ตอนที่ 776 กลุ่มทหารมือสมัครเล่น
กองทัพที่อยู่ทางด้านหลังหลิวหงแหวกทางให้ ทหารในชุดเกราะสามพันนายของไป๋ชิงเหยียนบุกไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว
เมื่อจ้าวหร่านออกคำสั่ง บรรดาทหารจากภูเขาหนิวเจี่ยวต่างแปรทัพเป็นกลุ่มละหกคนในทันที สี่คนถือโล่น้ำหนักเบานำอยู่ด้านหน้า โล่ของสามในสี่คนมีรูปทรงที่แตกต่างกันออกไป โล่ของคนที่อยู่ตรงกลางสุดเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ส่วนสองคนที่ขนาบข้างถือโล่ทรงสามเหลี่ยม ส่วนคนสุดท้ายถือโล่กลมปกติที่เห็นได้ทั่วไป ทหารโล่ทั้งสี่นายคุ้มกันทหารอีกสองนายซึ่งแบกย่ามไว้บนหลังให้อยู่ตรงกลาง จากนั้นมุ่งหน้าไปยังกำแพงทั้งสองข้างอย่างมั่นคงและรวดเร็ว
หลิวหงหมองดูทหารที่แบ่งออกเป็นกลุ่มละหกคนเดินผ่านหน้าเขาไปอย่างรวดเร็วทีละกลุ่ม เขาเริ่มประมวลผลตามไม่ทันว่าเหตุใดทหารเหล่านั้นจึงสวมโล่ลักษณะแปลกประหลาดเหล่านั้น
“องค์หญิงเจิ้นกั๋ว เหตุใดจึงแบ่งพวกเขาออกเป็นกลุ่มละหกคนและถือโล่ประหลาดเหล่านั้นไปด้วยพ่ะย่ะค่ะ” หลิวหงถาม
“กลุ่มละหกคน หนึ่งกลุ่มมีพลทหารโล่สี่คน โล่ของสามในสี่นั่นมีอาวุธลับเชื่อมแฝงติดกันอยู่ พวกเขาจึงต้องอยู่ติดกัน แม่ทัพหลิวคอยดูไปเถิด…”
ไม่นานหกคนของกลุ่มแรกก็ไปถึงกำแพงเมือง
กำแพงเมืองของด่านชิงซีซานสร้างขนาบไปกับหน้าผาทั้งสองข้าง หัวหน้าของกลุ่มย่อยสั่งให้พลทหารโล่นำโล่ทั้งสามมาเชื่อมติดกันจนกลายเป็นโล่ขนาดใหญ่หนึ่งอันที่มีรูปทรงคล้ายบันได พวกเขายื่นส่วนที่ยาวที่สุดไปชิดกำแพงเมืองที่อยู่เหนือศีรษะเพื่อป้องกันธนูจากบนกำแพงเมืองให้สหายอีกสองคนที่กำลังตอกทอยขึ้นไปบนกำแพงที่ละขั้น
เมื่อทหารต้าเหลียงบนกำแพงเมืองเห็นว่าลูกธนูไม่มีผล พวกเขาจึงรีบสั่งให้คนนำก้อนหินเขวี้ยงลงไปทำลายโล่ที่อยู่ด้านล่างแทน
โล่ทั้งสามแนบชิดสนิทกัน อีกทั้งตั้งอยู่ในลักษณะเอียง ก้อนหินที่ถูกโยนลงมาจากกำแพงจึงกระทบลงบนโล่ของทหารโล่ทั้งสามอย่างแรงจนพวกเซถลาลงไปด้านล่างเล็กน้อย โล่ไปติดแน่นอยู่กับกับถอยหนาที่ยังไม่ได้ตอกแน่นลงไปบนกำพง ก้อนหินหล่นกลิ้งลงไปตามแนวของโล่ทรงบันได ลูกทอยกระทบกับห่วงเหล็กหนาที่ห้อยอยู่ตรงเชือกบริเวณเอวของทหารจนเกิดเสียงดังขึ้น
ทหารโล่สามนายเหยียบทอยที่ตอกยึดไว้กับกำแพงเมืองพลางปีนขึ้นไปด้านบน ทหารตอกทอยอีกสองนายรีบปีนตามขึ้นไปติดๆ พวกเขาปีนขึ้นไปอย่างมั่นคงพลางตอกทอยลูกใหม่ขึ้นไปบนกำแพงเรื่อยๆ
ทหารโล่ที่ถือโล่กลมปกติคนเดียวในกลุ่มยืนถือเชือกเส้นหนึ่งที่ไม่รู้มีไว้ทำสิ่งใดเอาไว้ในมือพลางหลบอยู่ใต้โล่ตรงมุมของกำแพง
ทหารจากภูเขาหนิวเจี่ยวเดินไปถึงด่านล้างกำแพงด่านชิงซีซานครบทุกคน กลุ่มย่อมแต่ละกลุ่มต่างนำโล่มาเชื่อมกันเช่นเดียวกับที่กลุ่มแรกทำ จากนั้นปีนขึ้นไปบนกำแพงในลักษณะเดิม
เมื่อมองจากที่ไกลๆ จะเห็นว่าทหารจากภูเขาหนิวเจี่ยวปีนขึ้นไปบนกำแพงสูงอย่างดุดันราวกับเสือที่ปีนขึ้นไปบนภูเขาใหญ่ พวกเขาทยอยกันขึ้นไปบนกำแพงสูงทีละกลุ่ม ไม่นานพวกเขาก็จัดการกับทหารต้าเหลียงได้เกินครึ่งอย่างมั่นคงและไม่รีบร้อน
เมื่อทหารบางคนพลาดตกลงมาจากกำแพงเมือง ทหารโล่ที่ซ่อนตัวอยู่ในโล่ตรงมุมของกำแพงเมืองรีบใช้เชือกในมือของตัวเองรัดตัวของสหายเอาไว้แล้วดึงเข้าหาตัวอย่างแรง…
ทหารที่เกือบพลัดตกลงสู่เบื้องล่างถูกเชือกเกี่ยวไว้ที่ห่วงซึ่งผูกอยู่กับเชือกบริเวณเอว ทหารที่หลบอยู่ใต้โล่เอื้อมมือไปมือฉุดสหายที่เกือบพลัดตกกลับเข้าไปในโล่กำบังตามเดิม
เมื่อทหารส่วนใหญ่ของกองทัพจิ้นเห็นเหตุการณ์ พวกเขาจึงรีบเข้าไปช่วยดึงเชือก การโจมตีประตูเมืองจึงรวดเร็วขึ้นกว่าเดิมทันตาเห็น
ขอเพียงมีกลุ่มหนึ่งขึ้นไปบนกำแพงเมืองได้สำเร็จ พวกเขาก็จะโยนบันไดเชือกลงมาด้านล่าง ทหารภูเขาหนิวเจี่ยวชักดาบออกมารัดปลายเชือกไว้แน่น ทหารกองทัพจิ้นปีนบันไดเชือกขึ้นไปบนกำแพงอย่างรวดเร็ว จากนั้นต่อสู้กับกองทัพต้าเหลียงอย่าสุดกำลัง
อุปสรรคขัดขวางการปีนกำแพงยิ่งน้อยเท่าใด ทหารกองทัพจิ้นก็ยิ่งปีนขึ้นไปบนกำแพงไวขึ้นเท่านั้น
ไม่นานบนกำแพงด่านชิงซีซานจึงเต็มไปด้วยทหารกองทัพจิ้นที่ไต่บันไดเชือกขึ้นไปบนกำแพง ด้านบนสุดของกำแพงจึงเต็มไปด้วยกองทัพจิ้น รถขนบันไดหลายคันถูกดันมาถึงหน้ากำแพงเมือง เป็นภาพที่น่าหวาดหวั่นยิ่งนัก
ด่านชิงซีซานที่ขึ้นชื่อว่าเป็นด่านที่แกร่งที่สุดในใต้หล้า เมื่ออยู่ต่อหน้าทหารในสังกัดของไป๋ชิงเหยียนด่านนี้อ่อนแอราวกับกระดาษแผ่นหนึ่งเท่านั้น!
เมื่อหลิวหงเห็นเหตุการณ์ที่น่าหวาดหวั่นตรงหน้าก็รู้สึกตกตะลึง เขารีบหันไปมองไป๋ชิงเหยียนที่มีสีหน้าเคร่งขรึมท่ามกลางพายุฝนที่ตกกระหน่ำ
หลิวหงเบนสายตาไปมองทหารที่แบ่งออกเป็นกลุ่มย่อยๆ ทางด้านหลังไป๋ชิงเหยียน พวกเขามองไปทางกำแพงเมืองด้วยสายตาเป็นประกาย รอฟังคำสั่งของไป๋ชิงเหยียน เตรียมกลายเป็นทหารกล้าที่จะบุกขึ้นไปบนกำแพงเป็นกลุ่มถัดไป
นี่คือทหารซั่วหยางที่องค์หญิงเจิ้นกั๋วฝึกซ้อมสำหรับปราบปรามโจรป่าอย่างนั้นหรือ! คนเหล่านี้คือทหารมือสมัครเล่นอย่างนั้นหรือ!
หลิวหงเคยได้ยินผู้อื่นเล่าว่าตอนที่ไป๋ชิงเหยียนติดตามเจิ้นกั๋วอ๋องไปออกรบในสนามรบ หญิงสาวมักบุกอยู่ด้านหน้าเสมอเพราะหญิงสาวมีองครักษ์สาวกลุ่มหนึ่งที่เป็นอาวุธสำคัญในการบุกโจมตีเมือง องครักษ์สาวกลุ่มนั้นของไป๋ชิงเหยียนก็บุกโจมตีเมืองเช่นนี้อย่างนั้นหรือ
ต้าเหลียงมีฝนตกบ่อย ด่านชิงซีซานคือด่านสำคัญของต้าเหลียง ดังนั้นตอนสร้างกำแพงป้องกันด่านชิงซีซานจึงไม่ได้ใช้กำแพงดินเพราะกลัวว่าหากเกิดพายุฝนขึ้น กำแพงที่สร้างจากดินอาจทลายลงมาได้ หากแคว้นอื่นบุกมาโจมตีตอนนั้นเข้าพอดี ต้าเหลียงอาจรับมือไม่ทัน
การสร้างกำแพงด้วยก้อนหินของแคว้นต้าเหลียงล้ำหน้ากว่าทุกแคว้น ทว่า การสร้างกำแพงจากก้อนหินขนาดใหญ่สิ้นเปลืองทรัพยากรและกำลังคนมาก ดังนั้นตอนที่สร้างกำแพงด่านชิงซีซานขึ้นมาพวกเขาจึงอาศัยภูมิประเทศของด่านชิงซีซานที่มีหน้าผาสูงขนาบอยู่สองข้าง สร้างเป็นกำแพงหินขนาดสูงใหญ่จนยากจะปีนป่ายขึ้นมาเพียงด้านเดียวเท่านั้น!
ทว่า เพราะกำแพงของด่านชิงซีซานสร้างมาจากหิน ทหารจากภูเขาหนิวเจี่ยวจึงได้เปรียบ หากกำแพงถูกสร้างจากดิน เมื่อฝนตกหนักและยาวนานถึงเพียงนี้ ต่อให้พวกเขาจะตอกทอยเข้าไปในกำแพง เมื่อคนเหยียบขึ้นไปบนทอย กำแพงก็คงรับน้ำหนักไม่ไหวจนต้องตกลงมาแน่นอน
ทว่า ตอนนี้พวกเขาตอกทอยลงไปในกำแพงหิน มันรับแรงได้ดีและทนทานมาก
ทว่า ในสายตาของไป๋ชิงเหยียนทหารจากภูเขาหนิวเจี่ยวเหล่านี้ยังอ่อนหัดอยู่ พวกเขาได้รับการฝึกฝนในระยะเวลาอันสั้น อีกทั้งไม่เคยออกรบในสนามรบจริง พวกเขาต้องผ่านสงครามในสนามรบที่ดุเดือดดั่งเช่นทหารค่ายหูอิงเพื่อฝึกฝนตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้น พวกเขาถึงจะกลายเป็นทหารที่แข็งแกร่งและกล้าหาญอย่างเต็มตัว
เมื่อเห็นธงของกองทัพจ้าวและกองทัพต้าเหลียงที่อยู่บนกำแพงสูงถูกทำลายลง ไป๋ชิงเหยียนกระตุกบังเหียนม้าอย่างแรงพลางหันไปทางหลิวหง “แม่ทัพออกคำสั่งเถิด!”
หลิวหงรู้ว่าเวลามาถึงแล้ว กองทัพจิ้นบุกเข้าไปในด่านชิงซีซานได้แล้ว ธงของกองทัพต้าเหลียงถูกทำลายลงแล้ว ทหารของพวกเขาต้องไปเปิดประตูเมืองแล้วแน่ๆ
หลิวหงชูดาบขึ้นสูง จากนั้นตะโกนเสียงดังลั่น “กองทัพจิ้นทุกคน ธงของต้าเหลียงถูกทำลายแล้ว! กองทัพต้าเหลียงต้องพ่ายแพ้แน่ บุกเข้าไป!”
กองทัพจิ้นเลือดร้อนขึ้นมาทันที พวกเขาบุกตามหลิวหงเข้าไปยังกำแพงด่านชิงซีซานพลางตะโกนโห่ร้องเสียงดังลั่น
ไป๋ชิงเหยียนปลดธนูเซ่อรื้อที่อยู่ทางด้านหลังมาถือไว้ในมือ จากนั้นควบม้าทะยานไปเบื้องหน้าด้วยมือเพียงข้างเดียว
ภายในประตูใหญ่และหนักอึ้งของด่านชิงซีซาน ทหารกองทัพจิ้นสังหารทหารต้าเหลียงที่ใช้ร่างคุ้มกันประตูใหญ่เอาไว้อย่างไม่ปราณี รถกระทุ้งเมืองยังคงกระแทกอยู่จากด้านนอกเป็นระยะ ในที่สุดรอยแตกด้านในของบานพับประตูทั้งสองด้านก็เริ่มปริออก
ทหารต้าเหลียงที่อยู่บนกำแพงเมืองไม่อาจต้านทานทหารต้าจิ้นได้อีกแล้ว น้ำที่ไหลลงมาจากกำแพงเมืองล้วนคือน้ำเลือด!
ทหารกองทัพจิ้นลากรถกระทุ้งประตูเมืองออกไปไกล ทหารต้าจิ้นพากันเก็บกวาดศพของทหารต้าเหลียงและต้าจิ้นที่ขวางอยู่หน้าประตูออกไปที่อื่น จากนั้นช่วยกันดันรถกระทุ้งเมืองไปกระแทกประตูสุดแรงเกิด พวกเขารู้ดีว่ากำลังเฮือกสุดท้ายของพวกเขาในครั้งนี้จะทำให้ประตูพังลงอย่างแน่นอน
ในที่สุดประตูเก่าแก่และทนทานของด่านชิงซีซานก็พังทลายลง…