นกระบวนการต่อสู้ของมือสังหารทั้งสอง พวกเขาก็พอจะเดาได้แล้วว่ามือสังหารทั้งสามคนนี้น่าจะเป็นทหารหน่วยกล้าตายของเสียนอ๋อง ทว่า บัดนี้หนานตูจวิ้นจู่เสียชีวิตไปแล้ว พวกเขาได้รับคำสั่งจากผู้ใดให้มาสังหารไป๋ชิงเหยียนกัน
จู่ๆ ใบหูของไป๋ชิงเหยียนก็กระตุกเล็กน้อย หญิงสาวหันไปมองบนหลังคากระเบื้องของรูปปั้นสัตว์ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม หญิงสาวเห็นเงาของชายสูงโปร่งคนหนึ่งยืนถือธนูอยู่บนหลังคาท่ามกลางแสงจันทร์ เขาง้างสายธนูเต็มเหนี่ยว จากนั้นปล่อยสาย…