ตอนที่ 852 ตายในสนามรบทั้งหมด
“ออกจากเมือง! คุ้มกันองค์รัชทายาทหนีออกจากเมืองให้ได้! เร็วเข้า!” ไป๋จิ่นซิ่วพารัชทายาทถอยหลังไปเรื่อยๆ จากนั้นตะโกนลั่น
“ทหารทุกคน! เหลียงอ๋องคือกบฏทรยศแผ่นดิน พวกเราต้องคุ้มกันองค์รัชทายาทหนีออกจากเมืองให้ได้! บุก!” แม่ทัพหวังตะโกนลั่น จากนั้นพาทหารเข้าไปสู้รบกับกองกำลังของฟ่านอวี๋ไหวที่บุกเข้ามาจากนอกวังหลวงเพื่อเปิดเส้นทางหนีให้รัชทายาท
เสียงอาวุธเหล็กกระทบกัน เสียงฆ่าฟันดังสนั่นไปทั่วบริเวณ
พระชายาเอกหวาดกลัวถึงขีดสุด นางอุ้มบุตรชายไว้ในอ้อมกอดพลางถอยหนีไปด้านหลังท่ามกลางการอารักขอขององครักษ์
องค์ชายน้อยถูกกอดรัดแน่นจนหายใจไม่ออกจึงร้องไห้ออกมา พระชายาเอกถูกเบียดจนสะดุดล้มลงบนพื้น องค์ชายน้อยในอ้อมกอดเกือบหล่นออกจากอก
“พระชายาเอก! พระชายาเอก!” รัชทายาทรีบก้มลงไปประคองร่างของชายาเอก เขานึกไม่ถึงว่าจะถูกองครักษ์ที่คุ้มกันเขาชนเข้าอย่างจัง ทหารคนหนึ่งเหยียบลงบนมือเขาท่ามกลางความอลหม่าน รัชทายาทเจ็บจนร้องออกมา
สีหน้าของเหลียงอ๋องเคร่งขรึมลง ตะโกนสั่งเสียงดังลั่น “เอาธนูมา!”
ทหารกองกำลังรักษาพระองค์ที่กำลังเล็งธนูไปทางรัชทายาทรีบส่งคันธนูให้เหลียงอ๋องทันที
เหลียงอ๋องนั่งอยู่บนหลังม้า เล็งธนูไปยังองค์ชายน้องที่กำลังร้องไห้ไม่หยุดอยู่ในอ้อมแขนของพระชายาเอก จากนั้นยิงธนูออกไปด้วยสีหน้าทะมึน
แสงคมของลูกธนูพุ่งเข้ามาใกล้ ไป๋จิ่นซิ่วใช้ดาบยาวฟันลูกธนูที่พุ่งตรงไปยังองค์ชายน้อยจนขาดเป็นสองท่อนทันทีโดยสัญชาตญาณ จากนั้นกระชากร่างของพระชายาเอกขึ้นมาจากพื้น
“หึ น่าเสียดายที่ไม่โดน” น้ำเสียงของเหลียงอ๋องราบเรียบและเยือกเย็น
ไป๋จิ่นซิ่วหันกลับไปมองเหลียงอ๋องด้วยแววตาอาฆาต หลังจากที่กลายเป็นมารดา ไป๋จิ่นซิ่วทนเห็นคนรังแกเด็กไม่มีทางสู้ไม่ได้ เหลียงอ๋องทำให้ไป๋จิ่นซิ่วเกลียดเข้ากระดูกดำแล้วจริงๆ เหตุใดตอนนั้นนางจึงหน้ามืดตามัวคิดว่าคนอย่างเหลียงอ๋องมีใจให้พี่หญิงใหญ่ของนางจริงๆ กันนะ!
เหลียงอ๋องไม่คู่ควรแม้แต่จะถือรองเท้าให้พี่หญิงใหญ่ของนางด้วยซ้ำ!
“คุ้มครององค์รัชทายาท พระชายาเอกและองค์ชายน้อยให้ดี” ไป๋จิ่นซิ่วตะโกนสั่งเสียงดัง
คราวนี้รัชทายาทและพระชายาเอกถูกคุ้มกันอย่างแน่นหนากว่าเดิม พระชายาเอกเหนื่อยจนแทบหายใจไม่ทัน ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงองค์ชายน้อยในอ้อมแขนเลย
ทว่า ในเมืองหลวงมีหมาป่า นอกวังหลวงมีเสือ พวกนางคงบุกออกไปได้ยาก
เหลียงอ๋องนั่งมองการต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายของไป๋จิ่นซิ่วและรัชทายาทอย่างอยู่บนหลังมาอย่างชอบใจ ตอนนี้เขาอารมณ์ดีมาก
องครักษ์ที่คุ้มกันรัชทายาทค่อยๆ ล้มลงทีละคน ตอนที่ศีรษะขององครักษ์เหล่านั้นร่วงลงพื้น เลือดสดกระจายเปื้อนเต็มใบหน้าของรัชทายาทและพระชายาเอก นี่เป็นครั้งแรกที่รัชทายาทได้ลิ้มลองคาวเลือด ใบหน้าของเขาซีดเผือด รู้สึกผะอืดผะอม พระชายาเอกกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ นางกอดบุตรชายแน่พลางปล่อยโฮออกมาอย่างทนไม่ไหวในที่สุด
รัชทายาทที่โดนคุ้มกันให้ถอยหลังหนีไปเรื่อยๆ เงยหน้ามองไปทางเหลียงอ๋อง จากนั้นมองไปทางไป๋จิ่นซิ่วที่ลำตัวและใบหน้าเปื้อนไปด้วยเลือด ทว่า ยังคงต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อพาเขาหนีออกไปจากเมืองหลวง เขาตัดสินใจได้ในทันที เขาหยิบราชโองการลับออกมาจากอก จากนั้นยัดใส่อกของไป๋จิ่นซิ่ว
“องค์รัชทายาท!” ไป๋จิ่นซิ่วหันกลับไปมองรัชทายาท
รัชทายาทใช้มือปาดเลือดบนใบหน้าทิ้ง จากนั้นกล่าวขึ้น “ฮูหยินฉิน คงต้องฝากความหวังให้เจ้าเป็นคนไปพาทัพเสริมมาแล้ว! เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงเรา เรามีคนคุ้มครองอยู่ เจ้าบุกออกไปจากเมืองหลวงคนเดียวน่าจะง่ายกว่า”
รัชทายาทกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง เมื่อกล่าวจบเขาถูกองครักษ์ที่คุ้มกันเบียดจนเซไปทางด้านหลังหนึ่งก้าว เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นกองกำลังรักษาพระองค์ที่อยู่นอกเมืองไล่ต้อนพวกเขาเข้ามาด้านในเมืองแล้ว ทหารและองครักษ์ที่คุ้มกันเขาสู้ฝ่ายศัตรูไม่ได้ พวกเขาถูกศัตรูใช้หอกแทงเข้าที่หน้าอก ร่างถูกยกขึ้นสูง เลือดสดกระจายเต็มพื้นที่
เมื่อรัชทายาทที่ไม่เคยผ่านประสบการณ์ในสนามรบที่โหดร้ายเช่นนี้มาก่อนเห็นฉากนี้จึงอาเจียนออกมาทันที
“องค์รัชทายาท!” ไป๋จิ่นซิ่วรีบเข้าไปประคองรัชทายาท
ความรู้สึกขยะแขยงทำให้รัชทายาทวิงเวียนศีรษะราวกับจะเป็นลม เขาพยายามรวบรวมสติเฮือกสุดท้ายกล่าวกับไป๋จิ่นซิ่ว “เหลียงอ๋องต้องการจับตัวเราไปยืนยันว่าเขาไม่ใช่กบฏ เขาไม่มีทางสังหารเราตอนนี้แน่นอน! ขอเพียงเจ้ารีบไปรีบกลับก็จะสามารถช่วยเราได้ ฮูหยินฉิน…เราฝากชีวิตของเรา พระชายาเอกและองค์ชายน้อยไว้ในกำมือของเจ้าแล้วนะ”
ความจริงไป๋จิ่นซิ่วต้องการพารัชทายาทไปยังหย่วนเผิงด้วย เช่นนี้คำกล่าวของนางจะน่าเชื่อถือมากขึ้น ทว่า จากเหตุการณ์ในตอนนี้นางคงพารัชทายาท พระชายาเอกและองค์ชายน้อยหนีไปด้วยไม่ได้จริงๆ
“คุ้มกันฮูหยินฉินออกจากเมือง!” รัชทายาทผลักร่างของไป๋จิ่นซิ่วออก จากนั้นหันไปกล่าวกับองครักษ์ลับของราชวงศ์ที่คุ้มกันอยู่ข้างกาย
ไป๋จิ่นซิ่วพยักหน้า จากนั้นพาองครักษ์ลับฝ่าด่านศัตรูออกไปจากเมือง
เริ่นซื่อเจี๋ยชักดาบออกมาจากเอว จากนั้นกล่าวกับรัชทายาท “กระหม่อมจะช่วยคุ้มกันฮูหยินฉินหนีออกไปเองพ่ะย่ะค่ะ!”
รัชทายาทตะลึงทันทีที่เห็นเริ่นซื่อเจี๋ยชักดาบออกมาสังหารศัตรู นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเริ่นซื่อเจี๋ยชักดาบออกมาเช่นนี้ เป็นครั้งแรกที่เขารู้ว่าเริ่นซื่อเจี๋ยมีวรยุทธ์ รัชทายาทคิดมาตลอดว่าดาบที่เอวของเริ่นซื่อเจี๋ยเป็นเพียงเครื่องประดับชิ้นหนึ่งเท่านั้น
เริ่นซื่อเจี๋ยเผยความสามารถของตัวเองออกมาในตอนนี้ ตะโกนว่าจะช่วยคุ้มกันไป๋จิ่นซิ่วออกไปจากเมืองหลวงเพราะเขาต้องการถือโอกาสนี้หนีออกจากเมืองหลวงและส่งข่าวให้ต้าเยี่ยน
บนกำแพงไม่ได้มีแค่ทหารของแม่ทัพหวังเท่านั้น แม่ทัพหวังตะโกนสั่งให้พลธนูยิงธนู ทว่า ทหารที่อยู่บนกำแพงกำลังต่อสู้กันอยู่ พลธนูไม่มีโอกาสยิงธนูออกไปแม้แต่น้อย
เป้าหมายของเหลียงอ๋องคือรัชทายาท พระชายาเอกและองค์ชายน้อย พวกเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าไป๋จิ่นซิ่วกำลังฝ่าด่านศัตรูออกไปเพื่อหนีออกจากเมืองคนเดียวไม่ใช่ทำไปเพื่อเปิดทางให้รัชทายาท
ไป๋จิ่นซิ่วที่มีราชโองการลับอยู่ในอกนำองครักษ์ไป๋และองครักษ์ลับของราชวงศ์บุกไปถึงหน้าประตูเมือง นางได้ยินเสียงแม่ทัพหวิงผิวปาก ไม่นานม้าศึกสิบกว่าตัวก็พุ่งทะยานเข้ามาทันที
ฟ่านอวี๋ไหวจึงรู้ว่ากลุ่มของไป๋จิ่นซิ่วกำลังจะหนีออกจากเมือง เขาจึงรีบตะโกนลั่น “รีบขวางพวกมันไว้!”
ม้าศึกวิ่งเข้ามาชนทหารที่ล้อมกลุ่มของไป๋จิ่นซิ่วไว้จนล้อมระเนระนาด…
“ปล่อยธนู! ยิงออกไป! อย่าให้หนีไปได้แม้แต่คนเดียว!” เหลียงอ๋องตะโกนด้วยความร้อนใจ
พลธนูของฟ่านอวี๋ไหวที่อยู่บนกำแพงเล็งธนูไปทางไป๋จิ่นซิ่วที่หนีออกไปจากเมืองหลวงได้แล้ว แม่ทัพหวังเบิกตาโพลงพลางผลักร่างของไป๋จิ่นซิ่วออก ธนูคมปักลงที่หัวไหล่ของแม่ทัพหวัง แม่ทัพหวังรีบใช้มือปิดแผลแน่น จากนั้นหันไปสู้กับศัตรูต่อ เขาตะโกนลั่น “ฮูหยินฉินรีบหนีไปขอรับ!”
ไป๋จิ่นซิ่วลดดาบลงด้วยสีหน้าเคร่งเครียด หญิงสาวจับอานของม้าตัวหนึ่งแล้วกระโดดขึ้นไปบนหลังม้า จากนั้นขี่ทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว
บรรดาองครักษ์ตระกูลไป๋และองครักษ์ลับของราชวงศ์ต่างกระโดนขึ้นไปบนหลังม้า จากนั้นขี่ทะยานตามไป๋จิ่นซิ่วไปอย่างรวดเร็ว
“ทุกคน ขวางพวกนั้นเอาไว้!” แม่ทัพหวังขบกรามแน่นพลางตะโกนบอกทหารที่อยู่บนกำแพงเมือง “ปิดประตูเมือง รีบปิดประตูเมืองเร็วเข้า!”
จะปล่อยให้ทหารกบฏไล่ตามฮูหยินฉินไปไม่ได้เด็ดขาด ขอเพียงฮูหยินฉินไม่ถูกจับ นางจะได้ไปตามทพเสริมมาช่วยเหลือได้
กองกำลังรักษาพระองค์ฝ่ายของแม่ทัพหวังพุ่งเข้าไปต่อสู้กับศัตรูที่อยู่ในกำแพงเมืองอย่างไม่คิดชีวิต
ประตูเมืองค่อยๆ ขยับปิดลง ช่องว่างระหว่างด้านนอกและด้านในเมืองค่อยๆ แคบลงเรื่อยๆ
รัชทายาทมองดูประตูเมืองทั้งสองบานปิดสนิทลง เขาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจ จากนั้นถูกองครักษ์ชนจนเกือบล้มลงบนพื้น
เขาได้แต่หวังว่าไป๋จิ่นซิ่วจะรีบไปนำทัพเสริมกลับมาช่วยเหลือเขาโดยเร็วที่สุด
ท้องฟ้ามืดสนิท ไม่มีแสงดาวและดวงจันทร์
เสียงสู้รบภายในเมืองหลวงเงียบสนิทลง
แม่ทัพหวังที่คุ้มกันไป๋จิ่นซิ่วออกไปนอกเมืองเสียชีวิตในสนามรบ บรรดาทหารในสังกัดของแม่ทัพหวังไม่มีผู้ใดยอมจำนนแม้แต่คนเดียว…