ตอนที่ 876 ไม่มีวันคลางแคลง
เมื่อบรรดาแม่ทัพที่ก่อกบฏตามเมืองต่างๆ รู้ว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วก่อกบฏ พวกเขายอมสวามิภักดิ์กับองค์หญิงเจิ้นกั๋วเพราะบารมีและศีลธรรมอันดีงามของหญิงสาว
นี่เรียกได้ว่าได้ใจของทุกคนไปแล้ว
“ตระกูลไป๋จงรักภักดีมาทุกรุ่น ข้าไม่เชื่อว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วจะกบฏ!” ขุนนางคนหนึ่งคุกเข่าตะโกนลั่น เขามองไปทางไป๋ชิงเหยียนอย่างขอคำยืนยัน จากนั้นกล่าวเสียงสะอื้น “ตระกูลไป๋ทุกรุ่นล้วนซื่อตรงและจงรงรักภักดี ไม่ว่าอย่างไรกระหม่อมก็ไม่เชื่อว่าจะองค์หญิงเจิ้นกั๋วยกทัพก่อกบฏโดยไม่สนใจชื่อเสียงอันดีงามที่สั่งสมมานานของตระกูลไป๋เช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ”
“ชาวบ้านหลายเมืองที่ลุกขึ้นมาก่อกบฏเพราะความเลวร้ายของจักรพรรดิและเหลียงอ๋องยอมสวามิภักดิ์ต่อแคว้นอีกครั้งทันทีที่ทราบว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วก่อกบฏราชวงศ์ต้าจิ้น” หลี่หมิงรุ่ยกล่าวกับขุนนางผู้นั้นยิ้มๆ “เป็นจริงดังที่ท่านกล่าว ตระกูลไป๋จงรักภักดีเสมอมา องค์หญิงเจิ้นกั๋วคือหลานสาวคนโตของตระกูลไป๋ ได้รับการเลี้ยงดูจากเจิ้นกั๋วอ๋องและองค์หญิงใหญ่มาตั้งแต่เล็ก นางจะเข้าแทนที่ราชวงศ์หลินก็ถือว่าสมควรแล้ว พวกข้าจะสนับสนุนให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วขึ้นครองบัลลังก์เป็นจักรพรรดินี ปกป้องคุ้มครองชาวบ้านแคว้นต้าจิ้นของพวกเรา”
ความรู้สึกมากมายเกิดขึ้นในใจของหลู่เซียง เมื่อได้ยินหลี่หมิงรุ่ยกล่าวถึงเจิ้นกั๋วอ๋องไป๋เวยถิง เขาจึงก้มหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาร้อนแรงคู่นั้นจ้องไปทางไป๋ชิงเหยียน จากนั้นเดินเข้าไปด้านหน้าสองก้าวแล้วเอ่ยถาม “องค์หญิงเจิ้นกั๋วจะกบฏจริงๆ หรือพ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนมองสบตาหลู่เซียงโดยไม่หลบ จากนั้นพยักหน้าพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ไม่ปิดบังทุกท่าน ตั้งแต่ที่ข้าทราบข่าวการเสียชีวิตของท่านปู่ ท่านพ่อ ท่านอาและน้องชายของข้าที่หนานเจียง ข้าก็มีความคิดที่จะกบฏแล้ว ที่ตระกูลไป๋และกองทัพไป๋ต้องเสียชีวิตลงที่หนานเจียงเป็นเพราะจักรพรรดิต้าจิ้นคิดว่าตระกูลไป๋มีกองทัพใหญ่อยู่ในครอบครอง พระองค์หวาดระแวงกองทัพไป๋และตระกูลไป๋ ขุนนางของพระองค์จึงเสนอแผนการทำลายบุรุษตระกูลไป๋ของข้าจนเสียชีวิตทั้งหมดเช่นนี้”
ภายในตำหนักใหญ่เงียบกริบ ทุกคนมองไปทางไป๋ชิงเหยียนนิ่ง
ต่งชิงผิงกำมือที่ไขว้อยู่ทางด้านหลังนิ่ง ลอบปาดเหงื่อแทนหลานสาวอยู่ในใจ เขารู้สึกว่าหลานสาวของเขากล่าวตรงเกินไป
“ทุกท่านทราบหรือไม่ว่าเหตุใดท่านปู่ของข้าจึงส่งทายาททุกคนของตระกูลไป๋ไปฝึกซ้อมที่ค่ายทหารเมื่ออายุครบสิบปี” ไป๋ชิงเหยียนกำดาบในมือแน่น ดวงตาแดงก่ำ หญิงสาวหันไปมองบัลลังก์มังกรซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของจักรพรรดินิ่ง “ตอนที่จักรพรรดิของเราองค์นี้ยังเป็นรัชทายาทอยู่ เขาเคยกล่าวกับท่านปู่ของข้าว่า ท่านลุงเขยอายุมากกว่าเราสิบปี เราเห็นท่านเป็นดังพี่ชาย ไม่ได้เห็นท่านเป็นเพียงขุนนาง ท่านลุงเขยเมตตาต่อชาวบ้านทั่วใต้หล้า อยากสร้างความสงบสุขให้ใต้หล้าแห่งนี้ เราก็คิดเช่นเดียวกัน ราชสำนักมีเราอยู่ ในสนามรบมีท่านลุงเขย ชาตินี้เราขอมอบอำนาจทางทหารไว้ที่ท่าน ไม่มีวันคลางแคลง!”
ขุนนางทุกคนกลั้นลมหายใจฟังสิ่งที่ไป๋ชิงเหยียนกล่าวออกมาอย่างไม่รีบร้อน
“แคว้นต้าจิ้นแข็งแกร่งเหนือแคว้นอื่นมาหลายสิบปี บรรดาขุนนางสูงศักดิ์ต่างไม่ยอมส่งทายาทของตัวเองไปเสี่ยงตายอยู่ที่ด่านหน้าอีกแล้ว แคว้นต้าจิ้นของเราจึงมีทหารยอดฝีมือแทบนับจำนวนได้ ในเมื่อไม่สามารถเกณฑ์ทายาทตระกูลอื่นๆ ไปฝึกทหารได้ ท่านปู่ของข้าจึงออกคำสั่งให้ทายาทตระกูลไป๋ที่มีอายุครบสิบปีเข้าไปฝึกซ้อมในค่ายทหารทั้งหมดเพราะท่านต้องการฝึกแม่ทัพยอดฝีมือรุ่นใหม่ที่ทุกคนต่างหวาดกลัวให้แคว้นต้าจิ้น ทว่า ในสายตาของจักรพรรดิต้าจิ้น…พระองค์กลับคิดเพียงว่าตระกูลไป๋ทำไปเพื่อต้องการควบคุมอำนาจทางทหารให้อยู่ในกำมือเท่านั้น”
“เมื่อเผชิญหน้ากับแม่ทัพดุดันอวิ๋นพั่วสิงแห่งซีเหลียงในสงครามหนานเจียง ท่านปู่ของข้าพาบุรุษทั้งหมดของตระกูลไป๋ไปยังสนามรบด่านหน้า น้องชายคนเล็กที่สุดของข้าอายุเพียงสิบขวบเท่านั้น ท่านปู่ไม่เคยเหลือทางรอดให้ตระกูลไป๋ ท่านปู่จงรักภักดีต่อราชวงศ์ถึงเพียงนี้เพราะคำกล่าวของจักรพรรดิต้าจิ้นที่ว่าต้องการสร้างความสงบสุขให้ใต้หล้าประโยคเดียวเท่านั้น ท่านปู่ตั้งกฎของตระกูลขึ้นมาว่าท่านปู่จะทำให้ทายาทตระกูลไป๋ทุกคนกลายเป็นดาบคมที่สุดในมือของจักรพรรดิต้าจิ้นเพื่อปูทางสำหรับการรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง เพื่อฝึกฝนแม่ทัพที่เก่งกาจให้แก่ใต้หล้าแห่งนี้”
ไป๋จิ่นซิ่วและไป๋จิ่นเซ่อยืนอยู่หน้าตำหนัก แม้เสียงของไป๋ชิงเหยียนจะไม่ได้ดุดันหรือดังกังวานสักเท่าใด ทว่า มันมีพลังราวกับน้ำที่ค่อยๆ ไหลทะลักออกมาจนทำให้คนรู้สึกสั่นสะท้าน
จุดจบของตระกูลไป๋เกิดขึ้นเพราะท่านปู่เชื่อคำสัญญาว่าจะรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนี่งของจักรพรรดิต้าจิ้น
“นามรองของท่านปู่ของข้าคือปู้อวี๋ มีความหมายว่าปรารถนาจะสร้างใต้หล้าที่สงบสุขและมีแต่สันติสุขให้ชาวบ้าน ปณิธานนี้จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงจวบจนวันตาย!”
“การรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งคือปณิธานของคนทุกรุ่นของตระกูลไป๋ มีเพียงใต้หล้ารวมเป็นหนึ่งเท่านั้น แผ่นดินนี้จึงจะสงบสุขอย่างแท้จริง แผ่นดินนี้จึงจะไม่มีซากศพและกองกระดูก ไม่มีชาวบ้านที่ไร้ถิ่นฐานและที่พักผิง ไม่มีชาวบ้านที่ต้องบ้านแตกสาแหรกขาดอีกต่อไป! เมื่อใต้หล้ารวมเป็นหนึ่ง ชาวบ้านของทุกแคว้นจะกลายเป็นครอบครัวเดียวกัน บ้านเมืองสงบสุข ตระกูลไป๋ต้องการให้ชาวบ้านในใต้หล้าแห่งนี้มีชีวิตเช่นนี้!”
นี่คือครั้งแรกที่ไป๋ชิงเหยียนบอกปณิธานที่ต้องการรวบรวมใต้หล้าเป็นหนึ่งให้แก่ทุกคนในต้าจิ้นฟังเช่นนี้
“จักรพรรดิต้าจิ้นไม่มีปณิธานเช่นนี้ ราชวงศ์ต้าจิ้นคิดเพียงปกป้องบัลลังก์ของราชวงศ์ตัวเองเท่านั้น พวกเขาไม่เคยคิดจะกลายเป็นจักรพรรดิผู้บุกเบิก ไม่เคยคิดรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง!”
ดวงตาของไป๋ชิงเหยียนวาวโรจน์ “ต่อมาเมื่อได้รับข่าวว่าต้าเยี่ยนต้องการทำลายล้างแคว้นเว่ย ข้าก็ยิ่งตั้งใจแน่วแน่ว่าหลังจากทำลายต้าเหลียงได้ ข้าจะกลับมาโค่นล้นราชวงศ์หลิน ต้าเยี่ยนไม่ได้ทำลายแคว้นเว่ยเพียงเพราะต้องการเป็นที่หนึ่งเหนือแคว้นอื่นเท่านั้น พวกเขาทำไปเพราะต้องการขจัดความกังวลทางทิศตะวันตกและทิศใต้ของแคว้นตัวเอง จักพรรดิแคว้นอื่นมีปณิธานต้องการครอบครองใต้หล้า ทว่า ลองดูจักรพรรดิและองค์ชายของแคว้นต้าจิ้นสิ ผู้ใดมีจิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่เช่นนั้นบ้าง”
ทว่า ข้อได้เปรียบของต้าเยี่ยนหายไปทันทีที่ต้าจิ้นทำลายแคว้นต้าเหลียงได้
แม้จะเป็นเช่นนี้ ทว่า ขุนนางในตำหนักก็อดยอมรับไม่ได้ว่าการแคว้นที่เคยตกเป็นรองผู้อื่นอย่างต้าเยี่ยนผงาดขึ้นมาอีกครั้งจนเกือบล้ำหน้าแคว้นต้าจิ้นได้เพียงเวลาอันรวดเร็วไม่เกินสิบปีเช่นนี้ช่างน่าหวาดกลัวยิ่งนัก
หากไม่ใช่เพราะองค์หญิงเจิ้นกั๋วทำลายต้าเหลียงได้ บัดนี้ต้าจิ้นคงตกเป็นรองแคว้นต้าเยี่ยนแน่นอน
“ระหว่างทางที่กลับมาเมืองหลวง เมื่อข้าทราบว่าจักรพรรดิต้าจิ้นคิดใช้ชีวิตของเด็กหนึ่งพันคนไปปรุงยาวิเศษจนชาวบ้านเดือดร้อนกันไปทั่ว ข้ายิ่งตั้งมั่นว่าจะโค่นล้มราชวงศ์หลินให้ได้ ทุกท่านอาจไม่ได้เห็นภาพราวกับนรกบนดินของเมืองต่างๆ ทว่า แม่ทัพหลิวหงและแม่ทัพหลินคงเห็นอย่างชัดเจน!” ไป๋ชิงเหยียนหันไปมองหลินคังเล่อและหลิวหง
หลินคังเล่อกำหมัดก้าวไปด้านหน้า “ข้าเป็นคนหยาบ ระหว่างทางกลับมาเมืองหลวงข้าพบมารดาของเด็กเหล่านั้นคิดพาเด็กกระโดดน้ำเอาตายเพราะไม่อยากให้ลูกของตัวเองถูกจับไปทำยาวิเศษ เมื่อข้ารู้ว่าปู่และบิดาของเด็กเหล่านั้นล้วนเคยเสียชีวิตในสนามรบที่หนานเจียงมาก่อนข้าก็ตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าหากองค์หญิงเจิ้นกั๋วมอบเด็กเหล่านั้นให้ทางการตามราชโองการของฝ่าบาท ข้าจะก่อกบฏขอรับ! ต่อให้ข้าตายก็ไม่มีวันปล่อยสุนัขรับใช้ของจักรพรรดิต้าจิ้นพาเด็กเหล่านั้นไปเด็ดขาด ต่อมาองค์หญิงเจิ้นกั๋วตรัสว่าตระกูลไป๋จะคุ้มครองผู้ที่ปกป้องชาวบ้าน! ผู้ใดปกป้องให้ชาวบ้านมีชีวิตอยู่อย่างไร้กังวลเป็นพันหมื่นปี ตระกูลไป๋ก็จะปกป้องคนผู้นั้นไปนับพันหมื่นปี ผู้ที่ทำร้ายและข่มเหงชาวบ้าน ตระกูลไป๋จะก่อกบฏเพื่อปกป้องชาวบ้านขอรับ”
หลินคังเล่อนึกถึงถ้อยคำที่องค์หญิงเจิ้นกั๋วกล่าวว่าจะก่อกบฏราชวงศ์หลินในตอนนั้นก็เลือดร้อนขึ้นมาทันที เขากล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นและตื้นตัน “วันนั้นองค์หญิงเจิ้นกั๋วตัดสินใจก่อกบฏต่อราชวงศ์หลินเพื่อชาวบ้าน ทำให้ชาวบ้านมีแผ่นดินที่สงบสุขและไร้ความกังวล ข้ายินดีติดตามรับใช้องค์หญิงเจิ้นกั๋วจนวันตายขอรับ!”
กล่าวจบหลินคังเล่อกำหมัดคุกเข่าลงตรงหน้าไป๋ชิงเหยียน
“ไป๋ชิงเหยียนก่อกบฏต่อราชวงศ์ต้าจิ้นแล้ว ข้าจะเข้าแทนที่ราชวงศ์หลินเพื่อรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง ข้าจะพยายามอย่างสุดความสามารถจวบจนชีวิตของข้าจะหาไม่!” ไป๋ชิงเหยียนยกมือคารวะขุนนางทุกคนที่อยู่กลางท้องพระโรง “ทุกท่านได้โปรดร่วมมือกับไป๋ชิงเหยียนด้วยเถิด ไป๋ชิงเหยียนจะทำให้ทุกท่านได้เห็นวันที่ชาวบ้านมีชีวิตอยู่อย่างสงบสุข แผ่นดินแห่งนี้มีแต่สันติสุขให้ได้”