ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง – ตอนที่ 297 น้องสาวของข้าละ?

ตอนที่ 297 น้องสาวของข้าละ?

“ฝ่าบาท!”

 

 

ครู่ต่อมาพวกหลงเซียวและคนอื่นๆ ถึงได้รีบรุดเข้ามา

 

 

“น้องสาวข้าล่ะ?” ตู๋กูเจวี๋ยอยู่ด้านหลังของหลงเซียว มองไปทั้งซ้ายและขวา ก็เจอแต่สิ่งของร่วมกลบฝังมากมาย

 

 

ได้ยินว่าตอนนี้น้องเล็กชื่นชอบสมบัติล้ำค่ามากที่สุด ทำไมถึงไม่เห็นนางกัน?

 

 

เมื่อครู่สถานการณ์รอบๆ โลงทองแดงน่ากลัวมาก พวกเขาไม่สามารถเข้าใกล้ได้เลย

 

 

พอตอนนี้เข้ามาแล้ว ก็พบแต่ฝ่าบาทเพียงพระองค์เดียว ท่าทางเหมือนกับสูญเสียจิตวิญญาณไป คล้ายถูกมารเข้าสิงอย่างไรอย่างนั้น’

 

 

ประเด็นสำคัญคือ…….น้องเล็กเล่า?

 

 

“ฝ่าบาทพะยะค่ะ เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้นหรือพะยะค่ะ?” ขณะเดียวกันพวกอิ๋งฉีและคนอื่นๆ ก็ทยอยกันตามเข้ามา

 

 

พอได้เห็นสมบัติมากมายในโลง สายตาของเขาก็พร่าเลือนขึ้นมา

 

 

สิ่งของในนี้ ไม่ได้เป็นเพียงสมบัติที่ใช้ร่วมกลบฝัง

 

 

แต่ยังมีบางส่วนที่เป็นอาวุธเวทย์ที่เคยถูกบันทึกเอาไว้ในหนังสือโบราณ

 

 

ใช่แล้ว อย่างเช่นตะเกียงโบราณดวงนั้น มองดูแล้วช่างเหมือนกับตะเกียงสะสมพลังวิญญาณ

 

 

ตะเกียงนี้จะสะสมพลังวิญญาณด้วยตนเอง ผู้ฝึกตนหากมีตะเกียงดวงนี้ ระดับการฝึกฝนจะยิ่งรวดเร็วกว่าผู้อื่นหลายสิบเท่า

 

 

ยังมีคันธนูทองคำ จุ๊ จุ๊……..นี่ก็ยิ่งไม่ธรรมดาแล้ว

 

 

ฟังว่าเมื่อครั้งโบราณกาล บนท้องฟ้าปรากฏดวงอาทิตย์ทั้งเก้าดวง แต่จอมยุทธ์ผู้แข็งแกร่งท่านหนึ่งได้ใช้คันธนูลักษณะนี้ ยิงดวงอาทิตย์แปดดวงลงมา

 

 

เรื่องเล่าเช่นนี้ ออกจะเกินจริงเกินไป

 

 

แต่ว่าคันธนูทองคำตรงหน้านี้เป็นของจริง ต่อให้ไม่สามารถยิงพระอาทิตย์ได้ แต่หากใช้จัดการกับวิญญาณร้ายหรือว่าสัตว์อสูร หรือกระทั่งพวกนักพรตชั้นสูงที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับตนเองก็คงไม่อาจรอดไปได้

 

 

อิ๋งฉีมองดูอย่างละเอียดลออ ในบรรดาสมบัติเหล่านั้นยังมีสิ่งของอื่นๆ อย่างแผนที่ดินแดนมายา และหอสมบัติหลิงหลง

 

 

แคว้นเซอปี่ซือ…..ดูท่าแล้วคงจะมีอะไรที่ซับซ้อนยิ่งกว่าที่พวกเขาเคยคิดมากมายนัก

 

 

กระทั่งสายตาของเขาตกลงบนไข่มุกสีดำที่หล่นอยู่แทบเท้าของจีเฉวียน ดวงตาของอิ๋งฉีถึงได้เป็นประกายขึ้นมา

 

 

นี่คือ……

 

 

เขาอยากจะเอ่ยปากร้องขอ แต่พอเห็นพระพักตร์ที่ถมึงทึงของจีเฉวียน คำพูดที่มาถึงริมฝีปากก็ได้แต่ต้องกล้ำกลืนลงไป

 

 

ยามปกติ จีเฉวียนก็เป็นเหมือนดังฤดูหนาวสุดขั้วอยู่แล้ว

 

 

แต่ตอนนี้เขาเหมือนกับกลายเป็นภูเขาน้ำแข็งไปทั้งร่าง

 

 

ไม่เพียงแต่เย็นยะเยือก แต่ยังแผ่รังสีสังหารออกมา

 

 

เขาหลุบตาลงต่ำ เสื้อผ้าและเส้นผมปลิวสยาย ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ยอมกล่าวอะไรสักประโยคเดียว

 

 

ด้านนอกยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่กล้าเข้ามาในโลงทองแดง

 

 

แต่เมื่อพวกเขามองเห็นกองสมบัติที่มีอยู่เต็มโลง ใครบ้างเล่าจะไม่หวั่นไหวขึ้นมา?

 

 

เพียงแต่ฮ่องเต้แคว้นต้าโจวยังประทับอยู่ด้านใน พวกเขาไม่กล้าเคลื่อนไหววู่วาม

 

 

แต่ละคนใจเต้นโครมคราม พวกเขาเดินทางไกลฝ่าฝันอุปสรรคมามากมายจนมาถึงตรงนี้ คงไม่อาจจะกลับไปอย่างมือเปล่าได้กระมัง

 

 

ตอนนี้ แต่ละคนต่างก็ตาแดงก่ำขึ้นมา

 

 

ผ่านไปอีกพักใหญ่ ค่อยเห็นหลงเซียวหยิบเอาไข่มุกสีดำทองนั้นขึ้นมา ทูลถวายต่อจีเฉวียน

 

 

“ฝ่าบาท แล้วไทเฮาเล่าพะยะค่ะ?”

 

 

“นำโลงทองแดงหลังนี้กลับไปแคว้นต้าโจว ทุกสิ่งที่อยู่ภายในนี้ ไม่อนุญาตให้ใครแตะต้องทั้งสิ้น”

 

 

พอเอ่ยถึงตู๋กูซิงหลัน จีเฉวียนถึงได้ยอมตรัสออกมา

 

 

แค่รับสั่งประโยคเดียวก็สร้างความไม่พอใจแก่คนทั้งหมด

 

 

พวกเขาลำบากมากมายถึงเพียงนี้ สุดท้ายแล้วกลับเป็นการตัดชุดวิวาห์ให้กับผู้อื่น?

 

 

จีเฉวียนถือดีเช่นไรจึงกล้ายโสขนาดนี้?

 

 

“ฝ่าบาท ทรงรับปากกระหม่อม ว่าจะ….” อิ๋งฉีเองก็นิ่งเฉยไม่ไหวแล้ว

 

 

จีเฉวียนมิใช่คนที่พูดอย่างกระทำอย่าง ทำไมอยู่ๆ เขาถึงได้เปลี่ยนความคิดไปได้กัน?

 

 

เขายังพูดไม่ทันจบ สายพระเนตรราวกับคมดาบของจีเฉวียนก็กวาดมาถึง

 

 

“หากว่าเจ้าไม่พอใจ ก็มาแย่งชิงไปจากมือของเรา แย่งได้ ก็เป็นของเจ้า”

 

 

พระองค์ตรัสเสียงเย็น ขยับพระบาทออกไปก้าวหนึ่ง โลงทองแดงทั้งหลังก็สั่นสะเทือนขึ้นมา

 

 

ไอหยินท่วมท้นไหลทะลักออกจากพระวรกาย ผู้คนทั้งหลายได้แต่มองดู ที่เบื้องพระขนองของฮ่องเต้แห่งต้าโจว ปรากฏเงาดำขนาดมหึมาสายหนึ่ง

 

 

นั้นเป็น……เงาร่างของคนผู้หนึ่ง

 

 

หัวใจของผู้คนทั้งหลายต่างก็ตกอยู่ในความตื่นตระหนก แม้กระทั่งเหล่านักพรตจากแคว้นต้าฉินก็ยังต้องรู้สึกเหน็บหนาวไปทั่วทั้งร่าง

 

 

โอรสสวรรค์แคว้นโจวผู้นั้น……

 

 

“ผู้อื่นก็เช่นกัน หากไม่กลัวตายก็มาชิงไปจากมือของเรา ถ้าชิงได้สิ่งของก็เป็นของพวกเจ้า”

 

 

จีเฉวียนกวาดพระเนตรมองไปในฝูงชน ในดวงเนตรของพระองค์มีแต่เส้นเลือดแดงก่ำ เพียงขยับพระหัตถ์ก็ชักกระบี่ออกมาจากข้างเอวของหลงเซียว

 

 

หนึ่งกระบวนท่าที่ฟาดออกไป ปรากฏเป็นจิตกระบี่ที่เย็นยะเยือกตัดผ่านอากาศที่ว่างเปล่า

 

 

ตู๋กูซิงหลันหายสาบสูญไปจากในโลงทองแดง ดังนั้นสิ่งของที่อยู่ในนี้ทุกชิ้น เขาจะไม่ยอมให้ผู้ใดมาแตะต้องแม้แต่น้อย

 

 

ผู้คนต่างพากันไม่พอใจมากกว่าเดิม คนบางส่วนยิ่งไม่ยินยอม พากันบุกเข้าไปแย่งชิงสมบัติ

 

 

มือของพวกเขายังไม่ทันสัมผัสถูกสมบัติเหล่านั้น กระบี่ของจีเฉวียนก็พุ่งออกไปก่อนแล้ว

 

 

เฉือนมือ ตัดเท้าทิ้งไป ยามนี้ภายในโลงทองแดงจึงมีแต่เลือดสดสาดกระเซ็นไปทั่วทั้งสี่ทิศ ชิ้นส่วนกระจัดกระจาย

 

 

พระองค์ทรงใช้กระบี่ของหลงเซียว มิใช่กระบี่ของพระองค์เอง จึงทำให้คนพวกนี้รักษาชีวิตเอาไว้ได้

 

 

หลังจากหลายกระบี่ผ่านพ้นไป เหล่าคนที่เคลื่อนไหวอย่างโง่เขลาถึงได้ทำใจให้สงบลงในที่สุด

 

 

พวกเขาถึงคราวเคราะห์ร้ายจริงๆ ….ถึงได้ต้องมาเผชิญกับฮ่องเต้แห่งต้าโจวที่โหดเ**้ยม

 

 

อีกด้านหนึ่ง อิ๋งฉีไม่กล้ากล่าวอะไรออกมาทั้งนั้น

 

 

จีเฉวียนในยามนี้ดูผิดปกติไปมาก ….ท่าทางของเขาเหมือนกับคนที่ได้รับบาดเจ็บหนักอยู่แท้ๆ ….แต่กลับสามารถใช้กระบี่ได้อย่างแข็งแกร่งและเปี่ยมพลัง

 

 

เฉือนคนเหมือนดังหั่นผัก

 

 

อิ๋งฉีลองคิดดู….ดูท่าแล้วจะต้องเกี่ยวข้องอะไรกับคนรักที่เขาไม่อาจแม้แต่จะร้องขอเป็นแน่?

 

 

…………………..

 

 

ขณะที่ตู๋กูซิงหลันถูกมิติแห่งกาลเวลาบดขยี้จนใกล้จะกระอักเลือดออกมานั้น

 

 

เบื้องหน้าของนางก็ปรากฏสีเขียวขึ้นมาวูบหนึ่ง

 

 

หลังจากนั้นก็ได้กลิ่นหอมเข้มข้นของดอกฮว๋ายฮวาลอยมา ในความงุนงงสับสน นางรู้สึกเหมือนกับว่าตนเองได้เห็นชือหลี

 

 

ขณะที่ปลายหางงูขนาดใหญ่กำลังโอบรัดนางเอาไว้นั้น นางก็กระอักเลือดออกมาครั้งหนึ่ง

 

 

“เบาหน่อย เจ็บจัง”

 

 

การรัดมนุษย์ หรือรัดเหยื่อมันก็เหมือนๆ กันนั่นแหละ แต่เพราะว่านางกระดูกหักหลายท่อนมาตั้งแต่แรก แถมตลอดทั้งเนื้อตัวก็มีแต่บาดแผล

 

 

“รู็จักเจ็บจักปวดด้วย เช่นนี้ไม่ตายหรอก” ชือหลีหัวเราะอย่างเย็นชา แต่ก็ยังยอมคลายส่วนหางออก

 

 

“กล่าวขอบใจเราเสียสิ หากมิใช่ว่าเราผู้เป็นเทพใช้พลังรองรับช่องทางกาลเวลาที่ถล่มทลายเอาไว้ แล้วลากเจ้าออกมา ตอนนี้เจ้าก็คงจะดับดิ้นไปแล้ว”

 

 

ในสมองของตู๋กูซิงหลันมีแต่เสียงวิ้งวิ้ง ศีรษะของนางพิงอยู่บนหางงูของชือหลี

 

 

ทั้งเย็นและนุ่มๆ

 

 

นางรู้ดีว่า ชือหลีคอยติดตามพวกนางมาตลอดทาง แต่ว่าที่นางปรากฏตัวขึ้นในตอนนี้ก็เพื่อจะช่วยเหลือตน?

 

 

ตู๋กูซิงหลันคิดว่าคงไม่ใช่เพราะเช่นนั้น

 

 

“ข้าผู้เป็นเทพก็แค่บังเอิญช่วยเจ้าเอาไว้ได้ เจ้าอย่าได้คิดมากไป” เหมือนว่าจะคาดเดาความคิดของนางออก ชือหลีจึงเอาแต่สะบัดหางไปมา

 

 

“อาฮู้ว

 

 

“กะกะ กะต๊าก

 

 

ตอนนี้ข้างกายของนางมีเสียงร้องแปลกๆ ของสัตว์อีกสองตัว

 

 

ตู๋กูซิงหลันลืมตาขึ้นมองดู ก็เห็นว่าที่ข้างกายทั้งซ้ายและขวา มีสุนัขป่าขนเงินยวงยืนอยู่ตัวหนึ่ง และเจ้าไก่ดำขนฟูที่สูงเท่าครึ่งตัวคนอีกหนึ่งตัว

 

 

“อืม ขอบคุณพวกมันทั้งสองด้วยก็แล้วกัน ที่สามารถทนแรงบดขยี้จากมิติกาลเวลาได้ ก็เป็นเพราะพวกมันมีส่วนช่วย”

 

 

ขณะที่พูดไปชือหลีก็ม้วนตู๋กูซิงหลันเอาไว้ พาเข้าไปในถ้ำบนภูเขาแห่งหนึ่ง

 

 

ที่ด้านนอกของภูเขามีต้นฮว๋ายฮวาขนาดใหญ่หลายต้น อากาศภายในถ้ำก็อบอุ่น

 

 

ชือหลีนำนางไปยังด้านในสุด วางลงบนเตียงที่มีขนนุ่มๆ แห่งหนึ่ง

 

 

บนเตียงใหญ่ปูด้วยขนกระต่าย ขาวสะอาดราวหิมะ เพียงแต่ว่าด้านบนยังมีเกล็ดงูหล่นอยู่บ้าง

 

 

“ข้าผู้เป็นเทพเห็นว่าที่นี่มีไอทิพย์อุดมสมบูรณ์ จึงทำรังอยู่ที่นี่ชั่วคราว” ชือหลีวางนางลง ค่อยกลายร่างกลับเป็นคน

 

 

เห็นท่าทางที่อเนจอนาถของนางแล้ว ก็อดที่จะส่ายศีรษะไม่ได้ “ดูตัวเจ้าสิ ไปก่อความแค้นลึกล้ำอะไรกับใครเขา ถึงได้ต้องมามีสภาพเช่นนี้?”

 

 

“อาฮู้ว

 

 

“กะกะ กะต๊าก

 

 

ราชาสุนัขจิ้งจอกตะวันตกและติ๊งต๊องเฝ้าอยู่ด้านข้าง

 

 

ใครกันที่กล้าทำร้ายเจ้านายของหมาป่าน้อยยอดดวงใจของมัน มันจะไปสู้กับคนผู้นั้น

 

 

ใครกันที่ทำร้ายพี่สาวตัวน้อย เฮียจะไปเผาบ้านมันทิ้งเลย

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

Status: Ongoing

ตู๋กูซิงหลัน ปรมาจารย์ไสยศาสตร์ลับผู้เลอโฉมแห่งต้าโจวต้องกลายเป็นไทเฮาแม่ม่ายด้วยวัยเพียงสิบห้าปี และถูกคุมขังอยู่ในตำหนักเย็นด้วยข้อหา ‘งดงามจนทำให้อดีตฮ่องเต้ตกพระทัยตาย’ ด้วยเหตุนี้นางจึงตกเป็นที่รังเกียจของ จีเฉวียน ฮ่องเต้องค์ใหม่และเหล่าสนมทั้งสามพันนางของเขา ขณะกำลังคิดหาหนทางประจบฮ่องเต้องค์ใหม่เพื่อให้ชีวิตของนางได้อยู่สุขสบายขึ้นมาบ้าง บรรดาลูกสะใภ้ที่หวั่นใจกลัวว่าแม่เลี้ยงสาวจะเปลี่ยนสถานะมาเป็นคนข้างหมอนก็พากันตบเท้าเข้ามาหาเรื่องนางมิขาดสาย ไหนจะอดีตคนรักอย่าง จีเย่ว์ ที่มาขอคืนดีด้วยอีก คราวนี้ตู๋กูซิงหลันจึงต้องรับศึกหนักทั้งซ้ายและขวา อีกทั้งยังต้องหาทางฟื้นพลังเพื่อตามหาหยกสรรพชีวิตไปด้วย แล้วแบบนี้จะไม่ให้นางปีนออกนอกกำแพงวังได้อย่างไร

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท