ตอนที่ 850 แผนรับมือ
“องค์ชายจะมองเรื่องทุกอย่างในแง่ร้ายเช่นนี้ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ…” เริ่นซื่อเจี๋ยไม่รู้จะโน้มน้าวรัชทายาทเช่นไรดี น้ำเสียงของเขาอ่อนแรงยิ่งนัก
“บัดนี้เสด็จพ่อทรงคิดถึงแต่เรื่องการปรุงยาวิเศษ เรื่องอายุยืน โอรสไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับเขาอีกต่อไป เสด็จพ่อไม่ต้องการโอรสอย่างเราแล้ว”
เริ่นซื่อเจี๋ยเม้มปากอึกอัก ทว่า สุดท้ายก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมา
เมื่อรัชทายาทแห่งต้าจิ้นผู้นี้รับรู้ข่าวนี้ สิ่งแรกที่เขาทำไม่ใช่การเป็นห่วงว่าการกระทำของเหลียงอ๋องจะทำให้ชาวบ้านลุกฮือขึ้นมาต่อต้านแล้วต้าจิ้นจะเกิดความวุ่นวายขึ้นทั้งแคว้น ทว่า เขากลับเอาแต่คิดว่าจักรพรรดิต้าจิ้นไม่ต้องการโอรสอย่างเขาแล้ว
รัชทายาทเช่นนี้ ราชวงศ์เช่นนี้…
เริ่นซื่อเจี๋ยรู้สึกว่าหากใต้หล้าแห่งนี้ตกอยู่ในมือของราชวงศ์ต้าจิ้นที่อ่อนแอขี้ขลาดเช่นนี้คงเป็นเรื่องน่าขันสิ้นดี
“เริ่นเซียนเซิงออกไปก่อนเถิด เรารู้ว่าเริ่นเซียนเซิงอยากปลอบเรา…” น้ำเสียงของรัชทายาทแฝงไปด้วยความเจ็บปวด “ทว่า เราอยากอยู่คนเดียวสักพัก”
ฟางเหล่าที่เขาเชื่อใจมากที่สุดทอดทิ้งเขาไปในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด กระทั่งอาจทรยศเขา
เสด็จพ่อที่เขาคิดว่าเป็นบิดาที่ดีที่สุดทอดทิ้งเขาในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดเช่นเดียวกัน
รัชทายาทไม่เคยเจ็บปวดขนาดนี้มาก่อน…
ทว่า รัชทายาทเข้าใจฟางเหล่าผิดไปแล้ว บัดนี้ฟางเหล่ากำลังถูกทรมานจนแทบดูไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่ในคุกใหญ่ ไม่ว่าจะถูกคนทรมานเพื่อถามหาที่อยู่ของรัชทายาทมากเพียงใด ฟางเหล่าก็เอาแต่ตอบว่าไม่รู้เพียงอย่างเดียว หรือต่อให้รู้ฟางเหล่าก็ไม่มีทางบอกอยู่ดี
เริ่นซื่อเจี๋ยเดินออกมาจากห้อง จากนั้นปิดประตูห้องให้รัชทายาท เขารู้สึกว่าที่ทหารเริ่มค้นหารัชทายาทและไป๋จิ่นซิ่วในเมืองหลวงเพราะพวกเขาเริ่มสงสัยแล้วว่ารัชทายาทไม่ได้หนีออกจากเมืองหลวง
เริ่นซื่อเจี๋ยต้องหาทางติดต่อไป๋จิ่นซิ่วเพื่อปกป้องชีวิตของรัชทายาท…
บัดนี้ตระกูลไป๋คงเป็นคนที่อยากปกป้องรัชทายาทมากที่สุดเพราะองค์หญิงเจิ้นกั๋วเข้าร่วมกับรัชทายาทแล้ว หากรัชทายาทสิ้นพระชนม์ เหลียงอ๋องที่เป็นศัตรูกับตระกูลไป๋ได้ขึ้นครองราชย์ ตระกูลไป๋ต้องตกอยู่ในอันตรายแน่นอน
เริ่นซื่อเจี๋ยรีบส่งคนติดต่อไปหาไป๋จิ่นซิ่วทันทีโดยไม่รอช้า
เมื่อไป๋จิ่นซิ่วรู้ข่าวเรื่องที่รัชทายาทหมดกำลังใจและสิ้นหวัง หญิงสาวลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นส่งคนไปส่งข่าวให้ไป๋ชิงเหยียนรับรู้ว่านางเตรียมจะนำกองทัพหย่วนผิงบุกเมืองหลวงในวันที่สาม เดือนห้าหรือเก้าวันหลังจากนี้เพื่อถ่วงเวลาให้ไป๋ชิงเหยียน หวังว่าพี่หญิงใหญ่จะรีบนำทัพกลับมาให้เร็วที่สุด
ไป๋จิ่นซิ่วสั่งให้คนไปตามองครักษ์ลับของราชวงศ์ที่บัดนี้เหลืออยู่ข้างกายของนางเพียงแค่สองคนมาพบจากนั้นหญิงสาวเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเดินออกมาจากด้านหลังร้านขายเครื่องประทินโฉม นำราชโองการลับของจักรพรรดิต้าจิ้นมุ่งหน้าไปยังเรือนเล็กที่เริ่นซื่อเจี๋ยหาให้รัชทายาทซ่อนตัว
เมื่อไป๋จิ่นซิ่วพบหน้ารัชทายาทที่ดวงตาแดงฉานและพยายามฝืนประคองสติอยู่จึงหยิบราชโองการของจักรพรรดิต้าจิ้นออกมายื่นให้รัชทายาท จากนั้นกล่าวขึ้น “ราชโองการลับของฝ่าบาทเพคะ ฝ่าบาทยังรอให้องค์ชายนำทัพกลับไปช่วยเหลือฝ่าบาทอยู่นะเพคะ องค์ชายจะทรงสิ้นหวัง ทำลายความไว้ใจที่ฝ่าบาทมีต่อองค์ชายเช่นนี้ไม่ได้นะเพคะ”
กล่าวจบไป๋จิ่นซิ่วคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น จากนั้นยื่นราชโองการไปตรงหน้ารัชทายาท
เมื่อรัชทายาทเห็นราชโองการก็ตะลึงไปครู่หนึ่ง เขารีบปาดน้ำตาทิ้ง หยัดกายลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ จากนั้นเดินไปตรงหน้าไป๋จิ่นซิ่ว รับราชโองการมารีบเปิดอ่านทันที
รัชทายาทเห็นราชโองการลายพระหัตถ์ของจักรพรรดิต้าจิ้นที่เขียนว่าให้เขารีบนำราชโองการออกจากไปเมืองไปนำทัพเสริมกลับมาช่วยเหลือ รัชทายาทยังไม่ทันมองวันวันที่ที่ลงนามก็ถูกไป๋จิ่นซิ่วกล่าวขัดขึ้นเสียก่อน
“แม่ทัพเซี่ยอวี่จั่งส่งราชโองการฉบับนี้ออกมาให้หม่อมฉันนานแล้วเพคะ ทว่า เพื่อความปลอดภัยหม่อมฉันจึงไม่ทราบว่าเริ่นเซียนเซิงและองค์รัชทายาทซ่อนตัวอยู่ที่ใด ดังนั้นจึงไม่สามารถมอบราชโองการให้องค์ชายได้ทันท่วงทีเพคะ ทว่า หม่อมฉันคิดว่าฝ่าบาทอาจคิดว่าองค์ชายทรงหนีออกจากเมืองไปนำทัพกลับมาช่วยเหลือพระองค์แล้ว ฝ่าบาทจึงแสร้งมอบหมายงานในราชสำนักให้เหลียงอ๋องเป็นคนจัดการทั้งหมดเช่นนี้! องค์ชายทรงมีราชโองการลับลายพระหัตถ์ของฝ่าบาทอยู่ในมือนะเพคะ!”
รัชทายาทลูบไปยังตราประทับและลายพระหัตถ์ของจักรพรรดิต้าจิ้นที่อยู่บนราชโองการอย่างแผ่วเบา เขาไม่รู้ตัวว่าน้ำตาไหลทะลักออกมาเมื่อใด เขาเงยหน้ามองไป๋จิ่นซิ่วด้วยรอยยิ้ม “เสด็จพ่อไม่ได้ทรงทอดทิ้งเรา เสด็จพ่อแสร้งยกงานในราชสำนักทั้งหมดให้เหลียงอ๋องจัดการเพราะต้องการซ้อนแผนเหลียงอ๋องเท่านั้น! เรารู้อยู่แล้ว! เสด็จพ่อที่ทระนงในศักดิ์ศรีเช่นนี้จะปล่อยให้เหลียงอ๋องเหยียบไปบนศีรษะของพระองค์ได้อย่างไรกัน!”
“ทว่า…” รัชทายาทกำราชโองการแน่น “เราจะออกไปจากเมืองหลวงได้อย่างไร จะนำราชโองการออกไปขอความช่วยเหลือได้อย่างไรกัน”
“องค์ชายไม่ต้องทรงเป็นห่วงเพคะ เหลียงอ๋องตัดสินใจโจมตีวังหลวงในวันนี้แสดงว่าพี่หญิงใหญ่ใกล้จะกลับมาแล้วเพคะ มิเช่นนั้นเหลียงอ๋องคงไม่รีบร้อนเช่นนี้แน่เพคะ” ไป๋จิ่นซิ่วอธิบายให้รัชทายาทฟังช้าๆ
“หม่อมฉันคิดว่าที่เหลียงอ๋องสั่งให้กรมโยธาเร่งสร้างหอบูชาเก้าชั้นให้เสร็จภายในสิบวันและสั่งให้ทางการส่งเด็กหญิงชายจำนวนหนึ่งพันคนมายังเมืองหลวงภายในสิบวันเป็นเพราะฝ่าบาทต้องการยื้อเวลาไว้เพคะ สิบวันหลังจากนี้เหลียงอ๋องอาจได้ขึ้นครองราชย์เพคะ”
“ทว่า การเดินทางจากต้าเหลียงมายังเมืองหลวงใช้เวลาค่อนข้างมาก…” รัชทายาทรู้สึกจุกแน่นในลำคอ เกิดความหวาดกลัวขึ้นในใจ “หากองค์หญิงเจิ้นกั๋วกลับมาไม่ทันภายในสิบวันนี้จะทำเช่นไร”
“หม่อมฉันก็กังวลเรื่องนี้อยู่เช่นกันเพคะ พี่หญิงใหญ่จะเร่งเดินทางกลับมาคนเดียวไม่ได้ นางต้องนำกองทัพมาด้วยเพคะ! ทว่า การนำทัพใหญ่กลับมาด้วยเช่นนี้จะกำหนดเวลาตายตัวไม่ได้ ทว่า พี่หญิงใหญ่คงพยายามอย่างสุดความสามารถแน่เพคะ” ไป๋จิ่นซิ่วพยักหน้า “ดังนั้นเราต้องช่วยถ่วงเวลาไว้จนกว่าพี่หญิงใหญ่จะกลับมาเพคะ”
รัชทายาทกำราชโองการไว้ในมือ มองดูไป๋จิ่นซิ่วราวกับมองเห็นกำลังใจของตัวเอง “เราควรทำเช่นไร ฮูหยินฉินโปรดชี้แนะด้วย”
“องค์รัชทายาททรงอดทนรออยู่อย่างนี้ไปก่อนเพคะ หม่อมฉันจะจัดการกับกองกำลังรักษาพระองค์ที่คุ้มกันประตูเมืองอยู่ให้เรียบร้อยโดยเร็วที่สุด จะหาทางพาองค์ชายออกจากเมืองหลวงให้ได้ ถึงเวลานั้นพวกเราจะตรงไปขอความช่วยเหลือที่ค่ายทหารหย่วนผิง จากนั้นนำทัพหย่วนผิงกลับมาช่วยเหลือฝ่าบาทเพื่อถ่วงเวลาให้พี่หญิงใหญ่เพคะ!”
รัชทายาทพยักหน้า “ลำบากฮูหยินฉินแล้ว”
“องค์ชายได้โปรดอดใจรออีกสักสองสามวัน ไป๋จิ่นซิ่วจะรีบช่วยให้องค์ชายเสด็จออกจากเมืองหลวงให้ได้โดยเร็วที่สุดเพคะ” ไป๋จิ่นซิ่วทำความเคารพรัชทายาทแล้วเตรียมจากไป ทว่า กลับถูกรัชทายาทเรียกไว้เสียก่อน
“เรามีเรื่องอยากให้ฮูหยินฉินช่วยเราอีกเรื่อง” รัชทายาทโค้งกายคำนับให้ไป๋จิ่นซิ่ว
ไป๋จิ่นซิ่วรีบเบี่ยงกายหนีการคารวะจากรัชทายาท จากนั้นยกหมัดคารวะรัชทายาทอย่างนอบน้อม
“องค์ชายทรงรับสั่งมาได้เลยเพคะ”
“เมื่อฮูหยินฉินจัดการเรื่องทุกอย่างจนสามารถพาเราหนีออกจากเมืองหลวงได้แล้ว ฮูหยินฉินช่วยพาพระชายาเอก องค์ชายน้อยและหงเหมยออกไปจากเมืองหลวงด้วยได้หรือไม่ พวกเราจะมุ่งหน้าไปยังเมืองหย่วนผิง หากทิ้งพวกเขาไว้ในเมืองหลวงแล้วถูกทหารจับได้ พวกเขาอาจมีอันตรายได้!” รัชทายาทกล่าว
การส่งพระชายาเอกและองค์ชายน้อยออกจากเมืองไม่ใช่ปัญหา ทว่า หงเหมย…
ไป๋จิ่นซิ่วกล่าวเรื่องที่ตัวเองลังเลให้รัชทายาทฟังอย่างเปิดเผย
“ส่งพระชายาเอกและองค์ชายน้อยออกจากเมืองไม่ใช่ปัญหาเพคะ ทว่า หงเหมย…หม่อมฉันสงสัยว่าหงเหมยอาจเป็นคนของเหลียงอ๋องหรือฟ่านอวี๋ไหวเพคะ”
“ไม่มีทาง!” รัชทายาทกล่าวยิ้มๆ “เราสืบประวัติของหงเหมยอย่างละเอียดแล้ว ฮูหยินฉินอย่าได้รังเกียจชาติกำเนิดของหงเหมยเลย เราชอบหงเหมยมาก”
ไป๋จิ่นซิ่วขมวดคิ้วแน่น สุดท้ายก็ยอมรับปาก
เริ่นซื่อเจี๋ยมองส่งไป๋จิ่นซิ่วจากไป จากนั้นหันไปมองรัชทายาทที่อยู่ในห้องแวบหนึ่ง…