ตอนที่ 849 ขุนนางและชาวบ้านต่อต้าน
ทว่า ยากก็ส่วนยาก ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางสร้างหอบูชาเก้าชั้นให้สำเร็จภายในสิบวันได้
ขอเพียงออกคำสั่งว่าหากไม่ทำตามจะถูกลงโทษอย่างหนักก็สิ้นเรื่อง ชาวบ้านเป็นเพียงมดตัวน้อย ผู้นำกล่าวสิ่งใดพวกเขาต้องทำตามนั้นอยู่แล้ว
เมื่อเหลียงอ๋องเห็นหลี่หมิงรุ่ยพยักหน้าให้เขาตอบตกลงเสด็จพ่อ เหลียงอ๋องจึงตอบรับ “ลูกจะจัดการสองเรื่องนี้ให้เรียบร้อยภายในสิบวันพ่ะย่ะค่ะ!”
“ดี!” จักรพรรดิต้าจิ้นพยักหน้า เขามองหน้าเหลียงอ๋องนิ่งพลางเอ่ยเรียก “เกาเต๋อเม่า…”
เกาเต๋อเม่ารีบเดินไปด้านหน้า “บ่าวอยู่นี่พ่ะย่ะค่ะ”
“ประกาศจับตัวองค์รัชทายาทในข้อหากบฏ นับจากนี้มอบหมายงานในราชสำนักให้เหลียงอ๋องดูแลทั้งหมด”
ใจของเกาเต๋อเม่าเต้นรัว เขานึกไม่ถึงเลยว่าจักรพรรดิต้าจิ้นจะทอดทิ้งองค์รัชทายาทอย่างง่ายดายเช่นนี้
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ” เหลียงอ๋องก้มศีรษะคำนับขอบคุณ
“อย่าลืมนะว่าอีกสิบวันเราต้องได้หอบูชาเก้าชั้นและเด็กชายหญิงครบหนึ่งพันคน ถึงเวลานั้นเราจะสละบัลลังก์ให้เจ้าแล้วหันไปตั้งใจปรุงยาวิเศษอย่างเต็มที่” จักรพรรดิต้าจิ้นกล่าวจบแล้วกล่าวเสริมขึ้นมาอีก “ให้เซี่ยอวี่จั่งและฝูรั่วซีมาคุ้มกันตำหนักเราเอาไว้”
เหลียงอ๋องเห็นจักรพรรดิต้าจิ้นสะบัดชายชุดเดินจากไป เขารีบก้มศีรษะคำนับ “พ่ะย่ะค่ะ…”
หลี่หมิงรุ่ยเดินตามหลังเหลียงอ๋องออกมาจากตำหนัก เขามองดูหลังคาของวังหลวงที่สว่างเรืองรองจากแสงแดดที่ส่องกระทบ มองดูเสาหินเคลือบน้ำมันสีแดงแกะสลักลายดอกบัวต้นใหญ่ เขากำมือที่ไขว้อยู่ทางด้านหลังแน่น
อีกไม่นานหรอก ขอเพียงเหลียงอ๋องได้ขึ้นครองราชย์ ขอเพียงเหลียงอ๋องลบล้างมลทินให้องค์ชายรอง ได้ เมื่อนั้นจดหมายในมือขององค์หญิงเจิ้นกั๋วก็จะไม่มีประโยชน์อีกต่อไป ที่สำคัญเมื่อเหลียงอ๋องได้ขึ้นครองราชย์ สิ่งแรกที่เหลียงอ๋องจะทำก็คือกำจัดองค์หญิงเจิ้นกั๋ว กระทั่งกวาดล้างตระกูลไป๋ทั้งตระกูลเพื่อแก้แค้นให้องค์ชายรอง
ถึงเวลานั้นตระกูลไป๋จะกลายเป็นเรื่องเล่าขานที่ถูกบันทึกอยู่ในประวัติศาสตร์เท่านั้น จดหมายในมือขององค์หญิงเจิ้นกั๋วจะกลายเป็นสิ่งไร้ค่าขึ้นมาทันที ผู้ใดจะจำมันได้อีก
ไป๋จิ่นซิ่วเพิ่งได้รับรายงานว่าจักรพรรดิต้าจิ้นสั่งให้เซี่ยอวี่จั่งและฝูรั่วซีออกไปเชิญเหลียงอ๋องเข้าไปในวังหลวง ไม่นานราชโองการของจักรพรรดิต้าจิ้นก็ถูกประกาศออกมา หลู่เซียงขัดขวางราชโองการจึงถูกจับขังคุก จักรพรรดิต้าจิ้นประกาศยกเลิกตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีซ้ายขวา สร้างคณะรัฐมนตรีขึ้นมาแทน
นอกจากนี้ยังมีราชโองการประกาศจับตัวองค์รัชทายาทในข้อหากบฏ มอบหมายงานในราชสำนักทั้งหมดให้เหลียงอ๋องเป็นคนดูแล ต่อมาก็คือแต่งตั้งให้อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายหลี่เม่าดำรงตำแหน่งหัวหน้าคณะรัฐมนตรี เพื่อแสดงให้บรรดาขุนนางทั้งหลายได้เห็นความเมตตาของจักรพรรดิ
ต่อมาราชโองการอีกหลายฉบับก็ตามมาเรื่อยๆ …
จักรพรรดิต้าจิ้นและเหลียงอ๋องสั่งให้กรมโยธาเร่งสร้างหอบูชาเก้าชั้นให้เสร็จภายในสิบวัน
จากนั้นมอบหมายเรื่องหาตัวเด็กหญิงและเด็กชายจำนวนหนึ่งพันคนให้ทางการของเมืองต่างๆ เงื่อนไขคือต้องเป็นเด็กหญิงและเด็กชายที่อายุระหว่างห้าถึงสิบปีที่มาจากตระกูลสะอาดบริสุทธิ์ ต้องส่งเด็กทั้งหมดมายังเมืองหลวงภายในวันที่สิบสาม เดือนห้า หากครอบครัวใดไม่ยอมมอบเด็กที่ตรงตามเงื่อนไขให้ทางการ ให้สังหารทิ้งทั้งครอบครัวและเพื่อนบ้านละแวกใกล้เคียง
การสร้างหอบูชาเก้าชั้นมีการเกณฑ์บุรุษร่างกายกำยำที่อยู่ใกล้เมืองหลวงไม่เกินหนึ่งร้อยลี้ให้เดินทางไปยังหอบูชาเก้าชั้นภายในสามวันนับตั้งแต่ได้รับราชโองการ ผู้ใดมาไม่ทันกำหนดเวลาหรือจงใจหลบหนีให้สังหารทิ้งทั้งตระกูล
การกระทำที่โหดร้ายรุนแรง เห็นชาวบ้านเป็นวัวควายเช่นนี้ อำนาจของราชวงศ์หลินควรจบสิ้นลงได้แล้ว
ไป๋จิ่นซิ่วนั่งอยู่ใต้ต้นจื่อเถิง[1]ในสวนด้านหลังของร้านขายเครื่องประทินโฉมซึ่งเป็นสินเดิมของหลิวซื่อ เมื่อหญิงสาวได้รับรายงานข่าวนี้ นอกจากจะรู้สึกโกรธแค้นแล้ว หญิงสาวยังรู้สึกว่าราชวงศ์หลินกำลังสร้างเวรกรรมทำร้ายตัวเอง โดยเฉพาะเรื่องที่เหลียงอ๋องบังคับให้ทางการรวบรวมเด็กชายและเด็กหญิงจำนวนหนึ่งพันคนให้ครบภายในสิบวันเช่นนี้ ต้าจิ้นต้องเกิดความไม่สงบขึ้นอย่างแน่นอน
ก่อนหน้านี้พี่หญิงใหญ่ให้นางแพร่กระจายข่าวเรื่องที่จักรพรรดิต้าจิ้นต้องการเด็กเหล่านี้ไปปรุงยาวิเศษออกไปแล้ว หากทางการใช้วิธีรุนแรงแย่งชิงตัวเด็กเหล่านั้นมาจากครอบครัวของพวกเขาเพื่อส่งไปให้เหลียงอ๋องภายในสิบวันตามที่ได้รับคำสั่งจริงๆ เท่ากับเป็นการบีบให้ขุนนางและชาวบ้านทุกคนออกมาต่อต้าน
นางไม่จำเป็นต้องยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือใดๆ ทั้งสิ้น หากพี่หญิงใหญ่จะโค้นล้มราชวงศ์หลินในตอนนี้ พี่หญิงใหญ่สามารถทำมันได้ราบรื่นและชอบธรรมที่สุด
ทว่า ต่อให้เป็นเช่นนี้ไป๋จิ่นซิ่วก็ต้องเตรียมทุกอย่างให้พร้อมเพื่อป้องกันไว้ก่อนอยู่ดี
ไป๋จิ่นซิ่วนึกถึงราชโองการลับของจักรพรรดิต้าจิ้นที่อยู่ในมือของนางขึ้นมา หญิงสาวหลับตาครุ่นคิด…หากจะใช้ราชโองการลับฉบับนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด หญิงสาวต้องทำให้เมืองหลวงแห่งนี้วุ่นวายจนถึงที่สุด ให้เหลียงอ๋องและองค์รัชทายาทพ่ายแพ้ยับเยินทั้งคู่ในตอนที่พี่หญิงใหญ่ของนางใกล้จะถึงเมืองหลวง
“คุณหนูรอง…” หลัวหมัวมัวเดินเข้ามาด้านใน ทำความเคารพไป๋จิ่นซิ่วแล้วกล่าวขึ้น “บัดนี้กองกำลังรักษาพระองค์ในมือของแม่ทัพเซี่ยอวี่จั่งถูกเหลียงอ๋องยึดไปแล้วเจ้าค่ะ เหลียงอ๋องส่งทหารมากมายออกมาตามจับตัวองค์รัชทายาท อ้างว่าคือคำสั่งจากฝ่าบาทเจ้าค่ะ หัวหน้ากองกำลังรักษาพระองค์ทุกกองชูธงคำสั่งออกมาตามหาตัวคุณหนูรองและองค์รัชทายาททั่วเมืองหลวงเลยเจ้าค่ะ”
“ข้าทราบแล้ว หมัวมัวไม่ต้องเป็นห่วง ข้ามีแผนแล้ว” ไป๋จิ่นซิ่วกล่าวปลอบหลัวหมัวมัว จากนั้นสั่งงานให้หลัวหมัวมัวทำ เมื่อหลัวหมัวมัวมีงานทำจะได้ไม่ต้องคิดมาก
เมื่อเห็นหลัวหมัวมัวรับคำและรีบเดินไปยังโรงครัว ไป๋จิ่นซิ่วจึงลุกขึ้นมาจากเก้าอี้หิน จากนั้นตะโกนขึ้น “ผู้ใดก็ได้!”
องครักษ์ลับปรากฏตัวขึ้นทันที
“เมื่อฟ้ามืดลงจงพาคนออกไปจากเมืองหลวง จากนั้นไปเล่าเรื่องความโหดร้ายรุนแรงของราชวงศ์ฉินที่มีต่อชาวบ้านในแคว้นและเหตุผลการปฏิวัติของเฉินเซิ่งและอู๋กว่างให้บรรดาชาวบ้านที่อยู่ห่างออกไปประมาณหนึ่งร้อยลี้ฟัง ข่าวยิ่งแพร่กระจายไปมากเท่าใดยิ่งดี หากจำเป็นจริงๆ พวกเจ้าจงแฝงตัวไปอยู่ในกลุ่มชาวบ้านที่จะเดินทางไปสร้างหอบูชาเก้าชั้น จากนั้นรวบรวมชาวบ้านร่วมกันก่อกบฏราชวงศ์หลิน!”
องครักษ์ลับเงยหน้ามองไป๋จิ่นซิ่วอย่างตกใจกับคำกล่าวของหญิงสาว
เขาเห็นไป๋จิ่นซิ่วมองมาทางเขาด้วยแววตาคมกริบและดุดัน “ที่ครั้งนี้ข้ามอบหมายเรื่องนี้ให้องครักษ์ลับตระกูลไป๋อย่างเจ้าทำโดยไม่เรียกใช้องครักษ์ลับของราชวงศ์ที่ท่านย่ามอบไว้ให้เพราะเจ้าคือคนของตระกูลไป๋ ราชวงศ์หลินเสื่อมโทรมถึงเพียงนี้แล้ว พวกเขาเห็นชีวิตชาวบ้านเป็นเพียงผักปลา ตระกูลไป๋ของพวกเราปกป้องชาวบ้านมาทุกรุ่น เราจะไม่มีทางทนดูราชวงศ์รังแกชาวบ้านอย่างโหดร้ายเช่นนี้แน่นอน!”
องครักษ์ลับรับใช้ตระกูลไป๋มานานหลายปี เขารู้คุณธรรมของตระกูลไป๋ดี เขามองเห็นการกระทำเลวร้ายของราชวงศ์หลินอย่างชัดเจน เมื่อรู้ว่าตระกูลไป๋จะกบฏ เขาจึงรีบกำหมัดรับคำอย่างไม่รอช้า “ขอรับ!”
เมื่อองค์รัชทายาทที่กำลังดื่มน้ำชาอยู่ในจวนของเริ่นซื่อเจี๋ยรับรู้ข่าวเรื่องที่จักรพรรดิต้าจิ้นสั่งให้เซี่ยอวี่จั่งเชิญเหลียงอ๋องเข้าไปในวัง จากนั้นมีราชโองการจับตัวเขาในฐานะกบฏ เขาตกใจจนถ้วยชาในมือหล่นแตก
ต่อมามีข่าวอีกมากมายส่งกลับมาไม่หยุดหย่อน…จักรพรรดิต้าจิ้นปลดหลู่เซียงออกจากตำแหน่ง เหลียงอ๋องจัดตั้งคณะรัฐมนตรีได้สำเร็จโดยหลี่เม่าขึ้นเป็นหัวหน้าคณะรัฐมนตรี
ต่อมาได้ยินว่าจักรพรรดิต้าจิ้นต้องการสร้างหอบูชาเก้าชั้นให้เสร็จภายในสิบวัน อีกทั้งสั่งให้ทางการของเมืองต่างๆ รวบรวมเด็กชายและเด็กหญิงจำนวนหนึ่งพันคนให้ครบภายในสิบวัน
องค์รัชทายาทรับรู้ในทันทีว่าเขาถูกเสด็จพ่อทอดทิ้งแล้ว กลายเป็นอดีตองค์รัชทายาทแล้ว
องค์รัชทายาทอยู่กับจักรพรรดิต้าจิ้นมานาน เขารู้จักเสด็จพ่อของเขาคนนี้ดี เสด็จพ่อของเขาอยากสร้างหอบูชาเก้าชั้น อยากมีชีวิตที่เป็นอมตะจนกลายเป็นบ้าไปแล้ว
ดังนั้นจักรพรรดิต้าจิ้นคงกลัวว่าหากความวุ่นวายในเมืองหลวงยืดเยื้อต่อไปเรื่อยๆ จะกระทบถึงการสร้างหอบูชาเก้าชั้นของเขา ทำให้เขาไม่ได้มีชีวิตที่ยืนยาวเสียที เขาจึงใช้บัลลังก์และชีวิตขององค์รัชทายาทอย่างเขาเป็นข้อแลกเปลี่ยนกับเหลียงอ๋อง
ครั้งนี้แม้องค์รัชทายาทอยากจะหาข้ออ้างมาปลอบใจตัวเอง ทว่า เขาหาไม่เจอแม้แต่ข้อเดียว
“องค์ชาย…” เริ่นซื่อเจี๋ยมองเห็นท่าทีหมดอาลัยตายอยากขององค์รัชทายาทจึงกล่าวปลอบ “บางทีฝ่าบาทอาจทำไปเพื่อซ้อนแผนเหลียงอ๋องก็ได้นะพ่ะย่ะค่ะ”
“เสด็จพ่อของเรา เรารู้จักเขาดี…” องค์รัชทายาทกล่าวเสียงแหบพร่า “เริ่นเซียนเซิงไม่ต้องปลอบใจเราหรอก เรารู้ดีว่าเราถูกเสด็จพ่อทอดทิ้งแล้ว!”
[1] ต้นจื่อเถิง หรือต้นวิสทีเรีย เป็นต้นไม้ที่มีดอกดก กลิ่นหอม มีหลากหลายสายพันธุ์ แต่ละชนิดก็จะมีสีแตกต่างกันออกไป มีตั้งแต่สีม่วงเข้ม ม่วงอ่อน ชมพู ไปจนถึงสีขาว