ตอนที่ 844 ตรงไปยึดวังหลวง
“องค์หญิงเจิ้นกั๋ว!” หยางอู่เช่อขี่ม้าตรงเข้ามาหาไป๋ชิงเหยียน เขากำหมัดคารวะหญิงสาวพลางกล่าวขึ้น “พวกเราจับตัวขันทีนามว่าเว่ยจงที่อ้างตัวเป็นบ่าวรับใช้ของจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋วได้พ่ะย่ะค่ะ เขากล่าวว่าต้องการพบองค์หญิงเจิ้นกั๋ว กระหม่อมคิดว่าเขาใกล้ไม่รอดแล้วพ่ะย่ะค่ะ ไม่ทราบว่าใช่คนขององค์หญิงเจิ้นกั๋วจริงหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
เว่ยจง! เหตุใดเว่ยจงจึงมาที่นี่กัน
ท่านย่าส่งเขามาบอกให้นางกลับไปช่วยเหลือรัชทายาทอย่างนั้นหรือ
ไป๋ชิงเหยียนขมวดคิ้วแน่น หญิงสาวปล่อยบังเหียนม้าในมือแล้วลงมาจากหลังม้า จากนั้นเอ่ยถาม “คนอยู่ที่ใด”
หยางอู่เช่อลงจากหลังม้าตามเช่นเดียวกัน จากนั้นตะโกนไปด้านหลังเสียงดังลั่น “พาคนเข้ามา!”
ไป๋ชิงเหยียนมองเห็นทหารสองนายลากเว่ยจงที่ผอมซูบ ไม่มีแม้แต่แรงจะเดินเข้ามาจึงรีบสาวเท้าเข้าไปใกล้
“นาย…นายหญิง” เว่ยจงเหมือนจะเห็นไป๋ชิงเหยียนลางๆ ริมฝีปากที่แห้งกรังของเขาขยับเล็กน้อย
เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนเดินเข้ามา ทหารสองนายที่จับร่างของเว่ยจงไว้รีบปล่อยร่างของเว่ยจงลง พวกเขากำหมัดคารวะหญิงสาวแล้วถอยไปยืนอยู่ด้านข้าง
เว่ยจงคุกเข่าอยู่บนพื้น เขารู้สึกว่าสมองหนักอึ้ง ขาอ่อนแรง ร่างทั้งร่างโซเซไปมา “นายหญิง เหลียงอ๋องร่วมมือกับเสนาบดีฝ่ายซ้ายหลี่เม่าและหัวหน้ากองกำลังรักษาพระองค์ฟ่านอวี๋ไหวก่อกบฏหวังใส่ร้ายว่าองค์รัชทายาทสังหารบิดาของตัวเองพ่ะย่ะค่ะ บ่าวได้รับคำสั่งให้แพร่กระจายข่าวนี้ไปให้ทั่ว บัดนี้ทุกคนในต้าจิ้นน่าจะรับรู้เรื่องนี้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เว่ยจงกล่าวจบก็สลบไปทันที ไป๋ชิงเหยียนรีบก้าวเข้าไปพยุงเว่ยจง หญิงสาวจึงเห็นว่าเว่ยจงผอมจนแทบเหลือแต่กระดูก
“ผู้ใดก็ได้มาแบกเขาไปพักที ตามท่านหมอหงมาดูอาการให้เขาด้วย!” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว
เว่ยจงมาที่นี่คนเดียว ระหว่างทางต้องคอยแพร่กระจายข่าวไปด้วย ทว่า เขากลับมาถึงเกือบพร้อมๆ กับองครักษ์ลับเหล่านั้นแสดงให้เห็นว่าฝีมือของเว่ยจงไม่ธรรมดา
“รายงาน…เกาอี้จวิ้นจู๋ทำลายประตูเมืองทิศตะวันออกแตกแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้กำลังนำทัพทหารสามพันนายบุกไปยังวังหลวงพ่ะย่ะค่ะ” สายลับจากด่านหน้าผลัดกันเข้ามารายงานสถานการณ์รบไม่หยุดหย่อน
ไป๋ชิงเหยียนรีบขึ้นไปบนหลังม้าทันทีโดยไม่รอช้า จากนั้นกล่าวกับหยางเวยเสียงดังลั่น “ให้ทหารพักอยู่กับที่ แม่ทัพหยางอู่เช่อรีบตามข้าไปพบแม่ทัพหลิวหง”
“ขอรับ!” หยางเวยกำหมัดรับคำ
“เตรียมรถม้าสองคัน ส่งองครักษ์ลับและเว่ยจงที่มาส่งข่าวให้ข้าเมื่อครู่ไปยังประตูทิศใต้ของเมืองหาน!” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจบจึงขี่ม้าทะยานจากไปทันที
หยางอู่เช่อกำชับให้หยางเวยทำตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว จากนั้นนำพลทหารม้ากลุ่มหนึ่งขี่ม้าตามหลังไป๋ชิงเหยียนไป
เว่ยจงคือขันทีข้างกายขององค์หญิงใหญ่ ถ้อยคำของเขามีความน่าเชื่อถือว่าองครักษ์ลับของราชวงศ์ที่เพิ่งสวามิภักดิ์กับไป๋ชิงเหยียนมาก
บัดนี้ไป๋จิ่นซิ่วยังอยู่ในเมืองหลวง วันนี้สถานการณ์ทั้งหมดในต้าเหลียงคงสงบลงได้ นางจะให้ไป๋จิ่นจื้อนำกำลังทหารอยู่ควบคุมดูแลต้าเหลียงที่เพิ่งยึดได้ให้เรียบร้อย ส่วนนางและหลิวหงจะนำทัพกลับไปยังต้าจิ้นก่อน
มีเพียงการทำเช่นนี้เท่านั้นสงครามที่ทำกับต้าเหลียงมาทั้งหมดจึงจะไม่สูญเปล่า มิเช่นนั้นหากนางและไป๋จิ่นจื้อกลับไปต้าจิ้นทั้งคู่ เมื่อตระกูลไป๋ก่อกบฏ หลิวหงที่มีกองกำลังทหารอยู่ในมือและจงรักภักดีต่อฮ่องเต้เป็นอย่างมากอาจนำทัพกลับไปปกป้องอำนาจของราชวงศ์หลินทุกวิถีทาง
ทว่า หากหลิวหงกลับไปพร้อมนาง นางมีเวลามากพอที่จะโน้มน้าวหลิวหง ถึงแม้สุดท้ายแล้วหลิวหงจะยังเลือกปกป้องราชวงศ์หลิน อย่างน้อยนางจะได้ควบคุมหลิวหงได้โดยที่สูญเสียน้อยที่สุด
ดังนั้นคนที่จะต้องอยู่ที่ต้าเหลียงต่อก็คงมีเพียงไป๋จิ่นจื้อเท่านั้น
กองทัพของหลิวหงกำลังโจมตีประตูทิศใต้ของเมืองหาน
คงเป็นเพราะได้ยินว่าเกาอี้จวิ้นจู่ทำลายประตูเมืองทิศตะวันออกของเมืองหานและบุกเข้าไปในเมืองได้แล้ว กองทัพขององค์หญิงเจิ้นกั๋วเดินทางมาถึงแล้วเช่นกัน เมื่อเห็นแล้วว่าต้าเหลียงคงดับสูญแน่ แม่ทัพหลิวหงจึงนั่งดื่มชาอยู่ในกระโจมด้านหลังอย่างสบายใจ
เมื่อได้ยินว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วมาถึงแล้ว หลิวหงรีบเดินออกมาต้อนรับหญิงสาวจากกระโจมทั้งตั้งขึ้นชั่วคราว
เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนกระชากม้าให้หยุดลง หลิวหงจึงก้าวไปด้านหน้าพลางส่งยิ้มให้ราวกับกำลังมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้น “องค์หญิงเจิ้นกั๋ว”
ไป๋ชิงเหยียนเดินเข้าไปหาหลิวหงสองสามก้าว จากนั้นยกมือคารวะหลิวหงพลางกล่าวขึ้น “ใต้เท้าหลิว เมืองหลวงเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว! เหลียงอ๋องร่วมมือกับหลี่เม่าและฟ่านอวี๋ไหวก่อกบฏ หวังใส่ร้ายว่าองค์รัชทายาทสังหารบิดาของตัวเอง จากนั้นสังหารฝ่าบาทและองค์รัชทายาทเพื่อขึ้นครองราชย์เอง”
หลิวหงหน้าเปลี่ยนสีทันที “เป็นไปได้อย่างไรกัน…เหลียงอ๋อง…”
“น้องหญิงสองของข้าส่งองครักษ์ลับมารายงานข้า ต่อมาขันทีเว่ยจงข้างกายของท่านย่าข้าก็เดินทางมารายงานข่าวนี้เช่นเดียวกัน!” ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางหยางอู่เช่อ “ตอนนั้นแม่ทัพหยางอู่เช่อก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย แม่ทัพหลิวสอบถามดูได้ หยางเวยกำลังเตรียมรถม้าส่งองครักษ์ลับและเว่ยจงมาที่นี่แล้ว! ทว่า ข้าคิดว่าพวกเราไม่ควรรอช้า เราควรรีบกลับไปยังเมืองหลวงโดยเร็วที่สุด หากกลับไปเร็วเท่าใดก็มีโอกาสช่วยฝ่าบาทและรัชทายาทได้มากเท่านั้น!”
ข่าวจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัว สมองของหลิวหงสับสนไปหมด “ทว่า ข่าวเชื่อได้แน่หรือพ่ะย่ะค่ะ บัดนี้เรายังยึดต้าเหลียงไม่ได้อย่างสมบูรณ์ ต่อให้ยึดได้แล้วก็ยังมีเรื่องต้องจัดการภายหลังอีกมากมาย!”
“ไม่ปิดบังแม่ทัพหลิว ความจริงข้าตั้งใจจะให้แม่ทัพหลิวอยู่จัดการเรื่องที่นี่ต่อ ส่วนข้านำทัพกลับไปช่วยเหลือฝ่าบาทและรัชทายาท ทว่า แม่ทัพหลิวก็รู้สภาพร่างกายของข้าดี ข้าไม่รู้ว่าจะล้มลงเมื่อใด เสี่ยวซื่ออายุยังน้อย ไม่ได้มีอำนาจในกองทัพมากเท่าแม่ทัพหลิว หากข้าและเสี่ยวซื่อนำทัพกลับไปช่วยเหลือ ฝ่าบาทอาจทรงหวาดระแวงได้ ข้าจึงทำได้เพียงมาขอให้แม่ทัพหลิวยกทัพกลับไปช่วยเหลือฝ่าบาทพร้อมกับข้า” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว
ไป๋ชิงเหยียนไม่ปิดบังเรื่องที่นางรู้ว่าจักรพรรดิต้าจิ้นหวาดระแวงนาง นางกล่าวกับหลิวหงอย่างตรงไปตรงมา หลิวหงคือแม่ทัพที่จักรพรรดิต้าจิ้นค่อนข้างไว้ใจ ตอนเดินทางมาออกรบที่ต้าเหลียงครั้งแรก จักรพรรดิต้าจิ้นก็บอกเขาอย่างชัดเจนแล้วว่าจักรพรรดิต้าจิ้นต้องการใช้งานไป๋ชิงเหยียน ทว่า ไม่เชื่อใจนาง
บัดนี้หลิวหงเชื่อว่าไป๋ชิงเหยียนจงรักภักดีต่อรัชทายาทจริงๆ หากพิจารณาในมุมของขุนนาง หากต้องการให้การยกทัพกลับไปช่วยเหลือจักรพรรดิต้าจิ้นและรัชทายาทสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีจริงๆ จะปล่อยให้ไป๋ชิงเหยียนกลับไปพร้อมกับไป๋จิ่นจื้อสองคนไม่ได้เด็ดขาด
“กระหม่อมเข้าใจความหมายขององค์หญิงเจิ้นกั๋วแล้วพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะให้รองแม่ทัพของกระหม่อมนำทัพสองหมื่นนายกลับไปเสริมทัพที่ต้าจิ้นก่อน! จากนั้นสั่งให้ทหารบุกโจมตีเมืองหานเต็มกำลัง เมื่อยึดต้าเหลียงได้เมื่อใด พวกเราค่อยยกทัพตามไปทีหลังดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” หลิวหงกล่าว
“ไป๋จิ่นจื้อบุกเข้าไปในเมืองหานทางประตูทิศตะวันออกแล้ว…” ไป๋ชิงเหยียนหันไปสั่ง “ถ่ายทอดคำสั่งให้จ้าวเซิ่งและจ้าวหร่านโจมตีเมืองทันที! ต้องรับยึดเมืองหานให้ได้โดยเร็วที่สุด”
ภายในเมืองหาน ไป๋จิ่นจื้อในชุดเกราะที่เปื้อนไปด้วยเลือดบุกเข้าไปในวังหลวงโดยขี่ม้าเร็วนำอยู่ด้านหน้าสุดของขบวน สาวน้อยตะโกนโดยไม่ได้หันกลับไปมองทางด้านหลัง “ห้ามทหารทุกคนทำร้ายชาวบ้านแม้แต่น้อย ตรงไปยึดเมืองหลวงทันที บุก!”
“บุก!”
เสียงตะโกนร้องของทหารดังสนั่นไปทั่วเมืองหาน
ชาวบ้านเมืองหานต่างหลบอยู่ในจวนของตัวเอง ทุกจวนปิดหน้าต่างและประตูสนิท ครอบครัวที่มีเด็กน้อย พ่อแม่จะกอดพวกเขาไว้แนบอกพลางปิดปากของพวกเขาแน่น กลัวว่าเสียงร้องของเด็กจะดึงดูดความสนใจของเหล่าทหารแล้วพวกเขาจะเดือดร้อนทั้งครอบครัว
ภายในวังหลวงของต้าเหลียง บรรดาขุนนางใหญ่รวมตัวกันอยู่กลางท้องพระโรงใหญ่ บางคนเสนอว่าควรออกไปรบจนตัวตาย บางคนเสนอว่าควรออกไปยอมจำนน สองฝ่ายโต้เถียงกันไม่หยุด จักรพรรดิต้าเหลียงโมโหจนนอนซมอยู่บนเตียง เมื่อได้ยินว่าเกาอี้จวิ้นจู่ทำลายประตูเมืองทิศตะวันออกแล้วบุกมาในเมืองได้แล้วก็โหโมหน้าแดงก่ำจนสลบไปอีกครั้ง หมอหลวงรีบเข้าไปดูอาการ
เมื่อได้ยินว่าเกาอี้จวิ้นจู่นำทัพบุกตรงเข้ามาในเมืองแล้ว อัครมหาเสนาบดีชราแห่งต้าเหลียงคลายความสงสัยที่มีอยู่ในใจทันที…