ตอนที่ 799 ทำศึกเป็นเวลานาน
เมื่อเห็นร่างของไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อควบม้าออกมาจากค่ายทหาร เยว่สือก้าวไปด้านหน้ายิ้มๆ ทว่า ยังไม่ทันได้เอ่ยเรียกไป๋ชิงเหยียนก็ถูกทหารที่เฝ้าอยู่หน้าประตูเมืองยื่นหอกยาวมาขวางหน้าไว้เสียก่อน
เยว่สือมองไปทางทหารต้าจิ้นผู้นั้นแวบหนึ่ง จากนั้นถอยหลังไปเล็กน้อย เมื่อไป๋ชิงเหยียนขี่ม้าออกมาใกล้ถึง เยว่สือจึงกล่าวทักอย่างดีใจ “คุณหนูใหญ่ไป๋ คุณหนูสี่ไป๋!”
ไป๋ชิงเหยียนกระชากบังเหียนม้าให้หยุดลง จากนั้นกระโดดลงจากหลังม้า เมื่อเห็นเยว่สืออยู่ในอาการดีใจ หญิงสาวก็รู้ทันทีว่าทางเซียวหรงเหยี่ยนราบรื่นดี
เยว่สือก้าวเข้าไปทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนด้านหน้า จากนั้นชี้ไปทางม้าล้ำค่าขนสีขาวราวกับหิมะที่อยู่ทางด้านหลังตน “นายท่านสั่งให้เยว่สือนำม้ามามอบให้คุณหนูใหญ่ขอรับ นายท่านกล่าวว่าแม้ม้าตัวนี้จะสู้จี๋เฟิงของคุณหนูใหญ่ไม่ได้ ทว่า มันเชื่องและเข้าใจนิสัยของมนุษย์เป็นอย่างดี มันคงปกป้องคุณหนูใหญ่ในสนามรบได้ขอรับ”
ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางม้าสีขาวราวกับหิมะตัวนั้น ไป๋จิ่นจื้อเดินเข้าไปลูบขนของม้าตัวนั้นอย่างคุมตัวเองไม่อยู่ ขนของม้าตัวนั้นส่องแสงเรืองรองท่ามกลางแดดจ้า เมื่อมันย่ำเท้าไปมาอยู่กับที่ รอบตัวของมันจึงดูเปล่งประกายมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที
เมื่อผิงอันเห็นเจ้านายของตัวเองลูบขนของม้าล้ำค่าตัวนั้น มันจึงพ่นลมหายใจออกมาทางจมูกพลางสะบัดขนอย่างแรง
“จริงสิ…” เยว่สือหยิบจดหมายที่ซ่อนอยู่ในอกออกมา จากนั้นส่งให้ไป๋ชิงเหยียนอย่างนอบน้อม “นี่คือจดหมายที่นายท่านเขียนถึงคุณหนูใหญ่ขอรับ”
ไป๋ชิงเหยียนรับจดหมายมาพลางเอ่ยถามยิ้มๆ “เจ้านายของเจ้าสบายดีหรือไม่”
“นายท่านสบายดีขอรับ พี่ชายของนายท่านฟังคำของท่านหมอหง บัดนี้ยอมพักรักษาตัวอยู่เฉยๆ แล้วขอรับ ทว่า เจ้านายของข้าลำบากมากสักหน่อย บัดนี้เขารับผิดชอบเรื่องทุกอย่างแทนพี่ชาย นายท่านกล่าวว่าเขาปลีกตัวมาไม่ได้ ทำได้เพียงสั่งให้ข้านำม้ามามอบให้คุณหนูใหญ่ ไม่อาจมาพบหน้าคุณหนูใหญ่ด้วยตัวเองได้ขอรับ” เยว่สือกล่าวพลางโค้งคำนับไป๋ชิงเหยียน
ไป๋ชิงเหยียนแกะจดหมายออกอ่าน เซียวหรงเหยี่ยนบรรยายความรู้สึกคิดถึงไป๋ชิงเหยียนลงในจดหมายอย่างจริงจัง กำชับให้ไป๋ชิงเหยียนระวังตัวเมื่ออยู่ในสนามรบ บอกให้หญิงสาวรับม้าตัวนี้เอาไว้ ห้ามมอบให้ผู้อื่นต่อเด็ดขาด
ใบหูของไป๋ชิงเหยียนเริ่มแดงก่ำ หญิงสาวเปิดอ่านหน้าถัดไป…
เซียวหรงเหยี่ยนเล่าถึงสถานการณ์บางส่วนในแคว้นเว่ยให้ไป๋ชิงเหยียนฟังในจดหมาย ตั้งแต่ที่จักรพรรดิแคว้นเว่ยสวมเกราะออกรบด้วยตัวเอง แคว้นเว่ยก็เริ่มไม่สงบอีกต่อไป พระเชษฐาแท้ๆ ของจักรพรรดิแคว้นเว่ยเริ่มหาทางติดต่อลูกน้องเก่า หากจักรพรรดิแคว้นเว่ยเป็นอันใดขึ้นมา เขาจะเข้าแทนที่ องค์ชายแห่งแคว้นเว่ยที่อายุเพียงแปดชันษาเกือบถูกคนลอบวางยาพิษจนสิ้นพระชมน์
นับแต่นั้นเป็นต้นมาไทเฮาจึงรับองค์ชายน้อยไปอยู่ข้างกาย ดูแลประคบประหงมราวกับไข่ในหินเพราะกลัวว่าเขาจะเป็นอันใดขึ้นมาอีก
บัดนี้แคว้นเว่ยเกิดความไม่สงบทั้งนอกและในแคว้น แม้จักรพรรดิแคว้นเว่ยจะไม่ใช่จักรพรรดิที่ปรีชาชาญ ทว่า เขาก็ไม่ใช่จักรพรรดิทรราชย์ ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้จักรพรรดิแคว้นเว่ยก็ยากจะต้านทานศัตรูที่บุกมารอบทิศอยู่ดี บัดนี้กองทัพเว่ยเริ่มอ่อนกำลังลงแล้ว
จักรพรรดิแคว้นเว่ยออกรบด้วยพระองค์เองยังไม่สามารถรบชนะได้ยิ่งทำให้เหล่าทหารของต้าเยี่ยนมีกำลังใจมากขึ้น ส่วนทหารแคว้นเว่ยเริ่มหมดกำลังใจ อีกไม่นานต้าเยี่ยนคงยึดแคว้นเว่ยได้
ไป๋ชิงเหยียนเดินไปหยุดอยู่ข้างม้าตัวนั้น นิสัยของมันอ่อนโยน ไม่เหมือนจี๋เฟิงแม้แต่น้อย ทว่า ไป๋ชิงเหยียนถูกชะตากับมันมาก “ฝากขอบคุณเจ้านายของเจ้าด้วย”
ไป๋ชิงเหยียนหันไปทางเยว่สือ จากนั้นเอ่ยถามขึ้น “เยว่สือ เจ้าคิดจะเป็นองครักษ์ติดตามอยู่ข้างกายเจ้านายของเจ้าไปตลอดชีวิตอย่างนั้นหรือ”
เมื่อเยว่สือได้ยินคำถามวกกลับมาที่ตัวเองจึงตะลึงงันไปเล็กน้อย “ข้าไม่เข้าใจความหมายของคุณหนูใหญ่ขอรับ”
ไป๋ชิงเหยียนลูบขนม้าตัวนั้นพลางกล่าวขึ้น “เจ้าเป็นคนมีฝีมือ สามารถสู้ศัตรูแบบหนึ่งต่อสิบได้ การให้เจ้าเป็นแค่องครักษ์น่าเสียดายเกินไป”
ไม่รอให้เยว่สือกล่าวสิ่งใด ไป๋ชิงเหยียนก็กล่าวต่อ “บอกเจ้านายของเจ้าด้วยว่าข้าจะตั้งชื่อม้าตัวนี้ว่าไท่ผิง[1]”
นักรบนั่งรบอยู่บนม้าศึกเป็นเวลานานเพื่อความสงบสุขของใต้หล้า
เยว่สือที่ยังงุนงงอยู่โค้งกายคำนับไป๋ชิงเหยียน “ขอรับ!”
“จะเข้าไปพักในด่านชิงซีซานก่อนหรือไม่” ไป๋ชิงเหยียนถาม
เยว่สือส่ายหน้า “ข้าต้องรีบกลับไปขอรับ!”
เป็นดั่งที่ไป๋ชิงเหยียนคิดเอาไว้ หญิงสาวพยักหน้า จากนั้นปลดย่ามลงมาจากหลังของม้าตัวที่นางขี่มาเมื่อสักครู่แล้วโยนให้เยว่สือ “เอาไว้ทานระหว่างทาง…”
เยว่สือก้มหน้ามองดูย่ามในมือ ในนั้นคือเนื้อแห้งที่ไป๋ชิงเหยียนสั่งให้คนเตรียมให้ เยว่สือฉีกยิ้มกว้างทันที “ขอบพระคุณคุณหนูใหญ่มากขอรับ”
“ระวังตัวด้วย!” ไป๋ชิงเหยียนกำหมัดคารวะเยว่สือ
บางทีการพบกันในครั้งหน้า ไป๋ชิงเหยียนและเซียวหรงเหยี่ยนอาจยืนอยู่คนละฝั่งกันแล้วก็ได้
“คุณหนูใหญ่ไม่เขียนจดหมายให้นายท่านของข้าสักฉบับหรือขอรับ” เยว่สือเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
“บอกให้เขาระวังตัวให้มาก”
เยว่สือ “…”
ช่างเถิด กลับไปบอกเจ้านายตามนี้ก็แล้วกัน
เยว่สือก้าวขึ้นไปบนหลังม้า ภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว เขาต้องรีบกลับไปอยู่ข้างกายเซียวหรงเหยี่ยน เซียวหรงเหยี่ยนถ่ายทอดคำสั่งไปยังองค์ชายรองมู่หรงผิงและแม่ทัพเซี่ยสวินแล้วว่าหากยึดเมืองหลวงชางของแคว้นเว่ยได้เมื่อใด เขาจะเชิญจักรพรรดิต้าเยี่ยนประทับรถม้าเข้าไปในเมืองชางเพื่อทำให้ต้าเยี่ยนและทุกคนในใต้หล้ารับรู้ว่าต้าเยี่ยนในตอนนี้ไม่ใช่แคว้นที่ใกล้จะดับสูญอีกต่อไป เขาต้องการให้ซีเหลียงหวาดกลัว ต้องการให้ซีเหลียงเดินทางมาเจรจาขอสงบศึกกับต้าเยี่ยนด้วยตัวเอง เยว่สือไม่อยากพลาดโอกาสที่จะเห็นจักรพรรดิต้าเยี่ยนประทับรถม้าเสด็จเข้าไปในเมืองชาง ดังนั้นเขาจึงต้องเร่งเดินทางกลับไปยังแคว้นเว่ยโดยเร็วที่สุด
วันที่ยี่สิบสอง เดือนสิบเอ็ด รัชศกเซวียนเจียปีที่สิบเจ็ด แม่ทัพคุ้มกันเมืองหลิ่วโจวหยางอู่เช่อนำทัพทหารในเมืองหลิ่วโจวสองหมื่นนายและทัพเสริมอีกสามหมื่นนายเข้าร่วมกับต้าจิ้น ต้าจิ้นยึดเมืองหลิ่วโจวได้โดยไม่เกิดการนองเลือดแม้แต่น้อย
ต้าเหลียงสูญเสียด่านชิงซีซาน สูญเสียทหารกองทัพจ้าวที่นำทัพโดยแม่ทัพจ้าวสามหมื่นนาย จากนั้นสูญเสียทหารไปอีกห้าหมื่นนาย ต้าเหลียงใกล้ล่มสลายแล้ว
ไป๋ชิงเหยียนออกคำสั่งห้ามทหารปล้นทรัพย์สินของชาวบ้านในเมืองหลิ่วโจวเด็ดขาด ทว่า พ่อค้าที่อยู่ในเมืองหลิ่วโจวต้องการประจบทหารต้าจิ้นจึงมอบสมบัติล้ำค่าให้พวกเขา แม่ทัพหลิวหงรู้ดีว่าครั้งนี้ไป๋ชิงเหยียนนำทัพมารบโดยไม่ได้ใช้เงินของราชสำนัก เขาจึงสั่งให้คนส่งของล้ำค่าเหล่านั้นไปยังที่พักของไป๋ชิงเหยียน ไป๋ชิงเหยียนรับไว้อย่างไม่เกรงใจ จากนั้นสั่งให้คนส่งของกลับไปให้ผู้ดูแลหลิวที่ซั่วหยางต่อ
วันที่ยี่สิบสาม เดือนสิบเอ็ด รัชศกเซวียนเจียปีที่สิบเจ็ด แม่ทัพหน้ากากผีจับเป็นอ๋องแห่งเป่ยหรงได้ จากนั้นตัดศีรษะของเขาท่ามกลางสายตาของทหารมากมาย ดินแดนของเป่ยหรงแตกแยกออกเป็นหลายส่วนก่อนที่หิมะแรกของปีจะมาเยือน แม่ทัพหน้ากากผีสร้างความดีความชอบยิ่งใหญ่จนอ๋องแห่งหนานหรงพระราชทานแต่งตั้งเขาเป็นอ๋องต่างแคว้น
วันที่ยี่สิบสี่ เดือนสิบเอ็ด รัชศกเซวียนเจียปีที่สิบเจ็ด แม่ทัพใหญ่หลิวหงสั่งแบ่งทหารออกเป็นสามเส้นทาง มุ่งหน้าไปยังเมืองหาน
แม่ทัพหลิวหงนำทหารแปดหมื่นนายบุกไปยังเมืองหานโดยใช้เส้นทางตรง
เกาอี้จวิ้นจู่นำทัพทหารสี่หมื่นนายใช้เส้นทางทางฝั่งตะวันออกของเมืองหลิ่วโจว เดินทางผ่านที่ราบอันกว้างใหญ่ อ้อมเมืองต่างๆ มุ่งหน้าไปยังเมืองหาน
องค์หญิงเจิ้นกั๋วนำจ้าวหร่าน จ้าวเซิ่งและหยางอู่เช่อออกเดินทางจากประตูฝั่งตะวันตก เลือกใช้เส้นทางที่ยากลำบากที่สุดมุ่งหน้าไปยังเมืองหาน หญิงสาวทำเช่นนี้เพื่อช่วยลดความกดดันที่มีต่อทหารต้าเหลียงให้หลิวหงและไป๋จิ่นจื้อ
ไม่นับรวมทหารต้าเหลียงยอมจำนนที่ได้รับบาดเจ็บหนักและทหารที่เสียชีวิตไปแล้ว เมื่อนับรวมกับทหารซั่วหยางที่ไป๋ชิงเหยียนพามาแปดพันคน ไป๋ชิงเหยียนนำทหารบุกไปเมืองหานทั้งหมดหนึ่งหมื่นสองพันนาย
[1] ไท่ผิง แปลว่า สงบสุข