ภายในห้อง ตู๋กูซิงหลันพิงกับหน้าต่าง นางนั่งอยู่ข้างโต๊ะไม้ ใช้มือข้างหนึ่งเท้าคางเอาไว้ ปล่อยเส้นผมสยายลงมา แทบจะคลุมร่างท่อนบนของนางเอาไว้จนหมด
ลมพัดแรง เส้นผมยาวๆ บนใบหน้าปลิวผ่านริมฝีปากไป
ในความมืดมิด มีแต่แสงจากห้องข้างๆ ที่สาดส่องมายังร่างของนางจางๆ เท่านั้น
ใบหน้าที่อยู่ในเงาแสงนั้น งดงามเกินกว่าใครจะเทียบได้
ขนตาของนางกระพริบน้อยๆ ลมหายใจเบาๆ นั้นแฝงเอาไว้ด้วยความง่วงงุนที่คล้ายจะสัมผัสไม่ได้
ตู๋กูซิงหลันตัดสินใจเขวี้ยงยันต์สีเหลืองแผ่นหนึ่งออกไปทันที
พอยันต์สีเหลืองแผ่นนั้นพุ่งออกไป ก็ได้ยินเสียงร้องอย่างตระหนกของชือหลีดังขึ้นว่า “นี่เจ้าคิดจะฆ่าเทพที่ช่วยชีวิตหรือยังไง?”
ยันต์สีเหลืองพุ่งเฉียดบ่าของชือหลีออกไป ทำเอาหัวไหล่ของนางเกิดมีรอยเลือดเส้นหนึ่ง
ตู๋กูซิงหลันหรี่ตามอง นางคลุกคลีกับชือหลีมาตั้งนาน ย่อมคุ้นเคยกับกลิ่นอายจากเรือนร่างของนาง
เมื่อครู่นี้ ตนรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่แตกต่างอยู่แท้ๆ
“ขอโทษที มือลื่นจนคุ้นเคยแล้ว” ตู๋กูซิงหลันหัวเราะเบาๆ พิงร่างลงกับขอบหน้าต่างอีกครั้ง “ข้ารู้สึกว่า คืนนี้น่าจะต้องมีเรื่องเกิดขึ้น”
นางพึ่งจะงีบหลับไปนิดเดียวแท้ๆ พอลืมตาขึ้นมากลับดึกสงัดจนผ่านครึ่งคืนไปเสียแล้ว
ช่วงนี้ร่างกาย อ่อนล้าเหลือเกิน
“เงียบสงบเกินไปหรือ?” ชือหลีเหลือบมองรอยเลือดบนหัวไหล่ครั้งหนึ่ง ก็โผเข้ามาข้างกายตู๋กูซิงหลัน
หลังจากนั้นก็กล่าวอย่าง มีลับลมคมในว่า “เจ้าเดาสิ ว่าข้าผู้เป็นเทพเอาอะไรมาให้เจ้า?”
“บุรุษ” ตู๋กูซิงหลันไม่ต้องหันไปมองนาง ก็ตอบกลับได้ได้ทันที
ช่วงหลายวันนี้ชือหลีคอยหาบุรุษมาให้นางอยู่ทั้งวี่ทั้งวัน ตู๋กูซิงหลันชักจะชินเสียแล้ว
ชือหลีออกจะผิดหวังไปเล็กน้อย เดิมทียังคิดว่าจะสามารถทำให้นางแปลกใจได้บ้าง
แต่พอคิดได้ว่าบุรุษที่จับกลับมาครั้งนี้ไม่เหมือนเคย ดวงตาของนางก็เป็นประกายขึ้นมาในทันที “ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน เจ้าคิดว่าข้าจะจับบุรุษแบบไหนก็ได้มาให้เจ้าหรือ? ข้าผู้เป็นเทพอย่างไรเสียก็เป็นถึงเทพแห่งสายน้ำ สายตาจะย่ำแย่ได้อย่างไร?”
“อ้อ” ตู๋กูซิงหลันไม่มีความสนใจใดๆ ทั้งสิ้น ได้แต่ส่งเสียงรับคำไปครั้งหนึ่ง
ชือหลีอยากจะตบนางสักสองที ช่างเป็นฮ่องเต้ไม่ร้อนพระทัยแต่ขันทีกลับวุ่นวายใจแท้ๆ นี่นางสมควรจะช่วยดีไหม?
ภายในถุงเฉียนคุน ฮ่องเต้ทรงคุดคู้อย่างวุ่นวายอยู่ในนั้น
ถุงเฉียนคุน สมบัติของเทพเซียน ภายในถุงคือโลกอีกใบหนึ่ง
เป็นเขตแดนที่แบ่งแยกออกจากโลกภายนอกอย่างชัดเจน เดิมทีย่อมไม่สามารถเห็นหรือได้ยินเสียงใดๆ จากภายนอกทั้งสิ้น
เมื่อครู่เป็นเพราะจีเฉวียนได้กลิ่นดอกฮว๋ายฮวาจากภายในห้องทั้งเส้นด้ายโชคชะตาปรากฏขึ้นมา ถึงได้เหม่อลอยไปชั่วขณะ กลายเป็นเปิดโอกาสล้ำค่าให้กับชือหลี
ยามนี้ทั่วพระวรกายของฮ่องเต้มีหมอกดำกำจายออกมาโดยรอบ เบื้องหลังของพระองค์ปรากฏเงาร่างสีดำขนาดใหญ่
เงาสีดำนั้นคล้ายดั่งอาชาที่มีปีก ยามมันกระพือปีก ใต้ปีกก็เกิดเพลิงสีดำเผาผลาญแผดเผาออกมา
ในขณะเดียวกันนั้นเอง ในพระหัตถ์ของจีเฉวียนกำด้ามดาบใหญ่ยาวสีดำเล่มหนึ่งเอาไว้ พระองค์ดึงดาบเล่มนั้นขึ้นมาจากเปลวเพลิงสีดำ สะบัดคมดาบออกไปกรีดผ่านความอันธกาลที่มืดมนของโลกใบนั้น ถึงกับทำให้ถุงเฉียนคุนเกิดรอยปริ
พอดาบที่สองสะบัดออกไป ก็ได้ยินเสียงของสตรีผู้หนึ่งจากภายนอก
“ข้าผู้เป็นเทพก็ไม่อยากจะตำหนิเจ้าหรอกนะ ข้าผู้เป็นเทพอุตส่าห์ทุ่มเทเรี่ยวแรงไปมากมายช่วยเจ้าตามหาบุรุษที่โดดเด่นมาหลายคน แต่เจ้ากลับไม่ถูกใจแม้แต่คนเดียว” เจอกับการตอบสนองเช่นนี้ของตู๋กูซิงหลัน ชือหลีก็โกรธจนเท้าสะเอวขึ้นมาแล้ว
“บุรุษพวกนั้นนะก็แล้วไปเถอะ แต่ที่ข้าจับกลับมาให้เจ้ารอบนี้ คือหลายเขยที่เหลียงจวิ้นอ๋องหมายตาเอาไว้ มิว่าอย่างไร รอบนี้เจ้าไม่อาจปฏิเสธเด็ดขาด” ชือหลียกขาข้างหนึ่งเหยียบลงไปบนโต๊ะเตี้ยด้านหน้าตู๋กูซิงหลัน ดวงตาสีแดงคู่นั้นวาววับอย่างบีบบังคับ
ตู๋กูซิงหลันตกตะลึงไปเล็กน้อย “หลานเขย?”
นางได้ยินข่าวนี้มาแล้ว ว่าหลายวันก่อนจวนเจวิ้นอ๋องมีคุณชายสูงศักดิ์ผู้หนึ่งมาเยือน ฟังว่าเหลียงจวิ้นอ๋องต้องการให้เขาเป็นหลานเขย
“เหลียงจวิ้นอ๋องผู้นั้นถึงขนาดไม่ใส่ใจฐานะกุ้ยเฟยของหลานสาวตนเอง เพียรหาตัวบุรุษผู้นั้นมาให้นางดูดซับไอหยาง นี่ก็แสดงว่าบุรุษผู้นั้นต้องใช้การได้” ชือหลีก้มตัวลงมา จดจ้องไปยังตู๋กูซิงหลัน “ดังนั้นข้าผู้เป็นเทพจึงชิงตัวมาให้เจ้าในระหว่างทางแล้ว บุรุษผู้นี้เจ้าก็จัดการเสีย ห้ามเจ้าปฏิเสธ”
ตู๋กูซิงหลัน “……”
ภายในถุงเฉียนคุน ทันทีที่ได้ยินเสียงจากด้านนอกฮ่องเต้ก็ทรงเก็บดาบลงไป ด้ายผูกชะตาในข้อพระหัตถ์ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง
พระทัยของพระองค์โลดขึ้นมา แต่ยังคงไม่ได้เสด็จผลุนผลันออกไปจากถุงเฉียนคุนในทันที
ตลอดหนึ่งเดือนมานี้ พระองค์ส่งคนออกไปตามหาร่องรอยของนาง องครักษ์ลับของเขาแทบจะพลิกแผ่นดินแห่งนี้ไปครึ่งหนึ่ง แต่กลับไม่ได้ข่าวคราวของนางกลับมาเลยแม้แต่น้อย
ราวกับว่านางได้หายตัวไปจากภายในโลงทองแดงหลังนั้นแล้วจริงๆ
พระองค์ทรงเข้าพระทัยว่านางจากไปแล้ว …ดังนั้นจึงได้เสด็มาเมืองกู่เย่วด้วยพระองค์เอง คิดจะเสด็จไปตามหาค่ายกลที่สามารถเปิดเส้นทางข้ามมิติบนภูเขาฝูซาง…..
แต่ว่าอยู่ดีๆ ด้ายผูกชะตาก็มีปฏิกริยาตอบสนอง
คนที่อยู่ด้านนอกนั่น….คือ……
“ไม่จริงใช่ไหม? นี่แม้แต่หลายเขยของเหลียงจวิ้นอ๋องเจ้าก็ยังไม่สนใจหรือ?” ชือหลีอยากจะระเบิดขึ้นมาจริงๆ แล้ว นางจดจ้องไปยังตู๋กูซิงหลัน “เจ้ายึดถือเรื่องพรหมจรรย์มากงั้นรึ?”
ตู๋กูซิงหลันส่ายศีรษะ…..นางมาจากโลกปัจจุบัน ถึงแม้ไม่อาจบอกได้ว่าเคยมีความรักมาก่อน แต่ก็ไม่ได้ปิดกั้นอะไรขนาดนั้น
เพียงแต่…..นี่เป็น ‘ยาถอน’ ของเหลียงเซิงเซิง นางกลับไปตัดหน้ามาก่อนเช่นนี้เท่ากับขโมยชัดๆ
“ในเมื่อไม่ได้ยึดถือเรื่องพรหมจรรย์อะไรมากมายเพียงนั้น อย่างนั้นเจ้ายังจะยักท่าไปทำไม?” ชือหลีไม่รู้ว่าสมควรจะทำอย่างไรกันแน่ มิใช่บอกว่าตู๋กูซิงหลันเป็นดอกบัวดำ ยามปกตินึกจะทำอะไรก็กระทำอย่างถึงที่สุดมิใช่หรือ? ทำไมแค่จะให้นางนอนกับบุรุษสักคนถึงได้ยากเย็นนัก?
“คงไม่ใช่ว่า…ในใจของเจ้ามีใครอยู่แล้ว?” ชือหลีถึงกับตกใจกับความคิดของตนเองจนแทบกระโดด
ตู๋กูซิงหลันถูกคำถามของนางทำเอาหน้าหงาย
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แค่ได้ยินประโยคเดียวของชือหลี ในสมองของนางก็ปรากฏชื่อของคนผู้หนึ่งขึ้นมาในทันที
“โอรสสวรรค์แคว้นโจว?” ชือหลีถามต่อ “ก็เขาไล่ตามเจ้าเสียขนาดนั้น พูดตามจริงนะ ขนาดข้าผู้เป็นเทพเห็นแล้วยังหวั่นไหวแทนเลย”
ประโยคเดียวของชือหลี ทำเอาพระทัยของจีเฉวียนที่อยู่ในถุงเฉียนคุนแทบหยุดเต้น
ถึงแม้ว่าจะไม่อาจมองเห็นสภาพภายนอก แต่พระองค์ก็มั่นพระทัย….เสี่ยวซิงซิงที่พระองค์ทรงตามหามาเนิ่นนาน อยู่ข้างนอกนั่น
อยู่ในห้องห้องนี้ ที่จริง อยู่เบื้องหน้าพระองค์ด้วยซ้ำ
“เมีย เมีย?” เมียเมียที่อยู่ด้านหลังของพระองค์หุบปีกลง เอียงหูเข้ามาอย่างตั้งใจฟัง
มันติดตามฝ่าบาทมานานหลายปี ไม่เคยเห็นฝ่าบาททรงเป็นทุกข์เพราะใครเช่นนี้มาก่อนเลย
พี่สาวตัวน้อยผู้นั้นทอดทิ้งพระองค์ไป หากว่ากันตามพระอุปนิสัยที่เคยเป็นมาของฝ่าบาทแล้ว พระองค์สมควรพิโรธปานฟ้าผ่า ต่อให้พลิกฟ้าคว่ำทะเลก็ต้องหาตัวนางออกมาให้ได้ จากนั้นก็จัดการจนตายสถานเดียว
ฝ่าบาทของมันเป็นเจ้านายที่ช่างจดจำความแค้น พี่สาวตัวน้อยนั้น ต้องเดือดร้อนแน่
พอจีเฉวียนปรายพระเนตรไปมอง เมียเมียก็หุบปากลงในทันที
ภายในห้อง ตู๋กูซิงหลันยังคงถูกชือหลีซักไซร้ไล่เรียงต่อไป “ว่ากันตามเหตุผลแล้ว เขาเป็นถึงฮ่องเต้ ในร่างมีไอมังกร ขอแค่เจ้าตะโกนเรียกคำเดียว เขาก็คงรีบปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว”
“เจ้าไม่ได้ชอบเขาแม้แต่นิดเดียวเลยหรือ?”
“ชือหลี เขาเป็นบุตรของข้า!” ตู๋กูซิงหลันยกฐานะมาถมใส่เขา
ชือหลี “ก็ไม่ใช่ลูกแท้ๆ สักหน่อย เจ้าไม่ต้องมาใช้วิธีนี้กับข้าเลย หากว่าคนที่อยู่ในใจของเจ้าไม่ใช่ฮ่องเต้แคว้นโจว ถ้าอย่างนั้นคือ….ซื่อมั่ว? ก่อนหน้านี้ข้าเคยได้ยินเจ้าถวนจื่อตัวดำกับยมราชผู้นั้นเอ่ยถึงอยู่หลายครั้ง”
ตู๋กูซิงหลันเองก็ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมนางจะต้องถูกลากไปพัวพันกับเรื่องแบบนี้ด้วย
เรื่องของนางกับจีเฉวียน …..ตั้งแต่ตอนแรกก็เพียงเกาะแข้งเกาะขาเพื่อหาทางเอาชีวิตรอดเท่านั้น ต่อมา…ไม่รู้ว่าทำไมความสัมพันธ์ถึงได้ค่อยๆ เปลี่ยนไปแล้ว
ที่จริงแล้วกับเขานั้น นางก็ไม่ได้เกลียดชังอะไร
แต่หากจะบอกว่าเป็นความรักใคร่ฉันท์ชายหญิง……ก็เหมือนจะยังไม่ใช่
——
ไรท์: สรุปว่ายังไม่ใช่….แต่ก็ใกล้เคียงใช่ไหม เฉวียนเฉวียนของแม่ ฟังจนคอยืดแล้ว
เฉวียนเฉวียน: “ชู่ว์….”
ตอนต่อไป “เราคิดถึงเจ้า คิดถึงเจ้าจนแทบเสียสติแล้ว”