สตรีแกร่งตระกูลไป๋ – ตอนที่ 861 พลุ่งพล่าน

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 861 พลุ่งพล่าน

ไป๋จิ่นเจาและไป๋จิ่นหวาในชุดเกราะนำพลธนูกระจายกันยืนอยู่คนละฝั่งของกำแพง จากนั้นยิงธนูใส่ศัตรูด้านล่างกำแพงที่พยายามจะปีนขึ้นมาบนกำแพง

เสิ่นเยี่ยนอันและเสิ่นเยี่ยนจ้งนำทหารช่วยกันปาหินลงไปด้านล่างกำแพงไม่ให้ศัตรูปีนกำแพงขึ้นมาได้

เมื่อเห็นว่าหลี่หมิงรุ่ยสั่งให้ทหารเคลื่อนรถปาหินมาใกล้ พลธนูของฝ่ายนั้นเตรียมพร้อม…

เสิ่นเยี่ยนอันจึงตะโกนเสียงดังลั่น “รีบก้มหลบเร็ว! ก้มหลบเดี๋ยวนี้!”

สิ้นเสียงของเสิ่นเยี่ยนอัน ลูกธนูดอกหนึ่งปักเข้าที่แขนของของเสิ่นเยี่ยนอันอย่างจัง เสิ่นเยี่ยนอันล้มลงบนพื้นทันที ชายหนุ่มกัดฟันกรอดไม่ยอมเปล่งเสียงร้องออกมา เขาซ่อนตัวอยู่ใต้กำแพง พยายามปรับลมหายใจให้สม่ำเสมอ

เมื่อลูกธนูชุดแรกหยุดลง เสิ่นเยี่ยนอันยืนขึ้นอีกครั้ง จากนั้นตะโกนสั่ง “ยิง ยิง! ยิงพวกสารเลวนั่นให้หมด!”

ด้านล่างกำแพง ลูกธนูบางดอกลอยข้ามกำแพงไปถูกร่างของชาวบ้านจนได้รับบาดเจ็บ บางดอกลอยเข้าไปในกระโจมรักษาตัวที่หมอตั้งขึ้นชั่วคราวเพื่อคอยรักษาอาการบาดเจ็บของเหล่าทหาร

ทหารซั่วหยางที่กำลังวิ่งขนหินไปบนกำแพงรีบตะโกนบอก “รีบหาที่หลบเร็วเข้า!”

ชาวบ้านหนุ่มสาวและเด็กที่กำลังช่วยขนหินไปบนกำแพงรีบหาที่หลบอย่างรวดเร็ว บางคนหลบอยู่ใต้โต๊ะ บางคนวิ่งเข้าไปในบ้าน เมื่อพายุธนูสิ้นสุดลงต่างก็รีบวิ่งออกมาช่วยขนหินต่อ

บรรดานางรำในหอนางโลมต่างชะโงกหน้ามองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้านนอก เมื่อเห็นชาวบ้านร่วมแรงร่วมใจกันต่อต้านศัตรูถึงเพียงนี้ พวกนางรู้สึกเลือดร้อนขึ้นมาทันที…

ตั้งแต่ที่น่าคังเห็นไป๋ชิงเหยียนและเขียนทำนอง ‘กองทัพไป๋ออกศึก’ ขึ้นมา หญิงสาวจึงตัดสินใจอยู่ที่ซั่วหยางต่อ หญิงสาวเปิดหน้าต่างมองดูบรรดาชาวบ้านที่ต่างวิ่งไปช่วยเหลือลูกของตัวเองที่เข้าร่วมกองทัพที่ประตูเมืองซั่วหยาง หญิงสาวบีบมือของตัวเองแน่น

บรรดาเด็กเล็กที่ปกติเคยเล่นด้วยกันกับผู้ตรวจเมืองอย่างคุณหนูห้าและคุณหนูหกแห่งตะกูลไป๋อย่างสนิทสนมต่างรวมกลุ่มกันเตรียมออกไปช่วยเหลือ “พี่สาวห้าและพี่สาวหกของตระกูลไป๋ขึ้นไปรบกับศัตรูบนกำแพงแล้ว! พวกเรารีบไปช่วยเหลือพวกนางเถิด!”

“รอก่อน ข้าจะไปเอาหนังยางไปจัดการกับพวกสารเลวนั่น!” เด็กเล็กคนหนึ่งตะโกนลั่น

น่าคังมองดูชาวบ้านที่สามัคคีกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียว ความรู้สึกมากมายถาโถมเข้ามาในใจอีกครั้ง อยู่ๆ นางก็มีความกล้าขึ้นมาทันที หญิงสาววิ่งลงไปชั้นล่างพลางตะโกนบอกให้หญิงสาวคนอื่นรีบแต่งกายให้เรียบร้อย จากนั้นตามชาวบ้านไปช่วยเหลือที่หน้าประตูเมือง

สาวงามร่างบางคนหนึ่งเอนกายพิงเสาเคลือบน้ำมันสีแดง จากนั้นกล่าวเสียงอ่อนหวาน “พวกเรายกของหนักไม่ได้ ไปแล้วจะช่วยทำสิ่งใดได้กัน”

“พวกเราสามารถตีกลอง ส่งเสียงตะโกนเป็นกำลังใจให้ทหารเหล่านั้นได้นี่นา!” น่าคังตะโกนเสียงดัง “หอนางโลมของพวกเราบรรเลงเพลงกองทัพไป๋ออกศึกบ่อยอยู่แล้วไม่ใช่หรือ พวกเราอิจฉาที่สตรีที่งดงามอย่างองค์หญิงเจิ้นกั๋วสามารถขี่ม้าจับดาบออกไปสู้รบกับศัตรูได้ไม่ใช่หรือ วันนี้คือโอกาสของพวกเราไม่ใช่หรืออย่างไร!”

บรรดานางรำโดนน่าคังกล่าวปลุกใจ นางรำคนหนึ่งกล่าวว่ายินดีตามน่าคังไปช่วยเหลือชาวบ้านและทหารเหล่านั้น

บรรดานางรำเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดคล่องแคล่ว รวบผมสูง เตรียมออกไปช่วยเหลือในสิ่งที่พวกนางสามารถทำได้ แม้จะทำได้เพียงช่วยเหลือหมอที่ทำแผลให้ทหารที่ได้รับบาดเจ็บหรือช่วยนำน้ำไปมอบให้ทหารเหล่านั้นดื่มก็ตาม

หลี่หมิงรุ่ยไม่รู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองซั่วหยาง เขาไม่เคยออกรบในสนามรบจริงมาก่อน นี่คือครั้งแรก เขารู้สึกว่าเขาโจมตีเมืองซั่วหยางได้ช้ากว่าที่คิดไว้ ม้าศึกของเขาเริ่มย่ำเท้าไปมาอย่างอยู่ไม่สุข

เขาหันไปถามแม่ทัพที่มีประสบการณ์ในสนามรบมาก่อน “ซั่วหยางเป็นเพียงเมืองเล็กๆ ทหารที่นี่ล้วนเป็นทหารมือสมัครเล่นทั้งนั้น เหตุใดจึงโจมตีได้ยากถึงเพียงนี้กัน”

แม่ทัพผู้นั้นมองไปยังทหารที่กำลังต่อสู้อย่างสุดชีวิตบนกำแพงแวบหนึ่ง เขารู้สึกว่าทหารเหล่านั้นไม่ใช่มือสมัครเล่นอย่างแน่นอน

“แม้ฝีมือการยิงธนูของทหารเหล่านี้จะไม่ค่อยเก่งนัก ทว่า พวกเขาพร้อมยืนหยัดต่อสู้สุดชีวิต หากเป็นเช่นนี้คงโจมตีได้ยากขอรับ…” แม่ทัพกองกำลังรักษาพระองค์กล่าว

หลี่หมิงรุ่ยกำบังเหียนม้าแน่น “เจ้าคิดว่าจะใช้เวลาอีกนานเท่าใด”

“ใต้เท้า ข้าตอบไม่ได้จริงๆ ขอรับ การทำสงคราม…ไม่มีผู้ใดกล้ากล่าวอย่างมั่นใจว่าจะยึดเมืองเมืองหนึ่งได้ภายในกี่วันหรอกขอรับ” แม่ทัพผู้นั้นกล่าว

หลี่หมิงรุ่ยกำบังเหียนม้าแน่น เขามองไปยังร่างของไป๋จิ่นเจาและไป๋จิ่นหวาที่เป็นคนคุมทหารยิงธนูลงมา เขาหันหัวม้ากลับไปกล่าวกับแม่ทัพกองทัพต้าจิ้น “ทหารทั้งหมดของพวกนั้นคงรวมตัวกันอยู่ที่ประตูทิศเหนือหมดแล้ว เจ้ารีบพาทหารหนึ่งพันนายอ้อมไปยังประตูทิศตะวันตกหรือทิศใต้ กระจายกองกำลังของพวกนั้นออกไปหลายๆ ทาง พวกเราจะได้โจมตีเมืองได้ง่ายขึ้น”

แม่ทัพกองทัพต้าจิ้นรับคำ จากนั้นพาทหารจากไปทันที

ฝ่ามือของหลี่หมิงรุ่ยชื้นไปด้วยเหงื่อ แม้ตอนเด็กๆ เขาจะอ่านตำราพิชัยสงครามมาไม่น้อย ทว่า นี่เป็นครั้งแรกที่เขาออกมารบในสนามรบจริงเช่นนี้ หากถึงเวลาที่ต้องต่อสู้กันขึ้นมาจริงๆ หลี่หมิงรุ่ยก็อดหวาดกลัวไม่ได้ แม้เป็นเพียงการเผชิญหน้ากับกองกำลังสมัครเล่นของซั่วหยาง เขาก็ไม่กล้าประมาทอยู่ดี

ทว่า หลี่หมิงรุ่ยไม่คาดคิดเลยว่าเขาที่เพิ่งสั่งให้แม่ทัพกองทัพต้าจิ้นนำทหารหนึ่งพันนายไปล่อให้ทหารซั่วหยางกระจายกำลังออก จะได้ยินเสียงโห่ร้องมาจากด้านหลังกองทัพใหญ่ของเขาทันที

หลี่หมิงรุ่ยรีบหันกลับไปมองจึงเห็นว่าด้านหลังมีกองทัพใหญ่ที่ชูธงสัญลักษณ์เฮยฟานไป๋หมั่งของกองทัพไป๋กำลังมุ่งหน้ามาทางกองทัพของเขาอย่างเอิกเกริก

หลี่หมิงรุ่ยเบิกตาโพลง จ้องไปยังธงเฮยฟานไป๋หมั่งที่สยายตามแรงลมนิ่ง พลทหารม้าเหล็กนำอยู่ด้านหน้าสุดของขบวน ขบวนยังเดินทางมาไม่ถึง ทว่า เสียงโห่ร้องอย่างฮึกเหิมดังสนั่นไปทั่วบริเวณ ใจของทหารกองกำลังรักษาพระองค์ที่เคยปิดล้อมวังหลวงอยู่หลายวันรู้สึกเริ่มเสียขวัญขึ้นมาทันที

หลี่หมิงรุ่ยเริ่มหวาดกลัว เขากำบังเหียนม้าแน่น ไม่ว่าจะมองไปทางใดก็มีแต่ทหารในชุดเกราะ ประเมินดูคร่าวๆ น่าจะเกินหนึ่งหมื่นนาย ใจของหลี่หมิงรุ่ยกระตุกวูบ ไป๋ชิงเหยียนกลับมาแล้วอย่างนั้นหรือ เหตุใดนางจึงกลับมาเร็วถึงเพียงนี้กัน!

ตอนที่เหลียงอ๋องออกคำสั่งให้รวบรวมตัวเด็กหนึ่งพันคนส่งไปยังเมืองหลวง หลี่หมิงรุ่ยบอกให้เหลียงอ๋องขอราชโองการที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเหลียงอ๋องเป็นผู้บริสุทธิ์ องค์รัชทายาทเป็นลูกอกตัญญูของจักรพรรดิต้าจิ้น ขอให้จักรพรรดิต้าจิ้นประกาศราชโองการห้ามไม่ให้เมืองต่างๆ ปล่อยให้กองทัพที่ไม่มีราชโองการหรือตราอาญาสิทธิ์เดินทางผ่านเมืองนั้นๆ ไปยังเมืองหลวงเด็ดขาด

หลี่หมิงรุ่ยวางแผนไว้อย่างละเอียดแล้วถึงว่าแม้กลุ่มของไป๋ชิงเหยียนจะนำทัพเดินทางกลับมายังต้าจิ้น พวกนางจะต้องถูกขัดขวางระหว่างทางแน่นอน หญิงสาวไม่มีทางมาถึงเร็วเพียงนี้แน่!

ทว่า บนโลกนี้ไม่มีสิ่งใดที่แน่นอนเต็มร้อย หากคนในซั่วหยางเห็นว่าทัพเสริมมาถึงแล้ว จากนั้นตัดสินใจเปิดเมืองออกมาสู้รบ กองกำลังรักษาพระองค์ที่ขาดประสบการณ์ในการออกรบในสนามจริงจะใช่คู่ต่อสู้ของพวกนั้นหรือไม่นะ

“ถอย รีบถอยทัพด่วน!” หลี่หมิงรุ่ยตะโกนลั่น

ทหารซึ่งมีหน้าที่กระจายคำสั่งที่อยู่ข้างกายหลี่หมิงรุ่ยรีบขี่ม้าไปถ่ายทอดคำสั่งทันที เสียงแตรสั่งให้ถอยทัพของกองทัพดังขึ้น…

ไป๋จิ่นเจาที่กำลังต่อสู้อยู่บนกำแพงเงยหน้ามองไปยังเบื้องหน้า สาวน้อยได้ยินเพียงเสียงแตรถอยทัพของฝ่ายศัตรู เห็นเพียงกลุ่มก้อนสีดำที่อยู่ห่างออกไป ไม่รู้ว่าผู้มาเยือนคือมิตรหรือศัตรูกันแน่

กองทัพต้าจิ้นที่กำลังโจมตีเมืองได้ยินเสียงแตรจึงรีบถอยทัพทันที

กองทัพที่ชูธงสัญลักษณ์ของกองทัพไป๋เคลื่อนขบวนเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ไป๋จิ่นเจาเบิกตาโพลง จากนั้นตะโกนลั่น “ธงเฮยฟานไป๋หมั่ง! นั่นธงเฮยฟานไป๋หมั่ง! นั่นคือธงสัญลักษณ์ของกองทัพไป๋ของพวกเรา!”

“องค์หญิงเจิ้นกั๋วกลับมาแล้ว! องค์หญิงเจิ้นกั๋วกลับมาแล้ว!”

ไม่เพียงแค่ไป๋จิ่นเจาเท่านั้น ทันทีที่ธงสัญลักษณ์เฮยฟานไป๋หมั่งของกองทัพไป๋ปรากฏขึ้น ทุกคนในซั่วหยางเลือดในกายพลุ่งพล่านทันที

ไป๋จิ่นเจาตื่นเต้นจนเลือดร้อนไปทั้งร่าง สาวน้อยยิงธนูออกไปอีกดอก จากนั้นตะโกนสุดเสียง “เสิ่นเยี่ยนอัน! นำทหารออกไปสู้กับศัตรูพร้อมข้า!”

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

Status: Ongoing
นิยายจีนโบราณเข้มข้น ปะทะคารม ทดสอบไหวพริบ สนุกถึงใจ!เพราะถูกคนชั่วหลอกใช้ชาติก่อนคนทั้งตระกูลของนางจึงต้องตายอย่างน่าอนาถ ไร้ซึ่งคนทวงถามความเป็นธรรมชาตินี้นางหวนกลับมาก่อนเรื่องราวเกิดขึ้น แม้เพียงเล็กน้อยแต่หากสามารถช่วยเหลือคนในครอบครัวได้แม้สักคนนางก็ยินดีทุ่มเทกำลังให้ถึงที่สุดสตรีตระกูลไปแต่ไรมาแกร่งกล้ำเพียบพร้อมบุ๋นบู๊ แม้ไร้ซึ่งที่พึ่งพิงแล้วจริงแต่ก็จะไม่ยอมให้ผู้ใดมากดขี่ได้!และเพราะเรื่องราวที่เปลี่ยนแปลงไปนางจึงได้พบกับ ‘เขา’ ไวกว่าชาติก่อนเขาผู้นี้แม้ภายนอกดูป็นมิตรและสง่งามกว่าใคร แต่นงแจ่มแจ้งดีว่าเขาเจ้าเล่ห์และอำหิตมากเพียงไหนชาติก่อนแม้ยืนกันคนละฝั่งแต่บุรุษผู้นี้กลับเป็นผู้มอบทางรอดให้แก่นาง อย่างนั้นชาตินี้นางก็ย่อมตอบแทนเขาเป็นอย่างดีเช่นกัน“แม่นางไปช่วยเหลือข้าหลายครั้งหลายครา ใช่ว่าชื่นชอบข้าหรือไม่?”“คุณชายเข้าใจผิดแล้วล่ะ”“ข้าช่วยเหลือแม่นางไปมาหลายครั้งหลายครา แม่นางไปมีใจชื่นชอบข้าบ้างหรือไม่?”“…”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท