ตอนที่ 751 แทนที่
ลูกธนูพุ่งตรงมากลางอากาศอย่างรวดเร็ว จากนั้นแทงทะลุหัวเข่าของหนึ่งในมือสังหารจนมือสังหารที่ชูดาบขึ้นสูงต้องทรุดเข่าลงกับพื้นด้วยความเจ็บปวด เขาถูกองครักษ์ลับไป๋จับกุมในทันที
องครักษ์ไป๋ได้สติอย่างรวดเร็ว พวกเขารีบคุ้มกันไป๋ชิงเหยียนถอยหลังไปอีกหลายก้าวโดยไม่สนว่าผู้ที่ยิงธนูคือมิตรหรือศัตรู
ขณะที่มือสังหารอีกคนยังตกอยู่ในความตะลึง เขาก็ถูกเยว่สือที่ไม่รู้โผล่ออกมาจากที่ใดแทงเข้าที่หน้าท้อง เลือดสดกระจายออกมาทันที
ไป๋ชิงเหยียนยืนเอามือไขว้หลังมองไปทางร่างซึ่งอยู่บนหลังคาที่ไม่ห่างออกไปนัก หญิงสาวตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นยกยิ้มมุมปากออกมาบางๆ เมื่อเห็นร่างของคนผู้นั้นกระโดดลงมาด้านล่าง หญิงสาวจึงยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม
ไม่ได้เจอกันหลายเดือน ตอนนี้สงครามของต้าเยี่ยนและแคว้นเว่ยกำลังรุนแรง ไป๋ชิงเหยียนไม่คิดว่าจะได้เจอเซียวหรงเหยี่ยนในเวลานี้
องครักษ์ลับไป๋เหล่มองเยว่สือแวบหนึ่ง ทว่า พวกเขาไม่ได้พุ่งดาบใส่เยว่สือเหมือนที่เยว่สือคาดการณ์ไว้ เยว่สือคิดว่าตนเองต้องรับมือกับพวกเขาสักสองสามกระบวนท่าก่อน ผู้ใดจะคิดว่าองครักษ์ลับไป๋ไม่ได้สนใจเขาสักนิด องครักษ์ลับไป๋เหยียบไปที่ใบหน้าของมือสังหาร ยาพิษที่ซ่อนอยู่ในปากของมือสังหารกระเด็นออกมาจากปากของเขา
องครักษ์ลับไป๋เก็บดาบลงตามเดิม จากนั้นลากตัวมือสังหารไปตรงหน้าไป๋ชิงเหยียน กำหมัดคารวะ “คุณหนูใหญ่ จับเป็นได้หนึ่งคนขอรับ!”
ไป๋ชิงเหยียนละสายตากลับมามอง เยว่สือเก็บดาบแล้วเดินเข้าไปทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน “เยว่สือคารวะคุณหนูใหญ่ขอรับ”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้าให้เยว่สือ “ลุกขึ้นเถิด”
เมื่อได้ยินไป๋ชิงเหยียนกล่าวเช่นนี้ องครักษ์ไป๋จึงเลิกหวาดระแวงในตัวเยว่สือ ต่างพากันเก็บดาบและหลีกทางให้ไป๋ชิงเหยียน
“เหตุใดเจ้าและเจ้านายของเจ้าจึงมาอยู่ที่นี่ได้” ใบหน้าของไป๋ชิงเหยียนเต็มไปด้วยรอยยิ้มบางๆ
เยว่สือลุกขึ้นยืน จากนั้นกล่าวยิ้มๆ “นายท่านจะไปเมืองหลวง ทว่า แวะไปซั่วหยางมาก่อนจึงรู้ว่าคุณหนูใหญ่อยู่ที่เมืองหลวง วันนี้จึงบังเอิญเจอกันพอดีขอรับ…”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า จากนั้นมองไปทางทหารหน่วยกล้าตายที่ถูกจับเป็นได้ “เจ้าคือคนของเสียนอ๋องอย่างนั้นหรือ”
ทหารหน่วยกล้าตายประหลาดใจ ทว่า เขาโดนจับได้แล้วจึงไม่คิดปฏิเสธ ตอนนี้เจ้านายของเขาเสียชีวิตลงหมดแล้ว ทหารหน่วยกล้าตายอย่างพวกเขาเป็นเพียงแมลงเม่าไร้รังเท่านั้น
“ใช่แล้ว!” ทหารหน่วยกล้าตายเงยหน้าขึ้นมองไปทางไป๋ชิงเหยียนด้วยแววอาฆาต
องครักษ์ไป๋ใช้ดาบกระแทกไปบนใบหน้าของทหารหน่วยกล้าตายอย่างแรง “อยากตาบอดหรืออย่างไร!”
ไป๋ชิงเหยียนยกมือห้ามองครักษ์ว่าไม่จำเป็นต้องทำถึงเพียงนี้ “เสียนอ๋องและหนานตูจวิ้นจู่เสียชีวิตหมดแล้ว เจ้าฟังคำสั่งของผู้ใดกัน”
ทหารหน่วยกล้าตายบ้วนเลือดออกมาจากปาก เงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียนพลางแสยะยิ้มเย็น “ข้าคือทหารหน่วยกล้าตายของตระกูลหลิ่ว เสียนอ๋องและจวิ้นจู่ล้วนเสียชีวิตลงเพราะเจ้า ข้าย่อมต้องแก้แค้นให้พวกเขา”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “เป็นบ่าวรับใช้ที่ซื่อสัตย์”
“จะฆ่าก็ฆ่า ไม่จำเป็นต้องกล่าวให้มากความ” ทหารหน่วยกล้าตายกล่าว
“ได้!” ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า นางเข้าใจทหารหน่วยกล้าตายเหล่านี้ดี ทหารหน่วยกล้าตายควรตายก่อนผู้เป็นนาย หากเจ้านายตายแล้ว พวกเขาก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้ “เจ้าคือบ่าวรับใช้ที่ซื่อสัตย์ ข้าจะให้เจ้าจากไปอย่างสงบ มีสิ่งใดจะกล่าวอีกหรือไม่”
“ข้าต้องการจบชีวิตด้วยตัวเอง” ทหารหน่วยกล้าตายกล่าว
“ได้” ไป๋ชิงเหยียนหันไปกล่าวกับองครักษ์ที่ยืนอยู่ด้านข้าง “เอาดาบให้เขา”
องครักษ์ไป๋ชักดาบออกมา จากนั้นยื่นให้ทหารหน่วยกล้าตายด้วยมือทั้งสองข้าง
ทหารหน่วยกล้าตายที่ถูกกดให้คุกเข่าอยู่บนพื้นสะบัดองครักษ์ไป๋ที่จับตัวเขาออกแล้วรับดาบมา จากนั้นตะโกนเสียงดังลั่น “นายท่าน นายน้อย ข้ามาแล้วขอรับ!”
กล่าวจบทหารหน่วยกล้าตายชูดาบขึ้น จากนั้นลุกขึ้นยืนแล้วพุ่งดาบตรงไปยังไป๋ชิงเหยียน ทว่า เขายังไม่ทันได้เข้าใกล้หญิงสาว ประกายดาบเล่มหนึ่งตวัดผ่านมาอย่างรวดเร็ว…ศีรษะของทหารหน่วยกล้าตายผู้นั้นหล่นลงบนพื้น
เลือดสดสาดกระจายท่ามกลางแสงของดวงจันทร์ เป็นภาพที่น่าสะพรึงยิ่งนัก
องครักษ์ไป๋เก็บดาบลงตามเดิม จากนั้นยืนอยู่ข้างกายไป๋ชิงเหยียน
“นำร่างของทั้งสามคนไปฝังไว้ข้างหลุมศพของหลิ่วรั่วฟู” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว
ศพของเสียนอ๋องไม่ครบสมบูรณ์ ทว่า ศพของหลิ่วรั่วฟูถูกบุตรสาวของหลู่จิ้น หลู่เป่าหวาแอบนำออกไปฝังที่นอกเมือง ตอนที่ไป๋จิ่นซิ่วรู้เรื่องนี้ หญิงสาวสั่งให้องครักษ์ไป๋ลอบคุ้มครองหลู่เป่าหวาอยู่ห่างๆ
ใต้หล้าแห่งนี้เต็มไปด้วยคนที่ชอบซ้ำเติมผู้ที่ตกต่ำและเหยียบย่ำคนที่ต่ำศักดิ์กว่า ผู้ที่ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์เหมือนหลู่เป่าหวามีน้อยนัก ไป๋จิ่นซิ่วจึงลอบให้ความช่วยเหลือหญิงสาว ต่อมาไป๋จิ่นซิ่วเล่าเรื่องนี้ให้ไป๋ชิงเหยียนฟังในจดหมาย ไป๋ชิงเหยียนทราบเรื่องก็นิ่งเงียบอยู่นาน
ตอนที่หลิ่วรั่วฟูคือหนานตูจวิ้นจู่ หญิงสาวมีแต่คนคอยเอาอกเอาใจ ได้รับความรักจากผู้คนมากมาย หลายคนอ้างว่าตัวเองคือสหายของหลิ่วรั่วฟู ทว่า หลังจากหลิ่วรั่วฟูเสียชีวิตลงกลับมีเพียงหลู่เป่าหวาคนเดียวเท่านั้นที่กล้านำศพของนางไปฝังให้ ไป๋ชิงเหยียนนับถือหลู่เป่าหวายิ่งนัก
เมื่อองครักษ์ไป๋ลากศพของมือสังหารไปจัดการ เซียวหรงเหยี่ยนจึงลงมาจากหลังคาอย่างเปิดเผย
ชายหนุ่มโค้งกายทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนแต่ไกล จากนั้นหยุดยืนส่งยิ้มให้ไป๋ชิงเหยียน
ไม่ได้เจอกันนานหลายเดือน ใบหน้าของเซียวหรงเหยี่ยนดูคมคายขึ้นกว่าเดิม แม้ชายหนุ่มจะแต่งกายด้วยชุดที่ดูสุขุมอ่อนโยนเช่นเดิม ทว่า ชายหนุ่มซ่อนไอสังหารและความเด็ดเดี่ยวที่ฝังลึกอยู่ในร่างของเขาไว้ไม่มิดอีกแล้ว ใบหน้าของเขาดูน่าเกรงขามและทรงอำนาจขึ้นกว่าเดิม
องครักษ์ลับไป๋ทยอยจากไป ทว่า เมื่อเห็นว่าเยว่สือยังยืนเด่นอยู่ตรงนั้นอย่างคนไม่รู้จักสถานการณ์ องครักษ์ลับไป๋คนหนึ่งจึงมองเยว่สืออย่างสำรวจ จากนั้นกล่าวขึ้น “เจ้ามัวยืนทำอันใดอยู่ตรงนั้น ไปได้แล้ว…”
เยว่สือพยักหน้า จากนั้นเดินตามองครักษ์ลับไป๋จากไป
หน้าประตูเต็มไปด้วยกองเลือดที่ยังไม่ได้ทำความสะอาด ไป๋ชิงเหยียนสวมเสื้อคลุมกันลม จากนั้นออกไปเดินเล่นแถวที่พักพร้อมกับเซียวหรงเหยี่ยน
“ตอนนี้ต้าจิ้นทำสงครามอยู่กับต้าเหลียง ต้าเยี่ยนทำสงครามอยู่กับแคว้นเว่ย หนานหรงต้องการยึดครองเป่ยหรง ซีเหลียงก็ไม่ยอมอยู่อย่างสงบ ข้าคิดว่าท่านจะอยู่ที่ซีเหลียงหรือแคว้นเว่ยเสียอีก”
ไป๋ชิงเหยียนเดินตามเซียวหรงเหยี่ยนไปตามถนนสายเล็กที่เงียบสงบทางด้านหลังของที่พัก
“เดิมทีข้าก็เดินทางไปมาระหว่างสองแคว้นนั้น ทว่า ซีหวายอ๋องแห่งแคว้นเว่ยทราบว่าข้าสนิทสนมกับองค์รัชทายาทแห่งต้าจิ้น ข้าจึงได้รับมอบหมายจากซีหวายอ๋องให้พาทูตของแคว้นเว่ยมาพบองค์รัชทายาท ข้าต้องการเดินทางไปพบเจ้าที่ซั่วหยางก่อนจึงแยกทางกับคณะทูตของแคว้นเว่ย คำนวณดูแล้วตอนนี้คณะทูตของแคว้นเว่ยคงใกล้ถึงเมืองหลวงแล้ว” เซียวหรงเหยี่ยนยกยิ้มมุมปากน้อยๆ เขาถือโคมไฟหนังแกะที่ส่องแสงเหลืองนวลไว้ในมือ “เดิมทีแคว้นเว่ยต้องการขอให้ต้าเหลียงช่วยลอบโจมตีต้าเยี่ยนด้วย ทว่า ต้าเหลียงทำสงครามอยู่กับต้าจิ้นจนไม่อาจแยกร่างได้ แคว้นเว่ยไปขอร้องซีเหลียงแทน ทว่า เมื่อซีเหลียงคำนวณดูจากผลประโยชน์แล้ว พวกเขาจึงตัดสินใจช่วยเหลือเป่ยหรงแทน บัดนี้แคว้นเว่ยถูกโจมตีจนต้องถอยหนีอย่างเดียว เขาจึงทำได้เพียงส่งทูตมาขอความช่วยเหลือจากต้าจิ้น”
“บัดนี้ต้าจิ้นทำสงครามอยู่กับต้าเหลียง โรคระบาดที่หวาหยางและฉินไหวก็ยังไม่หายขาด เดือนนี้ต้าจิ้นจะเริ่มซ่อมแซมเขื่อนกว่างเหออีกครั้ง อีกทั้งต้องสร้างหอบูชาเก้าชั้นที่ต้องการกำลังคนและกำลังทรัพย์มากไม่แพ้การสร้างพระราชวัง” เมื่อไป๋ชิงเหยียนกล่าวถึงเรื่องนี้ น้ำเสียงของนางเยือกเย็นกว่าเดิม “บัดนี้ต้าจิ้นกำลังเกณฑ์ทหารใหม่ นอกจากกองทัพที่ถูกเรียกตัวไปช่วยสร้างหอบูชาเก้าชั้นแล้ว ตอนนี้ชาวบ้านก็ถูกเกณฑ์ไปช่วยงานเช่นเดียวกัน ขณะที่หวาหยางและฉินไหวเกิดโรคระบาดขึ้น ฮ่องเต้คิดแต่จะสร้างหอบูชาเก้าชั้นเท่านั้น”
เมื่อเซียวหรงเหยี่ยนได้ยินคำกล่าวนี้จึงเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นกล่าวขึ้น “จักรพรรดิไร้คุณธรรม ผู้อื่นสามารถแทนที่ได้”
ชายหนุ่มหยุดชะงักฝีเท้าพลางมองไปทางไป๋ชิงเหยียน “อาเป่าตั้งใจจะเข้าแทนที่เมื่อใด”