ตอนที่ 777 ผู้ใดขัดขืนตาย
บรรดาทหารกองทัพต้าจิ้นที่กำลังฮึกเหิมกรูกันบุกเข้าไปในด่านชิงซีซาน พวกเขาเผชิญหน้ากับกองทัพจ้าวที่ย้อนกลับมาเข้าพอดี
แม่ทัพใหญ่จ้าวเซิ่งแห่งกองทัพจ้าวต่อสู้อยู่กับไป๋จิ่นจื้อและหลินคังเล่อจนไม่สามารถปลีกตัวออกมาได้ เขาจึงได้แต่สั่งให้หัวหน้าหน่วยนำกองกำลังส่วนที่เหลือย้อนกลับมาก่อน
การบุกอ้อมไปโจมตีจากทางด้านหลังของไป๋จิ่นจื้อพร้อมกับธงเฮยฟานไป๋หมั่งทำให้กองทัพของต้าเหลียงเกิดความวุ่นวายอลหม่าน ก่อนที่จ้าวเซิ่งจะเดินทางไปถึงทางด้านหลัง ทหารต้าเหลียงหวาดกลัวธงเฮยฟานไป๋หมั่งไม่กล้าต่อสู้จนบาดเจ็บล้มตายมากมาย เมื่อจ้าวเซิ่งไปถึงจึงคิดว่าไป๋ชิงเหยียนมาถึงแล้วจริงๆ
ผ้าเช็ดหน้าชุบยาป้องกันโรคระบาดของไป๋จิ่นจื้อเปียกน้ำฝนจนไม่ได้กลิ่นตัวยาอีกแล้ว ไป๋จิ่นจื้อจึงกระชากผ้าปิดหน้าออก สาวน้อยถือหอกนั่งสังหารศัตรูอยู่บนหลังม้ามากมายนับไม่ถ้วน
พลธนูของกองทัพต้าจิ้นปีนขึ้นไปบนหลังคาของค่ายทหารต้าเหลียง อาศัยแสงไฟจากรอบค่ายยิงสังหารไปยังทหารต้าเหลียง
เมื่อลูกธนูหมดลง พวกเขาจึงชักดาบวิ่งเข้าไปต่อสู้กับทหารต้าเหลียงอย่างสุดชีวิต
เทียนที่วางอยู่ด้านในห้องถูกชนจนล้มระเนระนาด เปลวไฟลุกไหม้เสาไม้ต้นหนึ่งในห้อง จากนั้นค่อยๆ ลามไปยังผ้าม่าน เมื่อไม่มีฝนที่ตกกระหน่ำ…เปลวเพลิงจึงค่อยๆ ลุกโหมขึ้นเรื่อยๆ จนกลืนกินห้องในค่ายทหารทีละห้อง
เมื่อห้องทางฝั่งตะวันออกถูกเผาจนหมดสิ้น ท้องฟ้าเริ่มมีแสงสว่างปรากฎขึ้นอย่างเลือนลาง ไป๋จิ่นจื้อเหมือนจะได้ยินเสียงร้องตะโกนอย่างเจ็บปวดว่าประตูด่านชิงซีซานถูกพังแล้วของทหารต้าเหลียงและเสียงฆ่าฟันและโห่ร้องบนกำแพงเมืองของด่านชิงซีซาน ไป๋จิ่นจื้อเริ่มมั่นใจว่ากองทัพต้าเหลียงใกล้จะแพ้ในสงครามครั้งนี้แล้ว
แววตาเป็นประกายของไป๋จิ่นจื้อจ้องไปทางจ้าวเซิ่งที่กำลังสู้รบอย่างเอาเป็นเอาตายนิ่ง จากนั้นควบม้าทะยานไปทางจ้าวเซิ่ง
ม้าส่งเสียงร้องแล้วกระโดดข้ามร่างของทหารคนหนึ่งของต้าเหลียงไป ไป๋จิ่นจื้อเขวี้ยงหอกไปยังร่างของจ้าวเซิ่งที่ยังคงไม่รู้ตัวด้วยแรงทั้งหมดที่มี
“ท่านแม่ทัพระวังขอรับ!”
เมื่อทหารกองทัพจ้าวเห็นเหตุการณ์ก็เบิกตาโพลงทันที เขาตวาดเสียงดังลั่นพลางกระโจนเข้าไปกระแทกร่างของม้าผิงอันที่ขาเพิ่งแตะพื้นดินจนน้ำเลือดบริเวณนั้นสาดกระเซ็น ผิงอันไม่ทันระวังตัวจึงส่งเสียงร้องออกมาแล้วกลิ้งกระเด็นไปอีกทางพร้อมกับไป๋จิ่นจื้อ โคลนสีเลือดสาดโดนเต็มใบหน้าของสาวน้อย
เพราะถูกทหารกองทัพจ้าวกระโจนเข้ามากระแทก หอกของไป๋จิ่นจื้อจึงไม่ถูกร่างของจ้าวเซิ่ง ทว่า กลับโดนม้าศึกของเขาแทน ม้าศึกส่งเสียงร้องออกมาอย่างเจ็บปวด จ้าวเซิ่งที่กำลังต่อสู้อยู่กับศัตรูถูกสะบัดตกจากหลังม้าเช่นเดียวกัน
ไป๋จิ่นจื้อเช็ดเลือดบนใบหน้าของตัวเองออก จากนั้นจ้องไปทางจ้าวเซิ่งเขม็งราวกับลูกหมาป่า สาวน้อยกระชากดาบใหญ่ออกมาจากร่างของทหารที่นอนอยู่ด้านข้าง จากนั้นต่อสู้กับทหารต้าเหลียงที่ขวางหน้านางอยู่อย่างเอาเป็นเอาตาย
น้ำที่เอ่อล้นเป็นแอ่งสะท้อนภาพของกองไฟที่ลุกโหมและเงาของคนที่กำลังสู้รบกันอยู่ ทั่วบริเวณเต็มไปด้วยเสียงอาวุธกระทบกันและเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด
หลินคังเล่อกระชากบังเหียนม้าให้หยุดนิ่งพลางกวาดสาตามองหาร่างของไป๋จิ่นจื้อไปทั่วบริเวณท่ามกลางแสงสะท้อนของคมดาบ เขาเห็นร่างของไป๋จิ่นจื้อที่ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดจับหอกทั้งสี่อันที่แทงมาทางนางเอาไว้ สาวน้อยแสร้งทำเป็นสู้แรงของทั้งสี่คนไม่ไหวจนถอยหลังไปเรื่อยๆ จนกระทั่งปลายหอกฝังเข้าไปในกำแพงที่อยู่ทางด้านหลัง
ไป๋จิ่นจื้อหมุนกายหนีออกมาจากคมหอก จากนั้นชูดาบใหญ่ในมือขึ้นสูง…ศีรษะของคนทั้งสี่ร่วงสู่พื้นดิน เลือดร้อนกระจายไปทั่วบริเวณราวกับสายฝน จากนั้นสาดไปโดนใบหน้าของทหารต้าเหลียงคนหนึ่งที่กำลังจะบุกเข้ามาหาไป๋จิ่นจื้อท่ามกลางเปลวไฟที่ลุกโชน
ทหารต้าเหลียงมองดูร่างที่เต็มไปด้วยไอสังหารของไป๋จิ่นจื้อ เขาชะงักฝีเท้าที่เตรียมจะบุกเข้าไปเล็กน้อย
“กองทัพต้าจิ้นของข้าพังประตูเมืองเข้ามาได้แล้ว ผู้ใดยอมจำนนไว้ชีวิต ผู้ใดขัดขืนตาย!” ไป๋จิ่นจื้อตะโกนออกมาเสียงดังลั่น
ทหารที่ล้อมรอบไป๋จิ่นจื้ออยู่เริ่มลังเลเล็กน้อย ประตูหน้าของด่านชิงซีซานพังทลายลงแล้ว เหล่าทหารเสียขวัญกำลังใจตั้งแต่เห็นธงเฮยฟานไป๋หมั่งของไป๋จิ่นจื้อแล้ว เมื่อได้ยินไป๋จิ่นจื้อกล่าวออกมาเช่นนี้กองทัพต้าเหลียงเริ่มหมดกำลังใจในการต่อสู้ ทหารบางคนที่กลัวตายเริ่มทิ้งอาวุธในมือลง
เมื่อจ้าวเซิ่งที่เพิ่งตัดศีรษะของทหารต้าจิ้นคนหนึ่งได้เห็นท่าไม่ดีจึงตวาดออกมาสุดเสียง “ทหารกองทัพต้าเหลียงและกองทัพจ้าวทุกคน! จงอย่าลืมว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วเคยสังหารทหารยอมจำนนของซีเหลียงนับแสนนายที่หุบเขาเวิ่ง จงหยิบอาวุธของพวกเจ้าขึ้นมาเสีย ต่อให้ตายพวกเราก็ควรตายขณะสู้กับศัตรู หากพวกเจ้าวางอาวุธลงในตอนนี้ พรุ่งนี้พวกเจ้าจะถูกพวกมันสังหารราวกับหมูกับหมา หากต่อสู้ในตอนนี้ พวกเรายังมีโอกาสรอด!”
คำกล่าวของจ้าวเซิ่งทำให้ทหารต้าเหลียงที่วางดาบลงเริ่มได้สติขึ้นมาอีกครั้ง พวกเขานึกถึงเรื่องที่ไป๋ชิงเหยียนทำกับทหารยอมจำนนที่หุบเขาเวิ่งขึ้นมาได้ ทุกคนต่างกำดาบในมือแน่น จากนั้นบุกเข้าไปสู้ตายราวกับได้เติมพลังเต็มที่
แววตาของจ้าวเซิ่งหนักแน่น ที่เขาปลุกใจให้ทหารเหล่านี้สู้ต่อไม่ใช่เพราะเขาไม่เป็นห่วงชีวิตของทหารเหล่านี้ ไม่ใช่เพราะคำสัตย์ทางทหารที่ให้ไว้ว่าจะนำศีรษะกลับไปให้จักรพรรดิต้าเหลียงหากสูญเสียด่านชิงซีซานไป ทว่า เป็นเพราะพวกเขาไม่มีทางชนะแล้ว พวกเขาจึงควรพยายามจนเฮือกสุดท้ายของชีวิต
การตายในสนามรบคือเกียรติอันสูงสุดของนักรบ
การยอมจำนนคือการยินยอมเป็นสัตว์ให้ศัตรูควบคุมหรือสังหารได้ตามใจชอบ
กองทัพต้าจิ้นที่บุกเข้าไปในด่านชิงซีซานได้รับคำสั่งให้ต่อสู้กับทหารต้าเหลียงอยู่หน้าประตูเมือง ห้ามบุกเข้าไปด้านใน
ทหารต้าจิ้นที่ยึดกำแพงเมืองได้ยิงธนูใส่ทหารต้าเหลียงที่หวังบุกเข้ามายึดกำแพงเมืองคืนอย่างไม่หยุดหย่อน ทหารต้าเหลียงสู้ลูกธนูที่พุ่งตรงมาจากกำแพงสูงไม่ไหว ทหารบาดเจ็บและล้มตายเป็นจำนวนมาก พวกเขาจึงพากันค่อยๆ ถอยทัพหนี
เมื่อหลิวหงออกคำสั่ง กองทัพต้าจิ้นจึงบุกเข้าไปด้านในอย่างฮึกเหิม
แสงจากดวงอาทิตย์ค่อยๆ ส่องแสงออกมาจากก้อนเมฆหนาหลายชั้นบนท้องฟ้ายามเช้าหลังพายุฝนสงบลง ดวงตะวันโผล่พ้นยอดเขาฝั่งตะวันออก แสงสีทองอร่ามของดวงตะวันสาดส่องไปทั่วหน้าผาฝั่งตะวันตกที่ถูกฝนตกกระหน่ำใส่ทั้งวันทั้งคืนจนส่องแสงเปล่งประกาย แม้แต่ใบสนที่ขึ้นแซมอยู่บนยอดเขายังได้รับแสงสว่างเรืองรองเช่นเดียวกัน
แสงสว่างสีทองอร่ามที่เกิดขึ้นเปรียบเสมือนเส้นแบ่งแยกแสงสว่างและความมืดออกจากกัน
มันส่องสว่างลงบนทิวทัศน์ที่งดงามบนหน้าผาสูงชันเท่านั้น หน้าผาที่ขนาบข้างกำแพงเมืองทั้งสองด้านซึ่งอาบไปด้วยเลือด เกลื่อนไปด้วยอวัยวะที่ขาดออกจากร่างกายและซากศพที่กองพะเนินเป็นภูเขาล้วนยังอยู่ในมุมมืด
เสียงอาวุธกระทบกันและเสียงร้องโอดครวญของเหล่าทหารดังแว่วเข้ามา หน้าผาสูงที่ได้รับแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ยังคงงดงามไม่สั่นคลอน ลมพัดผ่านเป็นระยะจนใบของต้นสนพลิ้วไหวไปตามแรงลม
ทหารหนึ่งพันห้าร้อยนายที่ไป๋จิ่นจื้อและหลินคังเล่อพามาเริ่มหมดแรงกำลังไปทุกที หลินคังเล่อมองเห็นทหารหนีตายของต้าเหลียงกำลังมุ่งหน้ามาทางพวกเขา
ม้าศึกของหลินคังเล่อล้มลงบนพื้นแล้ว เขาพุ่งเข้าไปหาไป๋จิ่นจื้อ ต่อสู้กับศัตรูพลางกล่าวกับไป๋จิ่นจื้อ “เกาอี้จวิ้นจู่ พวกเราถอยทัพก่อนเถิดขอรับ ทหารหนีตายที่หนีมาทางนี้ต้องสู้อย่างสุดชีวิตแน่นอน พวกเรายึดด่านชิงซีซานมาได้ถือว่าได้รับชัยชนะที่ยิ่งใหญ่แล้ว เราจะปล่อยให้ทหารของเราตายอยู่ที่นี่ไม่ได้นะขอรับ!”
ท้องฟ้าสว่างขึ้นแล้ว บัดนี้ไม่ได้มืดมิดจนแยกไม่ออกว่าฝ่ายใดคือมิตรหรือศัตรูอีกต่อไป การล่อกองทัพมาทางด้านหลังของด่านชิงซีซานของพวกนางทำให้กองทัพต้าเหลียงสูญเสียกำลังทหารไปมากมายแล้ว
ไป๋จิ่นจื้อที่เหนื่อยหอบทิ้งดาบที่ฟันจนด้านลงบนพื้น สาวน้อยยกมือเช็ดเลือดออกจากใบหน้าของตัวเอง สายตามองไปทางจ้าวเซิ่งที่กำลังต่อสู้อย่างสุดชีวิตด้วยแววตาคมกริบ จากนั้นตะโกนลั่น “ขวางกองทัพต้าเหลียงไว้ให้ได้ทั้งหมด หากพวกเขาหนีไปได้ พวกเขาจะกลายเป็นศัตรูของต้าจิ้นในวันหน้าอย่างแน่นอน ข้าจะตัดศีรษะของจ้าวเซิ่งสร้างบารมีให้กองทัพของเราให้ได้!”
“เกาอี้จวิ้นจู่!” เมื่อเห็นว่าห้ามปรามเกาอี้จวิ้นจู่ไว้ไม่ได้ หลินคังเล่อจึงวิ่งขึ้นไปบนหลังม้าตัวที่ไม่มีเจ้าของ จากนั้นตะโกนเสียงดังลั่น “ข้าคือแม่ทัพของกองทัพต้าจิ้นในสังกัดของแม่ทัพใหญ่หลิวหง ผู้ใดยอมจำนนจะไว้ชีวิต!”