ตอนที่ 825 ตามใจปรารถนา
เซียวหรงเหยี่ยนเงยหน้ามองไปรอบๆ ห้อง “ข้าเก็บคำถามนี้ไว้ตอบแม่ทัพหน้ากากผีตัวจริงดีหรือไม่”
กล่าวจบเซียวหรงเหยี่ยนพยักหน้าอำลาแม่ทัพหน้ากากผีตัวปลอมที่ตะลึงงันไปเล็กน้อย จากนั้นเปิดประตูไม้แกะสลักออก
เสียงหัวเราะอย่างครื้นเครงของหญิงงามในหอนางโลมและเสียงไม้ไผ่เสียดสีกันดังเข้ามาในห้องทันที แม่ทัพหน้ากากผีตัวปลอมจึงได้สติ เขารีบหันไปมองทางกำแพงห้องติดกันทันที
เยว่สือที่กำลังสังเกตความเคลื่อนไหวของหอนางโลมได้ยินเสียงเปิดประตูห้อง เขาจึงรีบถลาไปด้านหน้าทันที “นายท่านจะกลับเลยหรือไม่ขอรับ”
“มีคนออกมาจากห้องข้างๆ บ้างหรือไม่” เซียวหรงเหยี่ยนถาม
“ไม่มีขอรับ” เยว่สือส่ายหน้า
“นายท่านสงสัยหรือขอรับ” เยว่สือระวังตัวขึ้นมาทันที
เซียวหรงเหยี่ยนนึกถึงรูปแบบของหอนางโลมแห่งนี้ เขาฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าแม่ทัพหน้ากากผีอาจหนีไปทางหน้าต่างแล้ว ชายหนุ่มรีบผลักประตูห้องด้านข้างเข้าไปทันที หน้าต่างเปิดอยู่จริงๆ ด้วย!
เยว่สือเห็นเจ้านายของตัวเองสาวเท้าเข้าไปใกล้หน้าต่าง จากนั้นกระโดดลงไปด้านล่าง เขารีบตามไปทันที…เมื่อเจ้านายของตัวเองกระโดดไปบนหลังคาของรถม้าคันหนึ่ง เยว่สือจึงเกาะขอบหน้าต่างและกระโดดตามลงไปเช่นเดียวกัน
แววตาของไป๋ชิงอวี๋ที่นั่งอยู่ในรถม้านิ่งขรึมขึ้นทันที เขาชักดาบแทงไปบนหลังคารถม้า เซียวหรงเหยี่ยนพลิกตัวลงจากหลังคารถแล้วไปขวางอยู่ด้านหน้ารถม้า คนบังคับรถม้ารีบกระชากม้าให้หยุดลงทันที
เซียวหรงเหยี่ยนสะบัดพู่บริเวณที่พันกันยุ่งเหยิงเล็กน้อย จากนั้นกล่าวกับคนในรถม้า “แม่ทัพหน้ากากผีได้โปรดยอมพบหน้าข้าด้วยเถิด หากข่าวเรื่องที่แม่ทัพหน้ากากผีเป็นคนต้าจิ้นหรือคนของตระกูลไป๋แพร่กลับไปยังหรงตี๋ ท่านอ๋องแห่งหรงตี๋คงต้องพิจารณาใหม่อีกครั้งว่าจะเชื่อใจแม่ทัพหน้ากากผีมากเช่นนี้ต่อไปได้หรือไม่ ควรฝากราชสำนักไว้ที่แม่ทัพหน้ากากผีหรือไม่”
ในเมื่อกุมความลับของอีกฝ่ายไว้ในมือ หากต้องการเจรจาก็ต้องเปิดเผยความลับนี้ก่อน แม่ทัพหน้ากากผีจะได้ไม่ดูถูกเขาและยอมเจรจากับเขาอย่างจริงจัง
โคมไฟหนังแกะที่แขวนอยู่ทางสี่มุมของตัวรถม้าแกว่งไปมาอย่างแรงเพราะการหยุดลงอย่างกะทันหันของรถม้า ไป๋ชิงอวี๋ที่อยู่ในรถม้าเงยหน้าขึ้น แววตาของเขาล้ำลึกและเยือกเย็นยิ่งกว่าเดิม
คนบังคับม้าลงไปยืนอยู่ข้างรถม้าพลางกำดาบที่เอวแน่น เขามองไปทางเยว่สือที่ยืนอยู่ข้างกายเซียวหรงเหยี่ยนอย่างหวาดระแวง ขอเพียงเจ้านายของเขามีคำสั่ง เขาจะชักดาบพุ่งเข้าใส่เซียวหรงเหยี่ยนทันที
“อาผู่หลู่ถอยไป”
เสียงของไป๋ชิงอวี๋ดังมาจากด้านในรถ อาผู่หลู่จึงถือดาบเดินถอยหลังไปสองสามก้าว แววตายังคงหวาดระแวงเช่นเดิม
“ท่านอ๋องลงจากรถม้ามาเจรจากันดีหรือไม่…” เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวเสียงนุ่ม
ไป๋ชิงอวี๋ใช้ดาบยาวแหวกม่านรถม้าออกแล้วมองไปทางเซียวหรงเหยี่ยนที่ยืนอยู่หน้ารถม้า
แสงจันทร์ส่องสว่างเป็นวงกว้าง ส่องสะท้อนใบหน้าของเซียวหรงเหยี่ยนจนดูคมคายยิ่งกว่าเดิม
“ท่านอ๋องเก้าคิดว่าการแต่งเรื่องโกหกขึ้นมาเช่นนี้ท่านอ๋องของข้าจะเชื่ออย่างนั้นหรือ” น้ำเสียงของไป๋ชิงอวี๋แหบกร้านไม่น่าฟัง น้ำเสียงของเขาราบเรียบราวกับคนชราที่ผ่านประสบการณ์มากมาย “โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นคำกล่าวที่ออกมาจากปากของอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนที่ปลอมตัวเป็นเซียวหรงเหยี่ยนพ่อค้าที่ร่ำรวยเป็นอันดับหนึ่งของแคว้นเว่ยเพื่อแฝงตัวเป็นสายลับสืบหาความลับของทุกแคว้นเช่นนี้”
ไป๋ชิงอวี๋ไม่ได้กล่าวประโยคนี้เพื่อล่อให้เซียวหรงเหยี่ยนติดกับ
เซียวหรงเหยี่ยนมาพบเขาในฐานะอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยน ทว่า การกระทำและท่าทีบางอย่างของอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนผู้นี้คล้ายคลึงกับคนแคว้นเว่ยมาก
แคว้นต้าเยี่ยนเป็นแคว้นนักรบ ไม่มีทางมีอ๋องที่มีพฤติกรรมเช่นนี้แน่นอน
ไป๋ชิงอวี๋นึกไปถึงซีไหวอ๋องผู้นั้น พ่อค้าเซียวหรงเหยี่ยนแห่งแคว้นเว่ยสามารถควบคุมการเดินทางของซีไหวอ๋องได้ เมื่อพิจารณาความสัมพันธ์ของคนทั้งสองจึงเดาเรื่องนี้ได้ไม่ยาก
พ่อค้าแคว้นเว่ยผู้นี้อาจแกล้งปลอมตัวเป็นอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยน หรือไม่ก็อ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนปลอมตัวเป็นพ่อค้าแคว้นเว่ยเซียวหรงเหยี่ยนเพื่อเดินทางไปทำการค้าในทั่วทุกแคว้น
ไป๋ชิงอวี๋ค่อนข้างเชื่ออย่างหลังมากกว่า
เซียวหรงเหยี่ยนกำมือที่ไขว้อยู่ทางด้านหลังแน่น มองไปทางไป๋ชิงอวี๋ที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดในรถม้า “บัดนี้ต้าเยี่ยนกำลังทำสงครามอยู่กับแคว้นเว่ย ท่านอ๋องเหมารวมว่าข้าเป็นคนแคว้นเว่ยเช่นนี้จะมีผู้ใดเชื่อกัน”
“เช่นนั้นท่านอ๋องเก้าเหมารวมว่าข้าเป็นคนแคว้นต้าจิ้นจะมีผู้ใดเชื่ออย่างนั้นหรือ คนหรงตี๋ คนแคว้นต้าจิ้น ท่านอ๋องของข้าจะแยกไม่ออกอย่างนั้นหรือ” น้ำเสียงแหบพร่าของไป๋ชิงอวี๋แฝงไปด้วยความเย้ยหยัน
“เช่นนั้นหากข้ามอบทายาทตระกูลไป๋ที่ข้าเคยช่วยชีวิตจากตลาดของเมืองเหมิงและทหารกองทัพไป๋ที่ต้าเยี่ยนตามหาตลอดสองปีที่ผ่านมานี้ไปให้ท่านอ๋องแห่งหรงตี๋ ไม่รู้ว่าท่านอ๋องจะตัดใจจัดการกับกองทัพไป๋ได้หรือไม่” เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวขึ้นช้าๆ
ไป๋ชิงอวี๋กล่าวเสียงเย็นชา “ข้าไม่ชอบเรื่องสมมุติ ทว่า ข้ารับประกันได้อย่างหนึ่งว่านับแต่นี้เป็นต้นไปทูตของต้าเยี่ยนจะไม่มีทางได้พบท่านอ๋องของข้าอีก ข้าบอกท่านไว้ตรงนี้เลยว่าหากต้าเยี่ยนไม่หยุดโจมตีแคว้นเว่ย หรงตี๋จะไม่มีทางคืนทหารต้าเยี่ยนที่ถูกจับเป็นตัวประกันอยู่ที่หรงตี๋ให้แน่นอน หากต้าเยี่ยนเสียสละสหายที่ร่วมรบกันมาได้ก็เชิญตามสบาย”
“หากต้าเยี่ยนจะเอาคืนให้ได้เล่า” เซียวหรงเหยี่ยนกวาดสายตามองไปทางอาผู่หลู่ “พวกเราสนทนากันตามลำพังดีหรือไม่ เยว่สือ…”
เยว่สือพยักหน้าจากนั้นมองไปทางอาผู่หลู่ “พวกเราไปรอที่หน้าซอยเถิด”
อาผู่หลู่ยังยืนอยู่ข้างรถม้านิ่งไม่ขยับ จนเมื่อไป๋ชิงอวี๋ที่อยู่ในรถม้าบอกให้เขาไปรอตรงนั้น เขาจึงหันไปก้มศีรษะให้คนในรถม้าอย่างนอบน้อม เขาเหลือบมองเยว่สือด้วยสายตาเย็นชาแวบหนึ่ง จากนั้นเดินไปรอยู่หน้าซอยโดยไม่สนใจเยว่สือแม้แต่น้อย
“ไม่ว่าแม่ทัพหน้ากากผีจะยอมรับว่าตัวเองเป็นคนของตระกูลไป๋หรือไม่ข้าก็จะเอาทหารของข้าคืนมาให้ได้อยู่ดี” เซียวหรงเหยี่ยนจ้องเข้าไปในรถม้านิ่ง ตัดสินใจว่าจะคุยกับไป๋ชิงอวี๋อย่างเปิดอก “พวกเราคุยกันอย่างเปิดเผยดีกว่า ที่ข้าไม่อยากใช้กลอุบายร้อยพันกับท่านอ๋องไม่ใช่เพราะกลัวท่าน”
“ทว่า เป็นเพราะท่านคือคุณชายของตระกูลไป๋ คือน้องชายของอาเป่า ทว่า ข้ากับอาเป่าทำสัญญากันไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าจะไม่เอาความรู้สึกส่วนตัวมาเกี่ยวข้องกับเรื่องของแคว้น หากท่านมีข้อเสนอใดก็เชิญเสนอมาได้เลย พวกเราจะได้ประโยชน์กันทั้งคู่ หากท่านไม่ยอมตกลงข้าก็คงไม่มีทางเลือกอื่น ข้าคงต้องทำให้อาเป่าเสียใจแล้ว”
ระหว่างทางที่คุ้มกันซีไหวอ๋องเดินทางมาที่นี่ในสมองของเซียวหรงเหยี่ยนเต็มไปด้วยภาพการควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ของไป๋ชิงเหยียนตอนที่หญิงสาวสืบข่าวแม่ทัพหน้ากากผีจากเขาตอนที่อยู่เติงโจว
ดังนั้นเซียวหรงเหยี่ยนจึงพยายามหลีกเลี่ยงที่จะไม่ใช้แผนการชั่วร้ายต่างๆ กับแม่ทัพหน้ากากผีผู้นี้และเลือกหนทางอื่นแทน
หากเป็นก่อนหน้านี้เซียวหรงเหยี่ยนคงเลือกทอดทิ้งทหารต้าเยี่ยนที่ถูกจับเป็นตัวประกันเหล่านั้นไป เขาจะไม่ยอมให้ผู้ใดหรือสิ่งใดมาขัดขวางแผนการใหญ่ของเขาแน่นอน
เขายิ่งไม่มีทางเสียเวลามาเจรจากับแม่ทัพหน้ากากผีเพียงเพราะทหารต้าเยี่ยนซึ่งมีจำนวนไม่ถึงหนึ่งหมื่นนายเช่นนี้
ทว่า นับตั้งแต่ที่เซียวหรงเหยี่ยนใช้วิธีของไป๋ชิงเหยียนยึดหนานเยี่ยนกลับคืนมา เขาสามารถลดอัตราการบาดเจ็บและสูญเสีญของเหล่าทหารและทำทุกอย่างสำเร็จเร็วกว่าที่วางแผนไว้มาก
นับตั้งแต่ที่เขาเห็นหญิงสาวซื้อใจคนในเมืองหลวง เห็นวิธีการนำทัพของไป๋ชิงเหยียน รู้ว่าทหารกองทัพไป๋ยึดมั่นในคุณธรรมที่จะไม่มีทางทิ้งสหายร่วมรบกันมาของตัวเองแม้แต่ผู้เดียว ไป๋ชิงเหยียนรวบรวมใจคนได้ตามใจปรารถนา
เซียวหรงเหยี่ยนจึงเต็มใจละทิ้งวิธีที่เขาเคยคิดว่ารวดเร็วที่สุด จากนั้นหันมาใช้วิธีแก้ปัญหาอย่างปรองดองและมีคุณธรรมแทน
บางทีการที่เซียวหรงเหยี่ยนและไป๋ชิงเหยียนมีวิธีการแก้ไขปัญหาที่ไม่เหมือนกันอาจเป็นเพราะทั้งสองอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน ได้รับการอบรมสั่งสอนมาต่างกัน