ตอนที่ 842 โหดเหี้ยมอำมหิต
ไป๋ฉีเหอเหลือบเห็นบรรดาผู้อาวุโสต่างเม้มปากแน่น ในใจเริ่มไม่มั่นใจกับคำว่า “ไม่เกรงใจ” ของต่งซื่อ ไป๋ฉีเหอจึงรีบกล่าวเสริม “ฮูหยินเชิญกล่าวมาได้เลยขอรับ หากตระกูลบรรพบุรุษไป๋ช่วยได้ พวกเราจะช่วยเต็มที่ขอรับ”
เมื่อตระกูลบรรพบุรุษไป๋เห็นท่าทีของไป๋ฉีเหอ ทุกคนจึงพยักหน้าตาม
ต่งซื่อพยักหน้าเล็กน้อย “แม้ซั่วหยางของพวกเราจะมีกองทัพซั่วหยาง ทว่า กองทัพเหล่านี้สู้กองทัพอย่างเป็นทางการของราชสำนักไม่ได้ ดังนั้นตอนนี้เหลียงอ๋องก่อกบฏในเมืองหลวง พวกเราช่วยเหลือสิ่งใดไม่ได้ ได้แต่ปกป้องตัวเองเท่านั้น”
“บัดนี้เกิดความวุ่นวายขึ้นแล้ว พวกเราทำได้เพียงหาทางปกป้องชาวบ้านเมืองซั่วหยางให้ดีที่สุด บัดนี้องค์หญิงเจิ้นกั๋วและเกาอี้จวิ้นจู่ทำศึกอยู่ที่ต้าเหลียง พวกนางมีกำลังทหารอยู่ในมือจำนวนมาก หากเหลียงอ๋องแย่งชิงบัลลังก์มาครอบครองได้ เขาอาจส่งทหารมาควบคุมตระกูลไป๋ที่ซั่วหยางเอาไว้เพื่อข่มขู่องค์หญิงเจิ้นกั๋วและเกาอี้จวิ้นจู่”
เมื่อต่งซื่อเห็นว่าบรรดาตระกูลบรรพบุรุษไป๋เริ่มคิดหาทางออกให้ตัวเองจึงลอบยิ้มเย็นอยู่ในใจ คนพวกนี้คงกำลังคิดว่าเมื่อกองทัพของเหลียงอ๋องบุกมาถึงซั่วหยาง พวกเขาจะมอบสตรีหม้ายและเด็กพร้าของของตระกูลไป๋ไปให้เหลียงอ๋องแต่โดยดีสินะ
ต่งซื่อกล่าวต่อ “ไม่ปิดบังทุกท่าน เหลียงอ๋องโกรธเกลียดตระกูลไป๋ทั้งตระกูลเข้ากระดูกดำเพราะเหตุการณ์กบฏขององค์ชายรองในปีนั้น เหลียงอ๋องไม่ได้อ่อนแอไร้ความสามารถดั่งที่แสดงให้พวกเราเห็นภายนอก เขาเป็นคนโหดเหี้ยมอำมหิต! เขาเคยประกาศกร้าวว่าจะทำลายตระกูลไป๋เพื่อล้างแค้นให้ได้ หากพวกท่านมีแผนการอื่นในใจก็จงประเมินดูด้วยว่าคอของพวกท่านแข็งพอที่จะรับมีดดาบหรือไม่”
คำกล่าวของต่งซื่อทำเอาผู้อาวุโสคนหนึ่งของตระกูลไป๋รีบลุกขึ้นยืนโค้งกายคำนับต่งซื่อด้วยความตกใจ “ตระกูลไป๋เจริญไปด้วยกัน ตกอับไปด้วยกัน พวกเราจะกล้ามีใจคิดเป็นอื่นได้เช่นไรขอรับ!”
ยังไม่ต้องคิดถึงเรื่องอื่น บัดนี้องค์หญิงเจิ้นกั๋วมีกองกำลังทหารจำนวนมากอยู่ในมือ หากนางกลับมาแล้วรู้ว่าตระกูลบรรพบุรุษไป๋ส่งตัวสตรีและเด็กของจวนไป๋ให้เหลียงอ๋อง ครอบครัวของพวกเขาคงถูกสังหารล้างตระกูลแน่นอน
พวกเขาเคยเห็นวิธีการที่โหดร้ายขององค์หญิงเจิ้นกั๋วมาก่อนแล้ว
“เช่นนั้นก็ดี ข้าอยากให้พวกท่านรับรู้ไว้ว่าหากตอนนี้พวกเราไม่ร่วมแรงร่วมใจกัน เมื่อเหลียงอ๋องบุกเมืองซั่วหยางจะไม่มีผู้ใดรอดชีวิตทั้งสิ้น!” ต่งซื่อกล่าวปนข่มขู่
สิ้นเสียงของต่งซื่อ ฮูหยินห้าฉีซื่อจึงกล่าวขึ้น “ตอนนั้นพวกเราขายสมบัติของตระกูลไป๋เพื่อรวบรวมเงินให้อดีตประมุขไป๋ไปเกือบหมดแล้ว ทว่า โชคดีที่พวกเรายังมีสินเดิมก่อนแต่งงานเหลืออยู่ ก่อนที่ทุกท่านจะมาที่นี่พวกเราปรึกษากับพี่สะใภ้ใหญ่แล้วว่าพวกเราจะเก็บสินเดิมไว้แค่พอเลี้ยงดูลูกๆ ของพวกเรา ส่วนที่เหลือจะบริจาคทั้งหมด ตระกูลบรรพบุรุษไป๋สามารถช่วยเหลือได้มากเท่าใดก็แล้วแต่กำลังของพวกท่านเลย”
“แน่นอนว่า…” ต่งซื่อกล่าวขึ้นช้าๆ “หากทุกคนออกเงินช่วยเหลือตอนที่ซั่วหยางเกิดเรื่องขึ้นในครั้งนี้ องค์หญิงเจิ้นกั๋วต้องตอบแทนพวกท่านอย่างแน่นอน ส่วนจะตอบแทนเช่นไรก็ขึ้นอยู่กับว่าผู้ใดช่วยมากน้อยเพียงใด”
เมื่อบรรดาผู้อาวุโสตระกูลไป๋ได้ยินต่งซื่อกล่าวเช่นนี้ นิ้วของพวกเขาเริ่มขยับทันที
คนฉลาดบางคนลุกขึ้นยืนพลางกล่าวขึ้นก่อน “ฮูหยินไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ พวกเราล้วนเป็นคนของตระกูลไป๋เหมือนกัน หากซั่วหยางเกิดเรื่องขึ้น พวกเราไม่มีทางมองดูอยู่เฉยๆ แน่นอนขอรับ ต่อให้จะต้องล้มละลายพวกเราก็จะช่วยให้ซั่วหยางผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้ขอรับ!”
เมื่อบรรดาผู้อาวุโสตระกูลไป๋เห็นว่ามีคนเริ่มประจบต่งซื่อจึงรีบลุกขึ้นยืนตามเพราะกลัวว่าตัวเองจะตามไม่ทัน “ฮูหยินทุกท่านล้วนเป็นสะใภ้ของตระกูลไป๋ พวกเราจะแตะต้องสินเดิมของฮูหยินได้เช่นไรขอรับ เรื่องพวกนี้ปล่อยให้พวกเราเป็นคนจัดการเถิดขอรับ หากไม่พอจริงๆ ถึงเวลานั้นค่อยใช้สินเดิมของฮูหยินทุกท่านก็ยังไม่สายขอรับ”
เมื่อไป๋ฉีเหอที่เอาแต่นั่งเงียบมาตลอดเห็นดังนี้จึงรีบลุกขึ้นยืนกำหมัดคารวะ “บรรดาผู้อาวุโสกล่าวมีเหตุผลขอรับ ฮูหยินปล่อยให้ตระกูลบรรพบุรุษไป๋ได้ทำสิ่งใดเพื่อซั่วหยางบ้างเถิดขอรับ”
ต่งซื่อลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพยักหน้าน้อยๆ “ก็ได้ เช่นนั้นก็เอาตามความเห็นของประมุขไป๋และผู้อาวุโสทุกท่านเถิด”
คุณหนูห้าไป๋จิ่นเจาที่ยังไม่ได้เปลี่ยนชุดเกราะรีบก้าวไปด้านหน้า สาวน้อยทำความเคารพทุกคนแล้วกล่าวขึ้น “ท่านป้าสะใภ้ใหญ่ บัดนี้พี่หญิงรองยังอยู่ในเมืองหลวง พวกเราต้องหาทางช่วยพี่หญิงรองออกมานะเจ้าคะ”
เมื่อฮูหยินสี่เห็นว่าบุตรสาวของตัวเองแสดงตัวออกมา นางกลัวว่าบุตรสาวจะสร้างปัญหาให้แก่ต่งซื่อจึงรีบกล่าวขึ้น “เสี่ยวอู่ถอยไป! ฟังคำสั่งของป้าสะใภ้ใหญ่เจ้าก็พอแล้ว”
ไป๋จิ่นเจาที่เริ่มโตเป็นสาวคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น จากนั้นคำนับต่งซื่อและฮูหยินสี่หวังซื่อ “ท่านป้าสะใภ้ใหญ่ ท่านแม่ พี่หญิงรองยังอยู่ในเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยอันตราย ลูกยินดีนำทัพไปรับพี่หญิงรองออกมาจากเมืองหลวงเจ้าค่ะ!”
ไป๋ชิงผิงเห็นดังนี้จึงรีบกล่าวขึ้น “คุณหนูห้าอย่าเพิ่งใจร้อนขอรับ ไป๋ชิงผิงคิดว่าเราจะยกทัพไปเมืองหลวงตอนนี้ไม่ได้ขอรับ ประการแรกนี่คือแผนการของเหลียงอ๋อง หากตระกูลไป๋นำทัพไปตอนนี้เท่ากับตระกูลไป๋เป็นกบฏ หากเหลียงอ๋องกบฏขึ้นมาจริงๆ คนที่เขาหวาดกลัวมากที่สุดในตอนนี้ก็คือองค์หญิงเจิ้นกั๋วที่มีกำลังทหารอยู่ในมือและรบไม่เคยพ่ายแพ้ขอรับ”
“ดังนั้นต่อให้เหลียงอ๋องจะโชคดีจับคุณหนูรองได้ อย่างน้อยก่อนที่องค์หญิงเจิ้นกั๋วจะกลับมาถึงเมืองหลวง คุณหนูรองก็จะยังปลอดภัยอยู่ขอรับ เหลียงอ๋องต้องใช้ชีวิตของคุณหนูรองข่มขู่องค์หญิงเจิ้นกั๋วแน่ขอรับ! บางทีเขาอาจส่งคนมาจับตัวตระกูลไป๋และตระกูลบรรพบุรุษไป๋ที่ซั่วหยางเพื่อข่มขู่องค์หญิงเจิ้นกั๋วอีกด้วยขอรับ” ไป๋ชิงผิงกล่าวอย่างไม่รีบร้อน เมื่อครู่ตอนที่รับรู้ข่าวเขาก็เริ่มคิดถึงความเป็นไปได้ในการนำทัพไปช่วยเหลือไป๋จิ่นซิ่วที่เมืองหลวงแล้ว “คุณหนูห้าไม่เคยมีประสบการณ์การออกรบจริง หากนำทัพไปยังเมืองหลวงแล้วถูกกองกำลังรักษาพระองค์จับตัวได้ขึ้นมาเท่ากับเป็นการส่งตัวประกันไปให้เหลียงอ๋องใช้ข่มขู่องค์หญิงเจิ้นกั๋วเพิ่มอีกนะขอรับ!”
ไป๋จิ่นหวาฝาแฝดของไป๋จิ่นเจาเงยหน้ามองไปทางไป๋ชิงผิง “ทายาทตระกูลไป๋ยอมตาย ทว่า จะไม่ยอมตกเป็นตัวประกันเด็ดขาด เหมือนที่ท่านลุงใหญ่ของข้ายิงธนูสังหารพี่ชายทั้งห้าเพื่อไม่ให้คุณชายตระกูลไป๋ตกเป็นตัวประกันข่มขู่กองทัพไป๋! ไม่ให้ทหารซีเหลียงย่ำยีคุณชายไป๋จนกองทัพไป๋เสียขวัญ!”
นี่คือเหตุผลที่ไป๋จิ่นเจารีบร้อนอยากไปช่วยเหลือไป๋จิ่นซิ่วที่เมืองหลวง ทายาททุกคนของตระกูลไป๋ที่เคยไปออกรบในสนามรบจริงล้วนรู้ดีว่าหากวันใดพวกเขาถูกจับเป็นได้ พวกเขาต้องเสียสละเพื่อส่วนรวม
ไป๋ชิงผิงรีบกำหมัดคารวะไป๋จิ่นเจา “หากวาจาของไป๋ชิงผิงล่วงเกินคุณหนูห้าไปบ้าง คุณหนูห้าได้โปรดอย่าถือสาเลยนะขอรับ!”
“ข้าเคยได้ยินท่านพ่อเล่าว่า…” ไป๋ชิงผิงมองไปทางไป๋ฉีเหอ “ตอนนั้นคุณหนูรองเคยติดตามเจิ้นกั๋วอ๋องไปออกรบเช่นเดียวกัน นางเป็นคนรอบคอบและชาญฉลาดคงไม่มีทางถูกเหลียงอ๋องจับตัวได้ง่ายๆ หรอกขอรับ ที่สำคัญตอนนั้นคุณหนูรองให้คนพาฮูหยินสองและบุตรชายหนีออกมาจากเมืองหลวงได้ แสดงว่าตอนนั้นคุณหนูรองมีโอกาสหนีออกมา ทว่า นางเลือกที่จะไม่ยอมหนีออกมาเพราะจุดประสงค์บางอย่าง ดังนั้นไป๋ชิงผิงคิดว่าสิ่งที่เราควรทำในตอนนี้คือคุ้มกันเมืองซั่วหยางให้ดี ไม่ให้ตระกูลไป๋ทั้งตระกูลกลายเป็นภาระขององค์หญิงเจิ้นกั๋วขอรับ”
“พี่หญิงห้า ไป๋ชิงผิงกล่าวถูกแล้ว” ไป๋จิ่นหวาเดินไปหยุดอยู่ข้างกายไป๋จิ่นเจา จากนั้นพยุงพี่สาวลุกขึ้นมา “ข้ารู้ว่าพี่เป็นห่วงพี่หญิงรอง ทว่า พวกเราทุกคนล้วนมีหน้าที่ของตัวเอง พี่หญิงใหญ่มีหน้าที่ของนาง พี่หญิงรองก็เช่นกัน หน้าที่ของพวกเราคือคุ้มกันเมืองซั่วหยาง ปกป้องบรรดาท่านป้าและท่านอาสะใภ้ของพวกเราให้ดี”
ไป๋จิ่นเจากัดปากแน่นพลางพยักหน้าลงช้าๆ “จิ่นเจา…จะทำตามคำสั่งของท่านป้าสะใภ้ใหญ่เจ้าค่ะ”
วันที่ยี่สิบเจ็ด เดือนสาม รัชศกเซวียนเจียปีที่สิบแปด องค์หญิงใหญ่ที่ไปบำเพ็ญเพียรขอพรให้แคว้นต้าจิ้นที่วัดชิงอันเดินทางกลับมาถึงเมืองหลวง บรรดาภรรยาของขุนนางนางมาขอให้องค์หญิงใหญ่ช่วยคุ้มครอง เหลียงอ๋องนำทัพไปล้อมจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋วเอาไว้ ขอร้องให้องค์หญิงใหญ่ช่วยให้ตนได้ขึ้นครองบัลลังก์