ตอนที่ 823 คารวะ
“ส่งคนลอบติดตามซีไหวอ๋องไป จากนั้นส่งข่าวกลับมารายงานเป็นระยะ หากถึงคราวจำเป็นจริงๆ จงพาซีไหวอ๋องอ้อมไปอีกทาง รีบสั่งให้คนของเราออกเดินทางทันที จงไปพบแม่ทัพหน้ากากผีให้ได้ก่อนที่ซีไหวอ๋องจะเดินทางไปถึงเซียงเหลียง ให้คนของเราคอยปกป้องซีไหวอ๋องด้วย”
เซียวหรงเหยี่ยนชะงักคำกล่าวไปครู่หนึ่ง จากนั้นกล่าวต่อ “ให้คนของเราส่งจดหมายไปยังแคว้นเว่ยบอกว่าโอกาสมาถึงแล้ว ให้สายลับที่แฝงตัวอยู่ในราชสำนักเว่ยไปพบอัครมหาเสนาบดีกงซุนฉือจ้ง บอกเขาว่าหากเขายินดีช่วยเกลี้ยกล่อมให้ไทเฮาและจักรพรรดิแคว้นเว่ยยอมจำนน พวกเราจะไว้ชีวิตเขา ทว่า หากเขายืนกรานที่จะสมคบคิดกับซีเหลียง เช่นนั้นก็ปล่อยเขาไป จากนั้นยัดข้อหากบฏสมคบคิดกับซีเหลียงให้เขา”
เซียวหรงเหยี่ยนยังไม่รู้ว่าอัครมหาเสนาบดีกงซุนฉือจ้งทำข้อตกลงใดไว้กับซีเหลียง หากอัครมหาเสนาบดีกงซุนฉือจ้งไม่ยอมจำนน เขาจะเป็นอุปสรรคต่อต้าเยี่ยนมากเกินไป เซียวหรงเหยี่ยนไม่อาจเก็บเขาไว้ได้!
ต้าเยี่ยนวางแผนและเตรียมการในแคว้นเว่ยมานานหลายปีก็เพื่อต้องการกำจัดอัครมหาเสนาบดีกงซุนฉือจ้งผู้นี้
ตระกูลกงซุนแห่งแคว้นเว่ยเปรียบเสมือนตระกูลไป๋แห่งแคว้นต้าจิ้น พวกเขาล้วนเป็นตระกูลขุนนางที่จงรักภักดีต่อแคว้นในทุกรุ่น พวกเขาคือกระดูกสันหลังหลักของแคว้นที่เซียวหรงเหยี่ยนนับถือ
ทว่า นับถือก็ส่วนนับถือ ต้าเยี่ยนซ่อนความแข็งแกร่งของตัวเองไว้จนเดินมาถึงทุกวันนี้ได้อย่างยากลำบาก เขาจะปล่อยให้เกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นแม้เพียงนิดเดียวไม่ได้เด็ดขาด ไม่ว่าผู้ใดขวางทางต้าเยี่ยนอยู่…เซียวหรงเหยี่ยนจำเป็นต้องกำจัดคนผู้นั้นทิ้งเสีย
“ขอรับ!” เยว่สือรับคำ จากนั้นกระโดดลงมาจากหลังคากระเบื้องแล้วไปจัดการเรื่องของซีไหวอ๋อง
ในเมื่อซีไหวอ๋องต้องการกลับไปร่วมเป็นร่วมตายพร้อมกับแคว้นบ้านเกิด หากเขาหาทางรั้งซีไหวอ๋องไว้ที่ต้าเหลียง ซีไหวอ๋องคงรู้สึกเสียใจไปตลอดชีวิต
ทุกคนมีสิทธิ์เลือกทางเดินในชีวิตของตัวเอง เซียวหรงเหยี่ยนเห็นซีไหวอ๋องเป็นสหาย ดังนั้นเขาจึงเคารพในการตัดสินใจของซีไหวอ๋อง
เป็นดั่งที่ซีไหวอ๋องกล่าว ไม่ว่าเขาจะขอร้องแม่ทัพหน้ากากผีได้สำเร็จหรือไม่ เมื่อเขากลับไปยังแคว้นเว่ยอย่างน้อยเขาก็จะรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนมีประโยชน์อยู่บ้าง ไม่ใช่ท่านอ๋องเจ้าสำราญที่เอาแต่เสพสุขอยู่ในเมืองหลวงเพียงอย่างเดียว
ในสายตาของเซียวหรงเหยี่ยนซีไหวอ๋องรู้จักประมานตนดีกว่าองค์รัชทายาทแห่งต้าจิ้นมากนัก
หากอยู่ต่างแดนองค์รัชทายาทแห่งต้าจิ้นคงยังไม่รู้ความสามารถที่แท้จริงของตัวเองว่ามีน้อยเพียงใด เขาคงขอร้องให้เซียวหรงเหยี่ยนช่วยซ่อนตัวเขา เพื่อที่วันหน้าเขาจะได้กลับไปแก้แค้นให้แคว้นของตัวเองอีกครั้ง
เซียวหรงเหยี่ยนก้มหน้ามองดูบาดแผลบริเวณปลายนิ้วมือที่ถูกเชือกม้าของไป๋ชิงเหยียนบาดเมื่อวาน ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ตั้งตารอวันที่จะได้อยู่ร่วมกับไป๋ชิงเหยียนอย่างมีความสุข
ทว่า วันนี้เขาคงไม่มีเวลาไปบอกลาไป๋ชิงเหยียนแล้ว
เมื่อวานหลังจากที่ไป๋ชิงเหยียนกลับหลังจากไปพบซีไหวอ๋อง หญิงสาวสั่งให้องครักษ์ไป๋เร่งเดินทางไปหาเสิ่นชิงจู๋ บอกเสิ่นชิงจู๋ว่าข้างกายของพวกเดียวกันมีสายลับอยู่ ให้เสิ่นชิงจู๋หาทางบอกเรื่องนี้กับพวกเดียวกันเพื่อที่เขาจะได้ระวังตัว
ขอเพียงองครักษ์ไป๋นำคำกล่าวของไป๋ชิงเหยียนไปบอกเสิ่นชิงจู๋ เสิ่นชิงจู๋จะเข้าใจเองว่าไป๋ชิงเหยียนต้องการสื่อสิ่งใด
เสิ่นชิงจู๋จะต้องหาทางส่งข่าวนี้ให้อาอวี๋รับรู้แน่นอน
ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้ไม่เชื่อว่าด้วยสติปัญญาของอาอวี๋ น้องชายของนางจะไม่รู้ว่ามีสายลับแฝงกายอยู่ข้างตัวเขา ทว่า นางไม่อาจเสี่ยงได้ ข้างกายของอาอวี๋ไม่มีคนไว้ใช้งาน อีกทั้งเขาอยู่ในแคว้นของศัตรู หากอาอวี๋เผลอทำพลาดหรือประมาทเพียงเล็กน้อย เขาอาจมีอันตรายได้
แผนต่อไปไป๋ชิงเหยียนต้องยึดเมืองหานให้ได้โดยเร็วกว่าเดิม
วันที่เจ็ด เดือนหนึ่ง รัชศกเซวียนเจียปีที่สิบแปด องค์หญิงเจิ้นกั๋วนำทัพออกเดินทางจากเมืองต้าหมิงไปยังอิ่งตู
วันที่สิบ เดือนหนึ่ง รัชศกเซวียนเจียปีที่สิบแปด กองทัพหลักขององค์หญิงเจิ้นกั๋วยึดเมืองอิ่งตูได้อย่างรวดเร็ว
วันที่สิบห้า เดือนหนึ่ง กลุ่มของเซียวหรงเหยี่ยนนัดพบแม่ทัพหน้ากากผีที่แสร้งปลอมตัวเป็นพ่อค้าแยกตัวออกจากกองทัพในนามของอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนที่หอไคว่หัวในเมืองเซียงเหลียง
หอไคว่หัวคือหอนางโลมที่มีชื่อเสียงในเมืองเซียงเหลียง ชื่อของหอถูกตั้งขึ้นอย่างเรียบง่าย ได้ยินว่ามารดาของเจ้าของหอคือคนต้าเหลียง บิดาคือชาวหรงตี๋ ตอนเด็กๆ นางเคยใช้ชีวิตอยู่ที่หรงตี๋หลายปี การกระทำของนางจึงค่อนข้างหยาบและตรงไปตรงมา นางจึงตั้งชื่อหอนางโลมเช่นนี้
แม้บัดนี้ต้าเหลียงจะอยู่ในภาวะสงคราม ทว่า กองทัพต้าจิ้นยังบุกมาไม่ถึงเซียงเหลียง เมืองเซียงเหลียงยังคงครึกครื้นเหมือนเดิม โคมไฟที่แขวนอยู่ใต้หลังคาหอนางโลมยังคงสว่างเรืองรอง แขกยังคงมาเยือนหอไคว่หัวอย่างต่อเนื่อง บรรดาสตรีที่มีใบหน้างดงามเย้ายวนนั่งต้อนรับบรรดาแขกอยู่ในศาลาที่แกะสลักอย่างประณีตงดงาม ใบหน้าของพวกนางสะท้อนแสงสีแดงจากโคมไฟที่แขวนอยู่ใต้ชายคาจนใบหน้าแดงระเรื่อ ช่างงดงามราวกับอยู่ในความฝัน
รถม้าไม้สนคันใหญ่สีทองแดงที่มีผ้าม่านลายเมฆมงคลสีเขียวอ่อนคลุมอยู่ทั่วตัวรถ มีโคมไฟลายสัตว์มงคลแขวนอยู่บนตัวรถม้าทั้งสี่มุมหยุดลงที่หน้าหอไคว่หัวท่ามกลางแสงสว่างจากโคมไฟและบรรยากาศครึกครื้นรอบด้าน
ด้านหน้าของรถม้าคันนั้นมีองครักษ์พกดาบสี่คนที่นั่งอยู่บนหลังม้าคอยเปิดทางให้ ด้านหลังมีองครักษ์ยี่สิบคนที่แบ่งเป็นสองแถวคอยตามคุ้มกัน
บ่าวรับใช้ที่มีหน้าที่ต้อนรับแขกหน้าหอไคว่หัวเห็นดังนี้ก็รู้ทันทีว่าผู้มาเยือนคือแขกสูงศักดิ์ ทั้งสามคนเดินเรียงแถวเป็นหนึ่งลงมากจากบันไดของหอไคว่หัวตามลำดับ บ่าวรับใช้ที่สวมชุดสีเทาผูกผ้าคาดเอวสีเทาซึ่งอยู่ด้านหน้าสุดรีบคุกเข่าลงบนพื้นเพื่อให้แขกสูงศักดิ์เหยียบหลังของตนลงมาจากรถม้า
บ่าวรับใช้อีกสองคนที่อยู่ในชุดสีเขียวผ้าคาดเอวสีน้ำตาลก้มหน้าต่ำพลางยื่นแขนของตัวเองขึ้นสูงเพื่อช่วยประคองแขกสูงศักดิ์ลงมาจากรถม้า
บุรุษในชุดสง่างามที่คาดผ้าผูกเอวสีทองเดินออกมาต้อนรับจากประตูหลักของหอไคว่หัว คนยังมาไม่ถึง ทว่าเสียงมาถึงก่อนแล้ว “แขกผู้สูงศักดิ์มาถึงแล้วหรือขอรับ…”
บ่าวรับใช้ของหอไคว่หัวแบ่งออกเป็นหลายระดับ ผู้ที่ผูกผ้าคาดเอวสีทองคือบ่าวรับใช้ที่มีหน้าที่เชิญแขกสูงศักดิ์เข้าไปด้านในหอ
บ่าวรับใช้ที่คาดผ้าคาดเอวสีขาวมีหน้าที่ต้อนรับแขกธรรมดาทั่วไปเข้าไปด้านใน บ่าวรับใช้ที่ผูกผ้าคาดเอวสีน้ำตาลมีหน้าที่รับและส่งแขกขึ้นไปบนรถม้า ส่วนบ่าวรับใช้ที่ผูกผ้าคาดเอวสีเทามีหน้าที่เป็นเก้าอี้ให้แขกเหยียบขึ้นลงรถม้า
เยว่สือแหวกม่านรถม้าออกให้เจ้านายของตัวเอง
เซียวหรงเหยี่ยนปฏิบัติตามธรรมเนียมของคนที่นี่ รองเท้าหนังกวางสีดำเหยียบลงบนหลังของบ่าวรับใช้ชายเพื่อลงจากหลังม้า ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ส่งสัญญาณให้เยว่สือตบรางวัลให้บ่าวผู้นั้น เยว่สือหยิบเศษเงินออกมาจากถุงเงินแล้วโยนให้บ่าวผู้นั้น บ่าวรับใช้ที่ทำหน้าที่เป็นเก้าอี้รีบคลานเข่าเข้าไปรวบเงินมาเก็บไว้อย่างกลัวว่าบ่าวรับใช้ที่สวมผ้าคาดเอวสีน้ำตาลอีกสองคนจะเข้ามาแย่งตน จากนั้นรีบก้มศีรษะคำนับขอบคุณเซียวหรงเหยี่ยน “ขอบพระคุณท่านผู้สูงศักดิ์มากขอรับ! ขอบพระคุณมากขอรับ!”
“ท่านผู้สูงศักดิ์เพิ่งเคยมาที่หอไคว่หัวครั้งแรกใช่หรือไม่ขอรับ เชิญด้านในขอรับ!”
เมื่อบรรดาสาวงามที่อยู่บนชั้นสองเห็นใบหน้าที่รูปงามและความใจป้ำของเซียวหรงเหยี่ยนต่างก็พากันทิ้งผ้าเช็ดหน้าลงมาจากชั้นสองให้ชายหนุ่ม
เมื่อผ้าเช็ดหน้าตกลงบนอก เซียวหรงเหยี่ยนที่สวมชุดคลุมสีเงินสลับทองเงยหน้าขึ้นมองสาวงามที่ชั้นสองด้วยแววตาล้ำลึก สาวงามบางคนใช้พัดกลมปิดบังใบหน้าด้วยความเขินอาย บางคนหัวเราะออกมาน้อยๆ จากนั้นกล่าวกับเซียวหรงเหยี่ยนเสียงอ่อนหวาน “คารวะท่านผู้สูงศักดิ์เจ้าค่ะ”
เซียวหรงเหยี่ยนก้มหน้าสูดดมผ้าเช็ดหน้าในมือเล็กน้อย จากนั้นหัวเราะออกมาเบาๆ ชายหนุ่มสะบัดชายชุดแล้วเดินขึ้นไปบนบันไดสูงของหอไคว่หัว แสดงท่าทีเป็นคุณชายเจ้าสำราญได้อย่างสมบทบาท
ไป๋ชิงอวี๋ซึ่งสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าครึ่งซีกเอาไว้ยืนเอามือไขว้หลังก้มหน้ามองเซียวหรงเหยี่ยนที่กำลังเดินเข้ามาในหอไคว่หัวอยู่บนห้องรับรองพิเศษชั้นสามด้วยสีหน้าเย็นชา แสงจากโคมไฟที่แขวนอยู่ใต้ชายคาของหอไคว่หัวส่องสะท้อนหน้ากากเงินบนใบหน้าของไป๋ชิงอวี๋จนรู้สึกเยือกเย็นแปลกๆ