สตรีแกร่งตระกูลไป๋ – ตอนที่ 853 ผิดพลาด

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 853 ผิดพลาด

นอกจากองครักษ์สองสามคนที่คอยคุ้มกันองค์รัชทายาท พระชายาเอกและองค์ชายน้อยอยู่ ทหารที่เหลือล้วนเสียชีวิตในสนามรบทั้งหมด

เหลียงอ๋องควบม้าผ่านซากศพและกองเลือดไปหยุดอยู่หน้าองค์รัชทายาทที่ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด ทว่า ยังปกป้องพระชายาเอกและองค์ชายน้อยไว้ทางด้านหลัง

เขาก้มหน้ามองดูองค์รัชทายาท “ลำพังแค่ไป๋จิ่นซิ่วเพียงคนเดียว ต่อให้นางหนีออกจากเมืองหลวงไปได้ ท่านคิดว่านางจะส่งข่าวให้ไป๋ชิงเหยียนกลับมาช่วยท่านได้ทันอย่างนั้นหรือเสด็จพี่องค์รัชทายาทของข้า…”

องค์รัชทายาทหวาดกลัวจนลำคอตีบตัน เขามองไปทางเหลียงอ๋องโดยไม่กล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น “คนชั่วช้า!”

“หรือท่านคิดว่าไป๋จิ่นซิ่วจะอาศัยบารมีของตระกูลไป๋ไปขอกำลังเสริมมาช่วยเหลือได้ทันกัน บัดนี้ท่านคือโอรสกบฏในราชโองการของเสด็จพ่อแล้วนะ!” เหลียงอ๋องยกยิ้มมุมปากน้อยๆ

องค์รัชทายาทขบกรามแน่น เขารู้ดีว่าเขาไม่สามารถแพร่งพรายเรื่องราชโองการลับของเสด็จพ่อให้เหลียงอ๋องรับรู้ได้ มิเช่นนั้นเหลียงอ๋องคงส่งไปคนตามสังหารไป๋จิ่นซิ่วแน่ ถึงเวลานั้นกองทัพหย่วนผิงซึ่งเป็นเพียงความหวังเดียวของเขาก็คงมาช่วยไม่ทันการ ส่วนเขาก็คงกลายเป็นองค์รัชทายาทที่คิดกบฏต่อบิดาของตัวเองเพียงเพราะอดใจรอวันที่ได้ขึ้นครองราชย์ไม่ไหวคนแรกในประวัติศาสตร์แน่นอน

“ฮูหยินฉินต้องพาองค์หญิงเจิ้นกั๋วกลับมาช่วยเราทันแน่นอน! ถึงเวลานั้นกบฏอย่างพวกเจ้าได้ตายเกลี้ยงแน่!”

เมื่อเห็นแววตาขององค์รัชทายาทเต็มไปด้วยโทสะ เหลียงอ๋องจึงหัวเราะออกมาเบาๆ จากนั้นกล่าวขึ้น “เชิญองค์รัชทายาท พระชายาเอก อ้อ…แล้วก็องค์ชายน้อยไปยังคุกหลวง รอฝ่าบาทตัดสินโทษ”

องค์ชายน้อยในอ้อมกอดของพระชายาเอกร้องไห้ไม่หยุด พระชายาเอกกอดบุตรชายเอาไว้พลางมองไปทางองค์รัชทายาท “องค์รัชทายาท!”

“ไม่ต้องกลัว เราจะปกป้องเจ้าและลูกเอง…”

ถึงแม้องค์รัชทายาทจะหวาดกลัวมากเพียงใด ทว่า เขายังคงรั้งพระชายาเอกมากอดไว้ในอ้อมกอดเพื่อปลอบโยน

“จริงสิ เมื่อเข้าไปอยู่ในคุกหลวงแล้ว เสด็จพี่องค์รัชทายาทจะได้พบกับที่ปรึกษาที่เสด็จพี่ทรงเชื่อใจมากที่สุดอย่างฟางเหล่าอีกครั้ง หวังว่าเสด็จพี่องค์รัชทายาทจะยังคงจำฟางเหล่าได้นะพ่ะย่ะค่ะ” เหลียงอ๋องกล่าวยิ้มๆ

บัดนี้ฟางเหล่าถูกทรมานจนแทบดูไม่ได้ เมื่อองค์รัชทายาทพบเขาก็คงจำเขาไม่ได้

กลุ่มของไป๋จิ่นซิ่วเร่งขี่ม้าไปตลอดทางจนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใดแล้ว เมื่อฟ้าเริ่มสว่าง ม้าที่ขี่มาเริ่มเหนื่อยจนทนไม่ไหว ความเร็วค่อยๆ ลดลง ไป๋จิ่นซิ่วจึงหยุดพัก

ไป๋จิ่นซิ่วลงมาจากหลังม้า หญิงสาวมองไปทางเริ่นซื่อเจี๋ยที่ขี่ม้ามาทั้งคืน ทว่า ยังดูไม่เหน็ดเหนื่อยสักเท่าใด สายตาของหญิงสาวหยุดอยู่ที่ดาบบริเวณเอวของเริ่นซื่อเจี๋ย จากนั้นกล่าวขึ้น “นึกไม่ถึงว่าเริ่นเซียนเซิงจะใช้ดาบเป็นด้วย”

เริ่นซื่อเจี๋ยรีบโค้งกายคำนับไป๋จิ่นซิ่ว “ทำขายหน้าต่อหน้าฮูหยินฉินแล้วขอรับ!”

“ข้าขอยืมดูดาบของเริ่นเซียนเซิงได้หรือไม่” ไป๋จิ่นซิ่วถาม

เริ่นซื่อเจี๋ยกำหมัดแน่น เขาลังเลอยู่ครู่เดียว จากนั้นจึงปลดดาบที่เอวส่งให้ไป๋จิ่นซิ่วด้วยมือทั้งสองข้าง “ฮูหยินฉินต้องการดูย่อมได้อยู่แล้วขอรับ”

ไป๋จิ่นซิ่วรับดาบมา จากนั้นชักดาบออกจากฝักเพื่อพิจารณาความคมของดาบ หญิงสาวเอ่ยถามเริ่นซื่อเจี๋ย “เริ่นเซียนเซิงได้แจ้งหงเหมยหรือไม่ว่าคืนนี้เราจะหนีออกจากเมืองหลวงทางประตูทิศเหนือ ให้นางไปรออยู่ที่นั่น”

เริ่นซื่อเจี๋ยรู้ดีว่าไป๋จิ่นซิ่วกำลังสงสัยเรื่องที่เหลียงอ๋องและฟ่านอวี๋ไหวมาดักรออยู่ที่ประตูเมืองทิศใต้ เขาจึงกล่าวขึ้น “ข้าผิดเองขอรับ! หงเหมยคือสนมที่องค์รัชทายาทรงโปรดปรานมากที่สุด องค์รัชทายาทเชื่อพระทัยนางมาก ที่สำคัญตั้งแต่หงเหมยเข้ามาอยู่ในจวนองค์รัชทายาทก็ไม่เคยทำตัวผิดสังเกตเลยสักครั้ง ข้าคิดว่าฮูหยินฉินระวังตัวมากเกินไปจึงบอกหงเหมยไปตามตรงว่าเราจะหนีออกทางประตูทิศใต้ ให้นางเตรียมตัวตามคำสั่งขององค์รัชทายาทขอรับ”

“เช่นนั้นก็แปลกจริง เหตุใดหงเหมยจึงไม่มารวมตัวกันที่ประตูทิศใต้ทั้งๆ ที่เริ่นเซียนเซิงแจ้งนางไปแล้ว” ไป๋จิ่นซิ่วเสียบดาบเก็บเข้าฝักตามเดิม “เริ่นเซียนเซิงมีความเห็นใดบ้างหรือไม่”

เริ่นซื่อเจี๋ยประมวลผลในใจอย่างรวดเร็ว ไป๋จิ่นซิ่วรู้อยู่แล้วว่าหงเหมยคือคนของเหลียงอ๋องและองค์รัชทายาท เขาบอกไป๋จิ่นซิ่วไปแล้วว่าเขาเป็นคนบอกให้หงเหมยมาเจอกันที่ประตูทิศใต้ เหตุใดไป๋จิ่นซิ่วจึงถามเขากลับเช่นนี้อีก

เริ่นซื่อเจี๋ยไม่คิดว่าไป๋จิ่นซิ่วจะโง่จนคิดไม่ได้ว่าหงเหมยเป็นคนนำข่าวเรื่องที่องค์รัชทายาทจะหนีไปจากเมืองหลวงทางประตูทิศใต้ไปบอกฟ่านอวี๋ไหวและเหลียงอ๋อง ทว่า เหตุใดไป๋จิ่นซิ่วจึงถามตนเช่นนี้กัน นางต้องการหยั่งเชิงเขาอย่างนั้นหรือ

เขาเผลอหลุดพิรุธออกไปอย่างนั้นหรือ

เริ่นซื่อเจี๋ยมองดูดาบล้ำค่าของเขาที่อยู่ในมือของไป๋จิ่นซิ่ว เขาหลอมดาบเล่มนี้ขึ้นหลังจากมาอยู่แคว้นต้าจิ้น เขาไม่ได้ทิ้งร่องรอยของแคว้นต้าเยี่ยนไว้แม้แต่น้อย การต่อสู้เมื่อครู่ของเขาก็เป็นเพียงกระบวนท่าธรรมดาที่ใช้สำหรับป้องกันตัวเท่านั้น เขาไม่น่าจะหลุดพิรุธออกมาได้

เริ่นซื่อเจี๋ยเม้มปากแน่น จากนั้นมองไปทางไป๋จิ่นซิ่วด้วยท่าทีปกติ “อาจเป็นเพราะมีคนของเราที่คุ้มกันประตูเมืองทิศใต้ทรยศ เมื่อหงเหมยมาถึงแล้วเห็นว่าองค์รัชทายาทถูกคนของเหลียงอ๋องล้อมอยู่ นางจึงรีบหลบซ่อนตัว มิเช่นนั้นก็อาจเป็นเพราะหงเหมยเป็นคนของเหลียงอ๋องตั้งแต่แรกขอรับ”

“ไป๋จิ่นซิ่วมีอีกเรื่องอยากจะถาม ในเมื่อเริ่นเซียนเซิงเป็นที่ปรึกษาขององค์รัชทายาทและมีฝีมือการต่อสู้ดีถึงเพียงนี้ เหตุใดเริ่นเซียนเซิงจึงไม่อยู่คุ้มกันองค์รัชทายาทในเมืองหลวง กลับเลือกตามข้าออกมาจากเมืองหลวงทอดทิ้งองค์รัชทายาทโดยไม่ใยดีเช่นนี้กัน” ไป๋จิ่นซิ่วถามอย่างไม่เกรงใจ แววตาเต็มไปด้วยไอสังหาร

ดาบของเริ่นซื่อเจี๋ยอยู่ในมือของไป๋จิ่นซิ่ว เขาจึงได้แต่ตอบคำถามยิ้มๆ “ฮูหยินฉินมีราชโองการลับของฝ่าบาทอยู่ในมือ ข้าในฐานะที่ปรึกษาขององค์รัชทายาทย่อมต้องมาคุ้มกันฮูหยินฉินและราชโองการลับขอรับ”

“ดี เริ่นเซียนเซิงหาข้อแก้ตัวให้ตัวเองได้ดีมาก!” ไป๋จิ่นซิ่วโยนดาบในมือของตัวเองให้องครักษ์ไป๋ จากนั้นกล่าวเสียงเย็น “จับเริ่นเซียนเซิงมัดไว้บนหลังม้าแล้วพาเขาไปด้วยกันกับเรา หากเขามีพิรุธใดๆ จงสังหารทิ้งทันที!”

องครักษ์ไป๋รับคำพลางจับตัวเริ่นซื่อเจี๋ยเอาไว้

องครักษ์ลับขององค์รัชทายาทมองหน้ากันไปมา พวกเขายังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม

“ฮูหยินฉิน ข้าคือที่ปรึกษาขององค์รัชทายาท! ตีหมายังต้องดูเจ้าของ ฮูหยินฉินทำเช่นนี้เท่ากับไม่เคารพองค์รัชทายาทนะขอรับ!” เริ่นซื่อเจี๋ยหน้าเปลี่ยนสี “ถึงแม้ข้าจะทำผิดที่บอกเรื่องนี้กับหงเหมยเพราะเห็นแก่องค์รัชทายาท ทว่า ข้าไม่ได้ตั้งใจจะให้เรื่องกลายเป็นเช่นนี้ ตอนนี้องค์รัชทายาทกำลังต้องการกำลังคนมากที่สุด เหตุใดฮูหยินฉินถึงได้มาแตกคอกับข้าตอนนี้เล่าขอรับ”

“เรื่องที่องค์รัชทายาทจะหนีออกจากเมืองหลวงทางประตูทิศใต้มีเพียงข้า เริ่นเซียนเซิงและหงเหมยเท่านั้นที่รู้ แม้แต่แม่ทัพหวังยังเพิ่งรู้ตอนที่พบหน้าข้าที่ประตูทิศใต้เลย ในเมื่อข้าบอกเริ่นเซียนเซิงไปตั้งแต่แรกแล้วว่าข้าสงสัยว่าหงเหมยอาจเป็นคนของเหลียงอ๋องหรือฟ่านอวี๋ไหว เหตุใดเริ่นเซียนเซิงยังต้องบอกหงเหมยอีกว่าองค์รัชทายาทจะหนีออกจากเมืองทางประตูทิศใด เริ่นเซียนเซิงส่งคนไปรับตัวหงเหมยมาที่ประตูทิศใต้ก็สิ้นเรื่องแล้ว พวกเราไม่บอกนาง ทว่า ไม่ได้หมายความว่าจะไม่พานางหนีออกไปด้วย!”

ไป๋จิ่นซิ่วมองไปทางเริ่นซื่อเจี๋ยด้วยแววตาวาวโรจน์ “เริ่นเซียนเซิงเป็นถึงที่ปรึกษาของจวนองค์รัชทายาท ท่านมีความรอบคอบกว่าผู้ใดทั้งสิ้น ไม่มีทางที่ท่านจะโง่เขลาถึงเพียงนี้! เห็นได้ชัดว่าเริ่นเซียนเซิงจงใจบอกเรื่องนี้กับหงเหมยเพื่อให้นางไปรายงานให้เหลียงอ๋องทราบ!”

ใจของเริ่นซื่อเจี๋ยหนักอึ้งขึ้นทันที เขาหลุดพิรุธจริงๆ ด้วย

ทว่า ไป๋จิ่นซิ่วยังจับพิรุธเล็กน้อยแค่นี้ของเขาได้อีกหรือ

“เริ่นเซียนเซิงมีสิ่งใดจะกล่าวอีกหรือไม่” ไป๋จิ่นซิ่วถามเสียงเย็น

“ข้าจงรักภักดีต่อองค์รัชทายาทจริงๆ ครั้งนี้ข้าอาจทำพลาดไปบ้าง ทว่า ฮูหยินฉินไม่มีสิทธิ์หวาดระแวงข้าเพียงเพราะเรื่องนี้นะขอรับ!” เริ่นซื่อเจี๋ยตวาดลั่น

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

Status: Ongoing
นิยายจีนโบราณเข้มข้น ปะทะคารม ทดสอบไหวพริบ สนุกถึงใจ!เพราะถูกคนชั่วหลอกใช้ชาติก่อนคนทั้งตระกูลของนางจึงต้องตายอย่างน่าอนาถ ไร้ซึ่งคนทวงถามความเป็นธรรมชาตินี้นางหวนกลับมาก่อนเรื่องราวเกิดขึ้น แม้เพียงเล็กน้อยแต่หากสามารถช่วยเหลือคนในครอบครัวได้แม้สักคนนางก็ยินดีทุ่มเทกำลังให้ถึงที่สุดสตรีตระกูลไปแต่ไรมาแกร่งกล้ำเพียบพร้อมบุ๋นบู๊ แม้ไร้ซึ่งที่พึ่งพิงแล้วจริงแต่ก็จะไม่ยอมให้ผู้ใดมากดขี่ได้!และเพราะเรื่องราวที่เปลี่ยนแปลงไปนางจึงได้พบกับ ‘เขา’ ไวกว่าชาติก่อนเขาผู้นี้แม้ภายนอกดูป็นมิตรและสง่งามกว่าใคร แต่นงแจ่มแจ้งดีว่าเขาเจ้าเล่ห์และอำหิตมากเพียงไหนชาติก่อนแม้ยืนกันคนละฝั่งแต่บุรุษผู้นี้กลับเป็นผู้มอบทางรอดให้แก่นาง อย่างนั้นชาตินี้นางก็ย่อมตอบแทนเขาเป็นอย่างดีเช่นกัน“แม่นางไปช่วยเหลือข้าหลายครั้งหลายครา ใช่ว่าชื่นชอบข้าหรือไม่?”“คุณชายเข้าใจผิดแล้วล่ะ”“ข้าช่วยเหลือแม่นางไปมาหลายครั้งหลายครา แม่นางไปมีใจชื่นชอบข้าบ้างหรือไม่?”“…”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท