ตอนที่ 796 วีรสตรี
จักรพรรดิต้าเหลียงเบิกตาโพลง ใจที่เกือบหลุดออกมาจากร่างค่อยๆ สงบลง จากนั้นเขายิ่งเดือดดาลมากขึ้นกว่าเดิม
“ดี เจ้าคิดจะใช้ลูกไม้เช่นนี้กับเราอย่างนั้นหรือ! เรายังไม่ตาย เจ้าก็คิดจะเป็นผู้นำแคว้นแทนเราแล้วอย่างนั้นหรือ เจ้ากลัวแคว้นต้าจิ้นมากเพียงนี้เลยอย่างนั้นหรือ ความกล้าของเจ้าหายไปที่ใดหมด!”
จักรพรรดิต้าเหลียงตบโต๊ะอย่างแรงด้วยความโมโห จากนั้นตวาดเสียงดังลั่น “ไม่ต้องห้าม ปล่อยให้มันเอาหัวชนเสาไปเลย! ชนให้เราเห็นเดี๋ยวนี้! เราจะดูสิว่ามันยังกล้าอีกหรือไม่ มันทำไปเพื่อต้องการทำลายชื่อเสียงของเราหรือทำเพราะความบริสุทธิ์ใจจริงๆ กันแน่!”
“ฝ่าบาทโปรดระงับโทสะด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ” อัครมหาเสนาบดีชราก้มศีรษะขอร้องจักรพรรดิต้าเหลียงอีกครั้ง
“คนไร้ประโยชน์ที่ทำตัวขี้ขลาดอ่อนแอมานานหลายปีกล้าใช้ความตายบีบบังคับเรา เจ้าต้องการสร้างชื่อเสียงอันดีงามให้ตัวเองหรือต้องการมาแทนที่เรากันแน่! หากเจ้าต้องการแทนที่เรา เจ้าควรถือดาบมาปลิดชีพให้เราให้เรื่อง เหตุใดต้องแสร้งทำเป็นพลีชีพเพื่อเรียกร้องความสงสารจากเหล่าขุนนางเช่นนี้ด้วย!”
องค์ชายสามที่ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดเงยหน้าขึ้นทันที เขาคิดว่าการตายของเขาอาจทำให้เสด็จพ่อได้สติขึ้นมา ทว่า เสด็จพ่อกลับกล่าวว่าเขาเป็นคนไร้ประโยชน์ กล่าวว่าเขาแกล้งพลีชีพเพื่อซื้อใจคนอย่างนั้นหรือ!
ใบหน้าขององค์ชายสามอาบไปด้วยน้ำตา เขาขบกรามแน่นไม่กล่าวสิ่งใดออกมาทั้งสิ้น ยอมรับคำตำหนิมากมายของเสด็จพ่อตัวเองพลางหลับตาลง
“ฝ่าบาททรงระงับโทสะด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”
บรรดาขุนนางในราชสำนักพากันคุกเข่าขอร้องให้จักรพรรดิต้าเหลียงระงับโทสะ
“จักรพรรดิต้าจิ้นงมงายอยู่กับสร้างหอบูชาเก้าชั้น แคว้นไม่ดับสูญ ทว่า เราคิดแก้แค้นให้โอรสของตัวเอง แคว้นเราจะดับสูญอย่างนั้นหรือ! นี่คือแคว้นของเรา! ไม่ใช่แคว้นของเจ้า!”
จักรพรรดิต้าเหลียงชี้นิ้วไปทางองค์ชายสาม ใบหน้าของเขาเปลี่ยนสีด้วยความโมโหอย่างรุนแรง
“เราอยากจะทำเช่นไรก็ได้ ไม่จำเป็นต้องให้เจ้ามาคอยชี้แนะ หากต้องการเป็นคนตัดสินใจเรื่องในแคว้นก็รอให้เราตายแล้วเจ้าได้ขึ้นครองราชย์ก่อนค่อยมาบงการ!”
“ฝ่าบาทได้โปรดระงับโทสะด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายสามไม่ได้หมายความเช่นนั้นแน่ๆ พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทยกโทษให้องค์ชายสามด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”
อัครมหาเสนาบดีชราของต้าเหลียงโขกศีรษะลงบนพื้นติดต่อกันหลายครั้งเพื่อขอให้จักรพรรดิต้าเหลียงเมตตา
“อัครมหาเสนาบดีจงลุกขึ้นเถิด” สีหน้าของจักรพรรดิต้าเหลียงอ่อนลงเล็กน้อย ทว่า ในใจยังคงรู้สึกโมโหอยู่ เขาหันไปตวาดใส่องค์ชายสามต่อ
“เดิมทีเราไม่อยากใช้จ้าวเซิ่ง ทว่า เจ้าใช้ศีรษะของตัวเองรับประกันขอให้เขานำกองทัพจ้าวออกไปรบ เจ้าดูตอนนี้สิ จ้าวเซิ่งพากองทัพจ้าวไปเข้าร่วมกับต้าจิ้นแล้ว นี่คือแม่ทัพคนดีที่เจ้าแนะนำ!”
จักรพรรดิต้าเหลียงขบกรามแน่น จากนั้นเขวี้ยงฎีกาใส่องค์ชายสามอีกครั้ง “หากเจ้าไม่ใช่โอรสของเรา เจ้าคิดว่าตอนนี้หัวเจ้าจะยังอยู่บนบ่าอีกหรือ! เจ้าคงตายไปนานแล้ว จะมายืนเถียงกับเราอยู่เช่นนี้ได้อย่างไร!”
จักรพรรดิต้าเหลียงสะบัดเสื้อเดินจากไป บรรดาขุนนางต่างเข้าไปช่วยประคององค์ชายสามให้ลุกขึ้น
อัครมหาเสนบดีชรามองเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือดขององค์ชายสามจึงรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดเลือดให้ จากนั้นกล่าวเสียงจริงจัง
“เหตุใดองค์ชายสามต้องทำเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาททรงโปรดไม้อ่อน องค์ชายสามทำเช่นนี้มีแต่จะทำร้ายตัวเองนะพ่ะย่ะค่ะ”
อัครมหาเสนาบดีชราสงสารองค์ชายสามมากจริงๆ แม้องค์ชายสามจะไม่มีความสามารถที่โดดเด่น ทว่า เขาจงรักภักดีต่อแคว้นมาก
มิเช่นนั้นด้วยนิสัยขี้ขลาดขององค์ชายสาม เขาจะกล้าต่อกรกับจักรพรรดิต้าเหลียงได้อย่างไรกัน เขาจะกล้าขอร้องจักรพรรดิต้าเหลียงให้พิจารณาใหม่ต่อหน้าขุนนางในราชสำนักได้อย่างไรกัน
องค์ชายสามเอื้อมมือไปกดผ้าเช็ดหน้าบนศีรษะเอาไว้ จากนั้นกล่าวขอบคุณบรรดาขุนนางทุกคน แววตาของเขาไม่มีความรู้สึกใดๆ เหมือนที่แล้วมาทั้งสิ้น ในแววตามีแต่ความเรียบเฉยราวกับสายน้ำที่นิ่งสนิท
วันต่อมาองค์ชายสามอ้างว่าป่วย ไม่ได้เข้าร่วมการว่าราชการตอนเช้า ขุนนางบางคนไปเยี่ยมองค์ชายสามที่จวน ทว่า องค์ชายสามไม่ยอมพบหน้า ราวกับตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะไม่ยุ่งเรื่องในราชสำนักอีกต่อไป จะพักผ่อนอยู่แต่ในจวนของตัวเองเท่านั้น
เมื่อช่วยเหลือมารดา ภรรยา พี่ชายและน้องชายของจ้าวเซิ่งออกมาได้แล้ว องครักษ์ไป๋แยกออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งปลอมตัวเป็นครอบครัวของจ้าวเซิ่งมุ่งหน้าไปทางเหนือ เมื่อออกจากเมืองหลวงได้ก็ทิ้งรถม้า จากนั้นขี่ม้าเร็วมุ่งหน้าไปยังเมืองหลิ่วโจวทันทีโดยไม่หยุดพัก ในที่สุดพวกเขาก็ไปถึงค่ายทหารของต้าจิ้นในวันที่ยี่สิบ เดือนสิบเอ็ด นอกจากนี้พวกเขายังนำจดหมายและของแทนตัวของมารดาของจ้าวเซิ่งกลับมาด้วย
ก่อนหน้านี้จ้าวหร่านไปขอของแทนตัวของจ้าวเซิ่งจากเขา กล่าวว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วจะกระจายข่าวเรื่องที่จ้าวเซิ่งเข้าร่วมกับกองทัพจิ้นไปยังเมืองหลวง ตอนที่จ้าวหร่านส่งคนไปช่วยเหลือครอบครัวของเขาออกมาจากเมืองหาน จ้าวเซิ่งไม่ได้ตั้งความหวังไว้มากนัก นึกไม่ถึงเลยว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วจะช่วยเหลือทุกคนในครอบครัวของเขาออกมาได้เช่นนี้
ไช่จื่อหยวนคิดว่าไป๋ชิงเหยียนเดินหมากครั้งนี้ได้ยอดเยี่ยมมาก ไม่เพียงแต่จะทำให้จ้าวเซิ่งรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณของนางเท่านั้น นางยังมีจุดอ่อนของจ้าวเซิ่งอยู่ในมืออีกด้วย
ก่อนหน้านี้เขายังกังวลเรื่องที่ไป๋ชิงเหยียนเลือกใช้แม่ทัพที่ดุดันของต้าเหลียงอยู่เลย เขากลัวว่าคนเหล่านั้นยากจะควบคุม ทว่า หากครอบครัวของจ้าวเซิ่งอยู่ในมือของไป๋ชิงเหยียน เช่นนั้นไป๋ชิงเหยียนก็ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจ้าวเซิ่งจะแสร้งทำเป็นสวามิภักดิ์กับต้าจิ้นแล้วหันกลับมาแว้งกัดต้าจิ้นในภายหลัง
จ้าวเซิ่งซาบซึ้งในบุญคุณของไป๋ชิงเหยียนมาก เขาก้มศีรษะคำนับไป๋ชิงเหยียนอย่างนอบน้อม จากนั้นเปิดจดหมายของจ้าวเหล่าไท่จวินออกอ่านต่อหน้าไป๋ชิงเหยียนเพื่อแสดงความจริงใจ
จ้าวเหล่าไท่จวินกล่าวในจดหมายว่าไม่ว่าจ้าวเซิ่งจะตัดสินใจทำสิ่งใด นางล้วนเชื่อมั่นในตัวเขาเพราะนางรู้ดีว่าบุตรชายของนางมีเมตตาต่อชาวบ้าน หากเป็นเรื่องที่ทำร้ายชาวบ้าน จ้าวเซิ่งไม่มีทางทำเด็ดขาด นางบอกให้จ้าวเซิ่งวางใจว่าตระกูลจ้าวจะไม่เป็นตัวถ่วงของจ้าวเซิ่งเด็ดขาด
จ้าวเหล่าไท่จวินต้องการสื่อความหมายสองประการ ประการแรกนางเชื่อว่าจ้าวเซิ่งไม่ได้ทรยศชาวบ้านของแคว้นต้าเหลียง ประการที่สอง วันหนึ่งหากองค์หญิงเจิ้นกั๋วใช้ตระกูลจ้าวบีบบังคับจ้าวเซิ่ง จ้าวเหล่าไท่จวินจะจบชีวิตของตัวเองและคนในครอบครัว จะไม่ปล่อยให้พวกนางกลายเป็นจุดอ่อนของจ้าวเซิ่งแน่นอน
ใจของไช่จื่อหยวนกระตุกวูบ เขาไม่คิดว่าจ้าวเหล่าไท่จวินจะใจเด็ดถึงเพียงนี้
เมื่อจ้าวเซิ่งอ่านจดหมายจด ใบหน้าของเขาอาบไปด้วยน้ำตา ไป๋ชิงเหยียนนับถือความเด็ดเดี่ยวของจ้าวเหล่าไท่จวินมาก หญิงสาวกล่าวขึ้น “จ้าวเหล่าไท่จวินเป็นวีรสตรีผู้หนึ่ง!”
จ้าวเซิ่งขบกรามแน่น จากนั้นโค้งกายคำนับไป๋ชิงเหยียน “จ้าวเซิ่งไม่มีใจคิดทรยศองค์หญิงเจิ้นกั๋ว จ้าวเซิ่งยินดีติดตามรับใช้องค์หญิงเจิ้นกั๋วสร้างสันติสุขให้ใต้หล้าแห่งนี้พ่ะย่ะค่ะ!”
“ไป๋ชิงเหยียนจะพยายามด้วยความสามารถทั้งหมดที่มี่ ชาตินี้จะทำให้แม่ทัพจ้าวเห็นวันนั้นให้ได้!” ไป๋ชิงเหยียนหยัดกายตรง กล่าวเสียงหนักแน่น
ตั้งแต่วันที่ออกไปพบจ้าวเซิ่งที่นอกกำแพงเมืองหลิ่วโจว หยางอู่เช่อใช้ชีวิตอยู่ด้วยความสับสน
เขาอยากเป็นหนึ่งในขุนนางที่มีส่วนรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง ทว่า เขาไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นคนทรยศแผ่นดินเกิด ถึงแม้บรรดาแม่ทัพของหยางอู่เช่อจะแสดงความจงรักภักดีต่อเขา ยินดีติดตามเขาไปทุกที่ ทว่า หยางอู่เช่อก็ยังคงลำบากใจอยู่ดี
ข่าวการยึดเมืองต้าเว่ยได้ของต้าเยี่ยนถูกส่งมายังต้าเหลียงไม่หยุดหย่อน สายข่าวรายงานว่าต้าเว่ยส่งทูตไปเจรจาขอสงบศึกกับต้าเยี่ยน ทว่า โดนต้าเยี่ยนปฏิเสธกลับมาโดยอ้างว่าต้าเว่ยเป็นคนเริ่มต้นสงครามครั้งนี้ ระหว่างทางยังดึงซีเหลียงเข้ามาเกี่ยวข้องจนจักรพรรดิต้าเยี่ยนได้รับบาดเจ็บหนัก หากไม่ทำลายต้าเว่ยให้สิ้นซาก ต้าเยี่ยนไม่อาจเก็บความแค้นนี้ไว้ได้
เห็นได้ชัดว่าต้าเยี่ยนตั้งใจทำลายแคว้นเว่ยเพื่อปูทางสำหรับการรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งจริงๆ
ทุกครั้งที่รายงานสถานการณ์รบระหว่างต้าเยี่ยนและต้าเว่ยถูกส่งกลับมา หยางอู่เช่อควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ได้สักครั้ง ทว่า เขาพยายามบังคับให้ตัวเองสงบลง เขากลัวว่าตัวจะจะทนรับคำครหาว่าทรยศแผ่นดินไม่ไหว เขาสับสนวุ่นวายใจและรู้สึกทรมานมาก
หากกองทัพจิ้นบุกเข้ามาในเมืองหลิ่วโจวได้สำเร็จ หากเขาถูกบังคับให้เข้าร่วมกับต้าจิ้น นั่นถือเป็นทางเลือกที่สวรรค์เลือกให้เขา ทว่า นี่ก็ผ่านไปเดือนกว่าแล้ว กองทัพจิ้นกลับเอาแต่ตั้งค่ายทหารอยู่หน้าด่านชิงซีซาน ไม่มีวี่แววว่าจะบุกโจมตีเมืองแม้แต่น้อย