ตอนที่ 814 ติดตามจนวันตาย
“ผู้ใดไม่กลัวตายบ้าง” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวยิ้มๆ “แม้แต่จักรพรรดิจิ๋นซียังกลัวเลย มิเช่นนั้นเหตุใดพระองค์จึงทรงมีรับสั่งให้สวีฝูไปตามหายาอายุวัฒนะมาให้พระองค์กัน”
ทหารบางคนพยักหน้าตามอย่างเห็นด้วย บางคนถามไป๋ชิงเหยียนออกไปอย่างกล้าหาญ
“ทว่า พวกเราได้ยินว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วไม่กลัวตาย ตอนท่านออกไปทำสงครามเมื่อหลายปีก่อน ท่านมักออกรบเป็นด่านหน้าร่วมเป็นรวมตายกับเหล่าทหารเสมอ”
ไป๋ชิงเหยียนในชุดเกราะสีเงินนั่งลงตรงที่ว่างด้านข้างยิ้มๆ หญิงสาวโบกมือให้ทหารทุกคนนั่งลง จากนั้นกล่าวอย่างไม่รีบร้อน “ข้าเป็นมนุษย์เช่นเดียวกัน เหตุใดข้าจะไม่กลัวตายเล่า ข้าจำได้ว่าข้าติดตามท่านปู่ของข้าไปออกรบครั้งแรกตอนอายุสิบสาม นั่นเป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นศีรษะของมนุษย์หลุดจากบ่า เห็นซากศพของสหายร่วมรบ ข้าอาเจียนจนแทบไม่เป็นผู้เป็นคน คืนนั้นข้าไข้ขึ้นสูง รู้สึกหวาดกลัว อยากหนีกลับไปเมืองหลวง ไม่อยากอยู่ในสนามรบอีกต่อไป…”
บรรดาทหารบาดเจ็บในค่ายรักษาตัวต่างพากันล้อมวงเข้ามาฟังไป๋ชิงเหยียนเล่าเรื่อง
เยว่สือหยิบเก้าอี้กลมตัวหนึ่งมาให้เซียวหรงเหยี่ยนอย่างรู้งาน เซียวหรงเหยี่ยนนั่งลงบนเก้าอี้กลม ดวงตาล้ำลึกของชายหนุ่มไม่ได้ละสายตาไปจากไป๋ชิงเหยียนที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มแม้แต่น้อย
ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางทหารเก่าแก่ที่สูญเสียหูไปข้างหนึ่งและกำลังคิดหนี จากนั้นกล่าวขึ้น “ตอนนั้นข้าคิดหนีทหารเช่นเดียวกับเจ้า! ข้ากล่าวกับท่านปู่ของข้าว่าทุกคนเกิดเป็นมนุษย์เช่นเดียวกัน ทุกคนมีพ่อแม่เช่นเดียวกัน แม้พวกเราจะอยู่กันคนละแคว้น ทว่า พวกเราใช้ภาษเดียวกัน เดินบนถนนสายเดียวกัน ใช้การปกครองแบบเดียวกัน แต่ละแคว้นแตกต่างกันที่ใด หลายร้อยปีก่อนตอนที่จักรพรรดิจิ๋นรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง พวกเราคือคนแคว้นเดียวกัน เหตุใดต้องสละเลือดเนื้อและชีวิตเช่นนี้ เหตุใดวันนี้เราต้องทำลายพวกเขา พรุ่งนี้พวกเขาต้องมาทำลายพวกเราด้วย เหตุใดไม่ปล่อยให้ชาวนาทำนาอย่างสงบ บัณฑิตหนุ่มร่ำเรียนวิชาอย่างตั้งใจ เมื่อสอบได้คะแนนดีๆ จะได้นำความรู้มาช่วยพัฒนาแคว้นให้แข็งแกร่งยิ่งกว่านี้”
“ในใต้หล้าแห่งนี้ชีวิตของผู้ใดไม่ใช่ชีวิตบ้าง ผู้ใดไม่ใช่บุตรที่พ่อแม่เลี้ยงดูทะนุถนอมจนเติบใหญ่บ้าง พ่อแม่ใช้เวลากว่าสิบปีจึงจะเลี้ยงดูพวกเราจนเติบใหญ่ได้อย่างวันนี้เพื่อให้พวกเราถืออาวุธโจมตีบุตรของพ่อแม่คนอื่นๆ จากนั้นจบชีวิตลงในสนามรบอย่างนั้นหรือ”
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวถ้อยคำเหล่านี้อย่างไม่รีบร้อนและไม่ใช้เสียงดังมาก น้ำเสียงของหญิงสาวค่อนข้างราบเรียบ ทว่า กลับปลุกใจบรรดาทหารเหล่านี้ได้มาก
ผู้ใดไม่รักชีวิตของตัวเองกัน ผู้ใดต้องการนำชีวิตของตัวเองมาทิ้งในสนามรบกัน
เซียวหรงเหยี่ยนเห็นทหารรอบกายที่มีสีหน้าเคร่งเครียดจ้องไปทางไป๋ชิงเหยียนนิ่ง
“ข้าถามท่านปู่ของข้าว่าพวกเราทำสงครามเพื่อสิ่งใดกันแน่ พวกเราทำเพื่อปกป้องชาวบ้านและแคว้นหรือทำเพื่อผลประโยชน์ของผู้นำแคว้นจนต้องให้ชาวบ้านธรรมดาเสียสละเลือดเนื้อและชีวิตของตัวเองกันแน่! วันนี้จักรพรรดิของแคว้นอยากได้เมืองของแคว้นอื่นจึงส่งทหารออกไปรบ ทหารบาดเจ็บล้มตายไปมากเท่าใด จักรพรรดิของแคว้นล้วนไม่สนใจ สิ่งที่เขาสนใจคือพวกเราสามารถยึดเมืองที่พวกเขาอยากได้มาให้เขาได้หรือไม่ จำนวนทหารที่เสียชีวิตไปมากมายเป็นเพียงตัวเลขในสายตาของพวกเขาเท่านั้น จักรพรรดิของแคว้นใดจดจำชื่อของทหารที่เสียชีวิตเพราะความเห็นแก่ตัวของพวกเขาได้บ้าง!”
“พรุ่งนี้จักรพรรดิแคว้นใดถูกแคว้นอื่นดูถูก เขาก็จะส่งทหารไปออกรบทันท ราวกับว่าการทำเช่นนี้จะทำให้เขาดูแข็งแกร่ง เหตุใดทหารมากมายต้องสละชีพเพื่อศักดิ์ศรีขอจักรพรรดิของแคว้นเพียงคนเดียวด้วย เหตุใดจักรพรรดิไม่ไปออกรบเพื่อลบล้างคำสบประมาทด้วยตัวเอง! จักรพรรดิต้าเหลียงในตอนนี้คิดแต่จะแก้แค้นให้โอรสของตัวเอง ไม่สนใจชีวิตของชาวบ้านและทหารในแคว้น ทว่า หากเขาต้องการแก้แค้นจริงๆ เหตุใดไม่เป็นผู้นำในการรบครั้งนี้เอง โอรสของเขามีค่า แล้วบรรดาทหารที่สละชีพในครั้งนี้ไม่มีพ่อแม่หรืออย่างไร พวกเขาเกิดมาจากก้อนหินหรืออย่างไรกัน!”
เซียวหรงเหยี่ยนกำมือแน่น ไป๋ชิงเหยียนกล่าวถ้อยคำเหล่านี้อย่างบังอาจเกินไป นี่ถือเป็นการลบหลู่อำนาจของราชวงศ์
บรรดาทหารต่างตกใจกับถ้อยคำของไป๋ชิงเหยียนเช่นเดียวกัน พวกเขาหันไปถกเถียงกันเอง
ไป๋ชิงเหยียนลุกขึ้นยืนช้าๆ ราวกับไม่รู้ว่าคำกล่าวของตัวเองน่าตกใจมากเพียงใด “ข้าถามท่านปู่ของข้าว่าเมื่อใดใต้หล้าแห่งนี้จึงจะสงบสุขจริงๆ เสียที เมื่อใดถึงจะไม่มีสงครามเกิดขึ้นอีก!”
หญิงมองไปทางทหารในค่ายรักษาตัว จากนั้นกล่าวเสียงดังลั่น “ท่านปู่ของข้ากล่าวว่าพวกเราทำสงครามเพื่อปกป้องบ้านเมืองและชาวบ้าน พวกเราทำสงครามเพื่อรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง! มีเพียงใต้หล้ารวมเป็นหนึ่ง ทุกที่คือแผ่นดินเดียวกัน ชาวบ้านถึงจะพบกับความสงบสุขที่แท้จริง ความสงบสุขไม่ได้จะเกิดกับชาวบ้านในแคว้นต้าจิ้นเท่านั้น ชาวบ้านทั่วหล้าจะมีแต่ความสงบสุขเช่นเดียวกัน! นี่คือปณิธานของตระกูลไป๋ นี่คือศรัทธาแรกเริ่มที่บรรพบุรุษไป๋ก่อตั้งกองทัพไป๋ขึ้นมา หากสามารถรักษาเงินทองส่งต่อให้ลูกหลานได้คือคนมีความสามารถ ทว่า หากสามารถสร้างใต้หล้าที่มีแต่สันติสุขส่งต่อให้คนรุ่นหลังได้นั่นคือวีรบุรุษที่รักชาวบ้านและรักแผ่นดินนี้อย่างแท้จริง!”
“ที่ข้ากล่าวถ้อยคำเหล่านี้ให้พวกเจ้าฟังในวันนี้ ข้าไม่ได้ต้องการโอ้อวดว่าตระกูลไป๋มีปณิธานที่ยิ่งใหญ่เพียงใด ข้าแค่อยากบอกพวกเจ้าว่าบรรพบุรุษตระกูลไป๋ก็เป็นคน พวกเขากลัวตายเช่นเดียวกัน ทว่า ต่อให้หวาดกลัวมากเพียงใดพวกเขาก็มีเหตุผลที่จะทำสงครามต่อไป พวกเขาทำสงครามเพื่อไม่ให้ทายาทรุ่นหลังต้องตกอยู่ในกลียุคเช่นเดียวกับพวกเขา พวกเขาไม่อยากให้ทายาทของพวกเขาต้องเสียสละชีวิตของตัวเองเพื่อผลประโยชน์ของผู้นำแคว้นเพียงคนเดียว!”
“ที่ข้ายอมเสี่ยงบุกไปสู้เป็นด่านหน้าก็เพียงเพราะคำว่าใต้หล้าสงบสุข ห้าคำนี้เท่านั้น”
ไป๋ชิงเหยียนชูนิ้วขึ้นมาห้านิ้ว จากนั้นค่อยๆ ลดนิ้วลงทีละนิ้ว สิ้นเสียงของหญิงสาว หญิงสาวกำหมัดที่ชูขึ้นสูงแน่น
“ไม่ว่าจะเป็นชาวต้าเหลียงหรือต้าจิ้น ทุกคนล้วนเป็นชาวบ้านของใต้หล้า สงครามที่พวกเราร่วมต่อสู้กันในครั้งนี้ไม่เหมือนกันสงครามครั้งอื่นๆ พวกเราไม่ได้มารวมตัวกันอยู่ที่นี่ในครั้งนี้เพื่อประโยชน์ของผู้นำแคว้น ทว่า พวกเราทำศึกเพื่อทายาทรุ่นหลังของพวกเรา! พวกเราทำศึกเพื่อความสงบสุขของใต้หล้า!”
ไป๋ชิงเหยียนกำหมัดมองไปทางบรรดาทหารรอบกายที่เริ่มเลือดร้อนขึ้นมา
“ไป๋ชิงเหยียนจึงอยากขอร้องให้ทุกท่านร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับไป๋ชิงเหยียน ทำให้ใต้หล้าแห่งนี้ไม่มีสงครามอีกต่อไป ไป๋ชิงเหยียนจะพยายามอย่างเต็มที่ให้ทุกคนได้เห็นวันที่ใต้หล้ารวมเป็นหนึ่ง ใต้หล้าสงบสุข ชาวบ้านใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอยู่ในสมัยที่มีแต่ความเจริญรุ่งเรือง!”
เสียงของไป๋ชิงเหยียนหนักแน่นและดังกังวาน บรรดาทหารต่างเลือดร้อนพุ่งพล่าน
ดวงตาของทหารหนุ่มด้านหน้าสุดที่สูญเสียดวงตาไปข้างหนึ่งแดงก่ำ เขาคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น ชูหมัดขึ้นสูพลางตะโกนลั่น “ยินดีติดตามองค์หญิงเจิ้นกั๋วจนวันตาย!”
บัดนี้ทหารในค่ายรักษาตัวไม่ได้เชื่อไป๋ชิงเหยียนเพียงเพราะคำกล่าวลอยๆ ของหญิงสาว ทว่า พวกเขาเห็นแล้วว่าการกระทำของหญิงสาวตรงกับคำกล่าวของนางทุกประการ ต่างกล่าวกันว่าไป๋ชิงเหยียนคือเทพสังหาร ทว่า เมื่อไป๋ชิงเหยียนยึดเมืองใดได้ หญิงสาวจะสั่งห้ามไม่ให้ทหารปล้นทรัพย์สินของชาวบ้าน กระทั่งช่วยชาวบ้านรักษาโรคระบาด
โดยเฉพาะเหตุการณ์ของเมืองหลิ่วโจว ไป๋ชิงเหยียนส่งทหารและหมอทหารไปรักษาอาการป่วยของชาวบ้านที่วัดนอกเมืองหลิ่วโจว กระทั่งไม่กลัวว่าหมอของต้าเหลียงจะขโมยสูตรยาของต้าจิ้นแล้วส่งสูตรยารักษาโรคระบาดไปยังเมืองหลวงต้าเหลียง ทำให้ต้าจิ้นสูญเสียเครื่องต่อรองที่ดีที่สุดที่จะใช้บังคับให้ต้าเหลียงให้ยอมสงบศึกกับต้าจิ้น
ไม่เพียงเท่านั้น ไป๋ชิงเหยียนยังให้แม่ทัพจ้าวเซิ่งมอบสูตรยาให้แม่ทัพหยางอู่เช่อส่งกลับไปยังเมืองหลวงของต้าเหลียงเพื่อจะได้ช่วยเหลือชีวิตของชาวบ้านได้มากขึ้น