ตอนที่ 836 กังวลในเรื่องที่ไม่ควรกังวล
“เช่นนี้ข้าและแม่ทัพเซี่ยแยกไปจัดการตามแผน ข้าจะไปทูลรัชทายาท แม่ทัพเซี่ยไปติดต่อลูกน้องเก่า แม่ทัพฝูรู้เรื่องแล้ว เขาคงเตรียมรับมือไว้แล้ว!”
ไป๋จิ่นซิ่วบอกเซี่ยอวี่จั่งอย่างเปิดเผยว่าฝูรั่วซีคือพวกเดียวกัน เช่นนี้จะได้ร่วมมือกันทำงานได้ดีขึ้น
“ข้าเข้าใจแล้วขอรับ!” เซี่ยอวี่จั่งลุกขึ้นยืน เตรียมออกไปส่งไป๋จิ่นซิ่ว
“แม่ทัพเซี่ยไม่ต้องออกไปส่งหรอก มีเรื่อนอื่นสำคัญกว่านี้”
เมื่อออกมาจากจวนเซี่ย ไป๋จิ่นซิ่วมุ่งหน้าไปยังจวนรัชทายาททันที
รัชทายาทกำลังหลับสนิทอยู่ในกระโจมชบา จู่ๆ ก็ได้รับรายงานจากเฉวียนอวี๋ว่าฮูหยินฉินมาขอพบ ตอนแรกเขายังไม่ได้สติว่าผู้ใดคือฮูหยินฉินจึงถามออกไปอย่างหงุดหงิด
“ฮูหยินฉินผู้ใดกล้ามารบกวนเราตอนดึกดื่นเช่นนี้!”
เฉวียนอวี๋ยืนก้มหน้าต่ำอยู่นอกกระโจมชบาที่ทำอย่างประณีตสีม่วงอ่อน จากนั้นรายงานเสียงเบา
“ทูลองค์ชาย คือญาติผู้น้องขององค์หญิงเจิ้นกั๋วที่สนิทสนมกับองค์หญิงเจิ้นกั๋วประหนึ่งพี่น้องแท้ๆ ที่แต่งงานออกเรือนไปกับฉินหล่างพ่ะย่ะค่ะ!”
เฉวียนอวี๋เน้นย้ำว่าไป๋จิ่นซิ่วสนิทสนมกับองค์หญิงเจิ้นกั๋วประหนึ่งพี่น้องแท้ๆ เพราะต้องการให้รัชทายาทเห็นความสำคัญเรื่องนี้
ภายในกระโจม หงเหมยเอื้อมแขนเรียวขาวไปโอบรอบคอรัชทายาท จากนั้นบ่นอุบอิบอย่างไม่พอใจ
“องค์หญิงเจิ้นกั๋วแล้วอย่างไรกัน มาขอเข้าเฝ้าองค์ชายโดยไม่ดูเวลาเช่นนี้ได้อย่างไรกัน องค์ชายไม่ต้องพักผ่อนหรืออย่างไร หรือเห็นว่าองค์ชายทรงโปรดปรานองค์หญิงเจิ้นกั๋ว นางจึงคิดว่าจวนรัชทายาทคือจวนของนางที่จะไปมาเมื่อใดก็ได้หรืออย่างไรกัน!”
“อย่างอแง!”
เสียงกระซิบกระซาบดังออกมาจากในกระโจมชบา ตามมาด้วยเสียงสูดลมหายใจลึกของรัชทายาท จากนั้นถอนหายใจออกมาอย่างผ่อนคลาย เห็นได้ชัดว่าหงเหมยรั้งตัวรัชทายาทไว้ได้แล้ว เฉวียนอวี๋ขมวดคิ้วแน่น เขาตำหนิหงเหมยอยู่ในใจที่นางรั้งตัวรัชทายาทไว้โดยไม่รู้กาลเทศะเช่นนี้ ฮูหยินฉินมาที่จวนยามวิกาลเช่นนี้ต้องมีเรื่องสำคัญมารายงานรัชทายาทแน่นอน ทว่า เฉวียนอวี๋เป็นเพียงบ่าวรับใช้…เขาจะล่วงเกินเจ้านายไม่ได้ จึงได้แต่เป็นกังวลอยู่ในใจ
ไม่นานเสียงครางอ่อนหวานของสตรีก็ดังมาจากในกระโจม เฉวียนอวี๋จึงได้แต่ไปยืนรออยู่ด้านนอกอย่างสงบ
ทว่า ดูเหมือนว่าคืนนี้หงเหมยจะจงใจรั้งรัชทายาทไม่ให้ออกไปเจอกับไป๋จิ่นซิ่วให้ได้ นางพยายามงัดลีลาเด็ดของตังเองออกมามัดใจรัชทายาทจนรัชทายาททะลักความสุขจนลืมเรื่องของไป๋จิ่นซิ่วไปเสียสนิท เขาสนใจแต่การเสพสุขกับร่างงามของสตรีในอ้อมแขนจนไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น
เฉวียนอวี๋ร้อนใจเป็นอย่างมาก ทว่า เขาทำได้เพียงยืนฟังเสียงหน้าอายที่ดังออกมาจากกระโจมนิ่งๆ
ช่วงปลายของยามอิ๋น[1]ทุกอย่างในกระโจมชบาจึงสงบลง
เมื่อได้ยินเสียงแหบพร่าของรัชทายาทเอ่ยเรียกเฉวียนอวี๋ เฉวียนอวี๋จึงรีบพาขันทีเล็กเดินถืออุปกรณ์ล้างหน้าเข้าไปในกระโจม
เฉวียนอวี๋วางแส้พู่ในมือของตนลงบนถาดสีดำที่ขันทีเล็กคนหนึ่งชูขึ้นเหนือศีรษะ จากนั้นย่อกายลงเพื่อวางรองเท้าของรัชทายาทไว้ที่ปลายเตียงแล้วช่วยรัชทายาทสวมรองเท้า
รัชทายาทสวมรองเท้า จากนั้นลุกขึ้นจากเตียง เดินหลับตาลงจากเตียง เฉวียนอวี๋รีบกวักมือเรียกขันทีที่ยืนรออยู่นอกม่านให้นำอุปกรณ์ล้างหน้าแต่งตัวเข้ามาปรนนิบัติรัชทายาทแต่งตัว
หงเหมยที่สวมเพียงชุดชั้นในลายนกยวนยางสีแดงเข้มแหวกม่านเตียงออก จากนั้นเอนพิงหัวเตียงด้วยท่าทียั่วยวน ผิวสีขาวเนียนของหญิงสาวเต็มไปด้วยรอยแดงจากการบรรเลงเพลงรักเมื่อครู่ หญิงสาวกล่าวเสียงเย้ายวน
“องค์ชาย เหตุใดทุกครั้งที่ทรงได้ยินนามขององค์หญิงเจิ้นกั๋วจึงรีบร้อนเพียงนี้เพคะ หม่อมฉันโดนทรมานอยู่คนเดียวเลยนะเพคะ”
รัชทายาทหันไปมองสาวงามที่ผิวขาวราวกับหยกแวบหนึ่ง จากนั้นกล่าวยิ้มๆ “ช่างด้อยประสบการณ์จริงๆ ระหว่างเรากับองค์หญิงเจิ้นกั๋วคือผู้นำและขุนนางที่จงรักภักดี พระชายาเอกยังไม่ว่าอันใดเลย ดูท่าทีของเจ้าเสียก่อน!”
หงเหมยได้ยินเช่นนี้ก็ทนไม่ไหว หญิงสาวลุกขึ้นไปยืนอยู่ด้านหลังรัชทายาท แขนเรียวเล็กเนียนละเอียดของหญิงสาวเอื้อมไปโอบรอบเอวของรัชทายาทเอาไว้
“พระชายาเอกทรงพระทัยกว้าง ทว่า หงเหมยเป็นคนใจแคบ หม่อมฉันอยากให้องค์ชายมีหม่อมฉันในใจเพียงคนเดียวเพคะ!”
“เจ้านี่นะ!” รัชทายาทบีบปลายจมูกของหงเหมยเบาๆ วิธีการของหงเหมยดูได้ผลมาก รัชทายาทกำชับให้หงเหมยนอนพักผ่อนต่อ ส่วนตัวเองเดินออกไปจากเรือนของหงเหมย
หงเหมยที่ใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นคลุมผ้าคลุมผืนบางเพียงผืนเดียวยืนมองรัชทายาทนั่งเกี้ยวจากไปอยู่ตรงระเบียงททางเดิน รอยยิ้มบนใบหน้าหายไปทันที หญิงสาวหันไปสั่งบ่าวรับใช้ “ไปบอกเจ้านายว่าญาติผู้น้องขององค์หญิงเจิ้นกั๋วมาขอเข้าเฝ้ารัชทายาทยามวิกาล!”
“เจ้าค่ะ!” สาวใช้ของหงเหมยรับคำพลางทำความเคารพแล้วจากไปทันที
ไป๋จิ่นซิ่วนั่งมองโคมไฟสามระย้าสิบหกดวงที่ส่ายไปมาอยู่เหนือศีรษะด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
นางนั่งรออยู่ที่นี่เกือบสองชั่วยามแล้ว…
ทั้งๆ ที่กำชับไปแล้วว่ามีเรื่องสำคัญ ทว่า รัชทายาทก็ยังไม่ยอมมาพบนางอยู่ดี นางส่งคนไปตามหลายรอบก็ได้ยินว่าคนเหล่านั้นถูกหมัวมัวข้างกายของหงเหมยขวางไม่ให้เข้าไปรายงาน ขันทีเหล่านั้นไม่ได้พบแม้แต่หน้าของเฉวียนอวี๋ด้วยซ้ำ
ไป๋จิ่นซิ่วขมวดคิ้วแน่น หงเหมยผู้นี้ช่างร้ายกาจเสียจริง
ไป๋จิ่นซิ่วได้ยินว่าตอนที่หงเหมยเข้ามาในจวนรัชทายาท นางนั่งเกี้ยวเข้ามาในจวน ข้างกายมีสาวใช้ติดตามมาด้วยหนึ่งคน ของใช้ทั้งหมดของหญิงสาวมีเพียงย่ามใบเดียว นึกไม่ถึงเลยว่านางงจะทำให้หมัวมัวในจวนรัชทายาทกลายเป็นพวกของนางเช่นนี้ได้
ไป๋จิ่นซิ่วหลับตาที่บวมก่ำของตัวเองลง หงเหมยเป็นคนแนะนำรัชทายาทให้ส่งฟ่านอวี้กานบุตรชายของฟ่านอวี่ไหวทำหน้าที่ส่งเสบียงอาหารไปยังต้าเหลียง
แม้ภายนอกจะดูเหมือนนางทำเพื่อให้ฟ่านอวี่ไหวติดค้างบุญคุณนาง ทว่า ความจริงหงเหมยอาจร่วมมือกับหลี่หมิงรุ่ยหรือฟ่านอวี่ไหวอยู่ก่อนแล้ว
เดิมทีไป๋จิ่นซิ่วตั้งใจจะให้รัชทายาทส่งคนนำตราประทับของพระองค์มุ่งหน้าไปยังต้าเหลียงก่อนที่ทหารที่คุ้มกันประตูเมืองจะถูกสับเปลี่ยน พี่หญิงใหญ่ของนางจะได้นำทัพกลับมาช่วยเหลือได้อย่างชอบธรรม
ทว่า ผู้ใดจะคิดว่า…
ต่อให้รัชทายาทองค์นี้จะได้ขึ้นครองราชย์ต่อจากจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน เขาก็ไม่มีทางเป็นจักรพรรดิที่ดีได้แน่
ไป๋จิ่นซิ่วเตรียมลุกไปสั่งให้คนไปรายงานรัชทายาทอีกครั้งก็ได้ยินเสียงดังมาจากด้านนอกเสียก่อน ไป๋จิ่นซิ่วรีบลุกขึ้นยืน เมื่อเห็นเฉวียนอวี๋จับมือของรัชทายาทลงมาจากเกี้ยว ไป๋จิ่นซิ่วรีบก้าวไปทำความเคารพทันที
“คารวะองค์รัชทายาทเพคะ”
“ฮูหยินฉินรีบลุกขึ้นเถิด!” รัชทายาทส่งสัญญาณให้เฉวียนอวี๋ไปประคองให้ไป๋จิ่นซิ่วลุกขึ้น จากนั้นเอ่ยถาม “ฮูหยินฉินมาขอพบเราดึกดื่นเพียงนี้เกิดเรื่องอันใดขึ้นอย่างนั้นหรือ”
ไป๋จิ่นซิ่วเงยหน้ามองรัชทายาท จากนั้นกล่าวตรงไปตรงมาอย่างไม่อ้อมค้อม
“องค์ชาย เหลียงอ๋องร่วมมือกับหลี่หมิงรุ่ยและฟ่านอวี่ไหว เกรงว่าพวกเขาจะก่อกบฏแล้วเพคะ”
เมื่อรัชทายาทได้ยินก็นึกว่าตัวเองได้ยินเรื่องตลก เขาหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างอดไม่ได้ “ฟ่านอวี่ไหวคือขุนนางที่มีความดีความชอบที่ช่วยเหลือเสด็จพ่อและเราไว้ในเหตุการณ์กบฏครั้งที่แล้ว หากเจ้าบอกว่าหลี่หมิงรุ่ยคิดกบฏเราอาจเชื่อ ทว่า หากกล่าวว่าฟ่านอวี่ไหวจะกบฏเราไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด มีเรื่องเข้าใจผิดอันใดหรือไม่”
ไป๋จิ่นซิ่วกำมือที่แนบข้างลำตัวแน่น กล่าวกับรัชทายาทเสียงจริงจัง “องค์ชายทรงส่งคนไปจับตาดูจวนเหลียงอ๋องไว้หรือไม่เพคะ องครักษ์ลับได้กลับมารายงานองค์ชายบ้างหรือไม่เพคะว่าหลี่หมิงรุ่ยและฟ่านอวี่ไหวไปที่จวนเหลียงอ๋องคืนนี้”
“ไม่มี…” รัชทายาทก้าวเข้าไปในโถงรับรองด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขารู้สึกว่าไป๋จิ่นซิ่วกังวลในสิ่งที่ไม่ควรกังวล
“องค์ชาย! ท่านย่าของหม่อมฉัน องค์หญิงใหญ่แห่งราชวงศ์ต้าจิ้นมีองครักษ์ลับของราชวงศ์อยู่กลุ่มหนึ่ง หลังเกิดความวุ่นวายที่ประตูอู่เต๋อในครั้งที่แล้ว ฝ่าบาททรงเมตตาปล่อยเหลียงอ๋องไป ท่านย่ากลัวว่าจะเกิดความวุ่นวายขึ้นอีกจึงส่งองครักษ์ลับกลุ่มนี้ไปจับตาดูความเคลื่อนไหวที่จวนเหลียงอ๋องไว้ วันนี้ตอนที่องครักษ์ลับกลุ่มนี้จะออกไปรายงานเรื่องที่หลี่หมิงรุ่ยและฟ่านอวี่ไหวไปที่จวนเหลียงอ๋องให้ท่านย่าของหม่อมฉันทราบที่วัดของราชวงศ์ พวกเขาพบว่าทหารคุ้มกันเมืองถูกสับเปลี่ยน เขาจึงมาบอกให้หม่อมฉันนำเรื่องนี้มาทูลให้องค์ชายทราบ องค์ชายจะได้เตรียมป้องกันเพคะ!” ไป๋จิ่นซิ่วกล่าวอย่างรวดเร็ว
รัชทายาทได้ยินเช่นนี้จึงเริ่มจริงจังขึ้นมา “ทว่า องครักษ์ลับของจวนรัชทายาทไม่ได้กลับมารายงาน…”
[1]ยามอิ๋น เวลาระหว่าง 03.00-05.00 นาฬิกา