ตอนที่ 887 แข็งแรงและอายุยืนยาว
เฉวียนอวี๋เอามือประสานไว้ที่หน้าท้องเดินตามหลังเจินหมิงเข้าไปในเรือนชิงฮุย เขามองเห็นเงาของไป๋ชิงเหยียนที่กำลังก้มหน้าเขียนสิ่งใดบางอย่างอยู่ผ่านทางหน้าต่าง ขอบตาของเขาร้อนผ่าวขึ้นทันที
“กงกงโปรดรอสักครู่ ข้าจะเข้าไปรายงานคุณหนูใหญ่ก่อนเจ้าค่ะ” เจินหมิงทำความเคารพเฉวียนอวี๋แล้วกล่าวขึ้น
เฉวียนอวี๋พยักหน้าให้อย่างขอบคุณ เขายืนรออยู่ตรงระเบียงทางเดินอย่างสำรวม เมื่อก้มหน้าลงก็เห็นเงาที่ผมเผ้าและเครื่องแต่งกายที่ไม่เรียบร้อยของตัวเอง เมื่อคิดได้ว่าอีกสักครู่ต้องพบหน้าองค์หญิงเจิ้นกั๋ว เฉวียนอวี๋จึงรีบจัดการกับตัวเองให้เรียบร้อย เขาปัดเศษฝุ่นที่ติดอยู่ตามเสื้อผ้าออก ยกมือจัดผมของตัวเองให้เข้าที่ ที่นี่ไม่มีหวีและน้ำ เฉวียนอวี๋ยังหาวิธีจัดผมของตัวเองไม่ให้รุงรังไม่ได้ก็ได้ยินเสียงเจินหมิงเรียกเข้าไปด้านในเสียก่อน
เฉวียนอวี๋กล่าวขอบคุณเจินหมิง จากนั้นเดินก้มหน้าตามเจินหมิงเข้าไปด้านใน เขาเอาแต่ก้มหน้ามองไปที่รองเท้าของเจินหมิง เมื่ออ้อมฉากกั้นไปหยุดอยู่หน้าเก้าอี้ เฉวียนอวี๋จึงรีบคุกเข่าลงบนพื้น “เฉวียนอวี๋คารวะองค์หญิงเจิ้นกั๋วพ่ะย่ะค่ะ”
“เฉวียนอวี๋กงกงไม่ต้องมากพิธี” ไป๋ชิงเหยียนวางพู่กันลง จากนั้นรับชาร้อนที่เจินหมิงส่งมาให้ “เจินหมิงไปนำเก้าอี้มาให้เฉวียนอวี๋กงกงที”
เมื่อเห็นว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วปฏิบัติต่อเขาด้วยท่าทีปกติ เฉวียนอวี๋จึงกล้าเงยหน้าขึ้นมององค์หญิงเจิ้นกั๋ว “ขอบพระทัยองค์หญิงเจิ้นกั๋วพ่ะย่ะค่ะ”
เขาเห็นไป๋ชิงเหยียนที่ซูบผอมลงไม่น้อย ทว่า ยังดูสง่าผ่าเผยเหมือนเดิมมองมาทางเขาด้วยแววตาที่เป็นปกติ ขอบตาของเฉวียนอวี๋ร้อนผ่าว เขาเอ่ยถามเสียงแผ่วเบา “ไม่ทราบว่าพระวรกายขององค์หญิงเจิ้นกั๋วเป็นเช่นไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ”
“ขอบใจเฉวียนอวี๋กงกงที่เป็นห่วง ท่านหมอหงช่วยรักษา อาการของข้าจึงดีขึ้นมากแล้ว” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับเฉวียนอวี๋ด้วยน้ำเสียงปกติ เมื่อเห็นเจินหมิงยกเก้าอี้กลมเข้ามา นางจึงพยักหน้าให้เฉวียนอวี๋ลุกขึ้นนั่ง
เฉวียนอวี๋พยักหน้าแล้วลุกขึ้นมา เมื่อนั่งลงบนเก้าอี้ เจินหมิงก็เดินมารินน้ำชาให้เฉวียนอวี๋ เฉวียนอวี๋รีบลุกขึ้นยืนขอบคุณ จากนั้นนั่งลงตามเดิมแล้วมองไปทางไป๋ชิงเหยียน “บ่าวขอบังอาจถาม บ่าวได้ยินว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วทรงขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดินีแล้ว องค์หญิงทรงทำไปเพราะไม่ทราบว่าองค์ชายยังมีพระชนม์ชีพอยู่ใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋จิ่นเซ่อมองไปทางพี่สาวของตัวเอง นางเห็นพี่หญิงใหญ่มองไปทางเฉวียนอวี๋ด้วยสีหน้าจริงจัง ไม่มีท่าทีปิดบังแม้แต่น้อย “ไม่ใช่เช่นนั้น เฉวียนอวี๋กงกงอยู่รับใช้ข้างกายองค์รัชทายาทมานานย่อมทราบดีว่าพระองค์หวาดกลัวฝ่าบาทมาก หวาดกลัวจนยอมสร้างหอบูชาเก้าชั้นสิ้นคิดนั่นเพื่อประจบฝ่าบาท บัดนี้จักรพรรดิต้าจิ้นยังมีพระชนม์ชีพอยู่ หากองค์รัชทายาทได้ขึ้นครองบัลลังก์ เฉวียนอวี๋กงกงคิดว่าเด็กชายและหญิงหนึ่งพันคนนั่นจะรอดชีวิตหรือไม่”
เฉวียนอวี๋กำถ้วยน้ำชาแน่น เขาสามารถตอบได้ทันทีโดยไม่ต้องคิดว่าไม่มีทาง
“จากความสามารถขององค์รัชทายาทในตอนนี้ หากพระองค์ยอมฟังคำตักเตือนของขุนนางในราชสำนัก พระองค์อาจพอกลายเป็นจักรพรรดิที่เหมาะสมที่สามารถคุ้มครองแคว้นของตัวเองให้ปลอดภัยได้ ทว่า พระองค์ไม่อาจเป็นจักรพรรดิที่สร้างสิ่งยิ่งใหญ่กว่านั้น…อย่างการรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งได้”
ดังนั้นองค์หญิงเจิ้นกั๋วจะขึ้นเป็นจักรพรรดินีจริงๆ สินะ
เฉวียนอวี๋เงยหน้ามองไปทางไป๋ชิงเหยียนทั้งน้ำตา “บัดนี้องค์ชายทรงถูกเหลียงอ๋องจับตัวไป องค์หญิงเจิ้นกั๋วจะไม่ช่วยองค์ชายหรือพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายทรงเชื่อมาโดยตลอดว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วจงรักภักดีต่อพระองค์ องค์หญิงเจิ้นกั๋วจะปล่อยองค์ชายไปเช่นนี้ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ!”
เฉวียนอวี๋กล่าวเสียงสะอื้น
“เหลียงอ๋องน่าจะจับตัวองค์รัชทายาทไปยังเมืองลั่วหง ฉินซ่างจื้อควบคุมคนซ่อมแซมเขื่อนกว่างเหออยู่ที่นั่น เขามีกำลังทหารอยู่ในมือ อีกทั้งจงรักภักดีต่อองค์รัชทายาทมาก หากเหลียงอ๋องต้องการกำลังทหารเหล่านั้น เขาต้องจับตัวองค์รัชทายาทไปต่อรองกับฉินซ่างจื้อ ดังนั้นองค์รัชทายาทไม่มีทางเป็นอันใดไปตอนนี้แน่ ที่สำคัญมีท่านย่าของข้าองค์หญิงใหญ่แห่งราชวงศ์หลินอยู่ นางไม่มีทางปล่อยให้เหลียงอ๋องสังหารองค์รัชทายาทแน่นอน”
เพราะท่านย่าของนางยังหวังว่านางจะช่วยสนับสนุนให้องค์รัชทายาทขึ้นครองราชย์อยู่
“เฉวียนอวี๋กงกง ข้ามีเรื่องหนึ่งอยากถามมานานแล้ว…” ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางเฉวียนอวี๋อย่างจริงจัง “เฉวียนอวี๋กงกงเคยเอ่ยเตือนน้องหญิงสี่ของข้าตอนที่นางสืบคดีเสบียงที่ถูกยักยอก เมื่อนึกย้อนดูแล้วข้ารู้สึกว่าเฉวียนอวี๋กงกงดูแลทุกคนในตระกูลไป๋เป็นอย่างดี ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใดอย่างนั้นหรือ”
เฉวียนอวี๋ได้ยินจึงเงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียนอย่างจริงจัง จากนั้นกล่าวด้วยดวงตาที่แดงก่ำ “บ่าวเอ่ยเตือนคุณหนูสี่เพราะไม่อยากให้นางวู่วาม หากนางวู่วามจนเด็กในครรภ์ของพระชายาเอกได้รับความกระทบกระเทือน องค์รัชทายาทอาจพลอยโกรธองค์หญิงเจิ้นกั๋วไปด้วย ส่วนเรื่องที่ดูแลตระกูลไป๋เป็นพิเศษ…ล้วนเป็นเพราะองค์หญิงเจิ้นกั๋วพ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางเฉวียนอวี๋นิ่งอย่างรอฟังคำกล่าวต่อไปของเขา
ลำคอของเฉวียนอวี๋ร้อนผ่าว ไม่นานจึงเอ่ยต่อด้วยเสียงแหบพร่า “เพราะว่าแววตาที่องค์หญิงเจิ้นกั๋วมองมาที่บ่าวคือแววตาที่ใช้มองคนปกติทั่วไป ไม่เหมือนแววตาที่ใช้มองของเล่น ไม่เหมือนแววตาของผู้ที่มาขอร้องให้บ่าวทำสิ่งใดให้ที่ต่อหน้ากล่าวประจบบ่าว ลับหลังกลับด่าว่าบ่าวเป็นเพียงคนพิการไม่ปกติ มีเพียงอยู่ต่อหน้าองค์หญิงเจิ้นกั๋วเท่านั้น บ่าวจึงจะรู้สึกว่าบ่าวเป็นมนุษย์คนหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนเข้าใจเรื่องทุกอย่างในทันที
ที่แท้ตระกูลไป๋และนางไม่เคยทำสิ่งใดให้เฉวียนอวี๋เลย ทว่า เป็นเพราะการไม่ดูถูกเหยียดหยามผู้อื่นของนางจึงทำให้เฉวียนอวี๋เต็มใจดูแลคนตระกูลไป๋ถึงเพียงนี้
เฉวียนอวี๋กล่าวพลางน้ำตาไหลพราก เขารีบก้มหน้าใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาของตัวเองทิ้ง เขาวางถ้วยชาร้อนลงบนโต๊ะด้านข้าง จากนั้นก้มศีรษะคำนับไป๋ชิงเหยียนอย่างนอบน้อม “บ่าวบังอาจขอร้องให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วช่วยเหลือองค์ชายของบ่าวด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่ต้องห่วง น้องหญิงรองของข้านำทัพไปยังเมืองลั่วหงแล้ว” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับเฉวียนอวี๋จบจึงเอ่ยถามขึ้นอีกประโยค “เฉวียนอวี๋ เจ้าอยากอยู่รับใช้ข้างกายข้าหรือไม่”
เฉวียนอวี๋นึกไม่ถึงว่าไป๋ชิงเหยียนจะให้เขาอยู่รับใช้ข้างกายของนางทั้งๆ ที่เขาเคยเป็นขันทีข้างกายขององค์รัชทายาทเช่นนี้!
เฉวียนอวี๋ตกตะลึง แววตาส่อแววดีใจออกมา ทว่า ไม่นานแววตายินดีนั้นก็สลายไป ความเศร้าสร้อยเข้ามาแทนที่ เขาคำนับไป๋ชิงเหยียนอีกครั้ง “ขอบพระทัยในความเมตตาขององค์หญิงเจิ้นกั๋วพ่ะย่ะค่ะ เฉวียนอวี๋อยากอยู่รับใช้องค์หญิงเจิ้นกั๋ว ทว่า เฉวียนอวี๋ทอดทิ้งองค์ชายไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ เฉวียนอวี๋ติดตามรับใช้องค์ชายมาตั้งแต่เล็ก องค์ชายทรงเมตตาเฉวียนอวี๋ ไม่ให้เฉวียนอวี๋ถูกคนรังแก ให้เฉวียนอวี๋กินอิ่มนอนหลับ องค์ชายทรงมีพระคุณเพราะทรงมอบชีวิตใหม่ให้แก่เฉวียนอวี๋ แม้ในสายตาของพระองค์เฉวียนอวี๋จะเป็นเพียงบ่าวรับใช้ที่รับใช้ให้พระองค์รู้สึกสบาย ทว่า เฉวียนอวี๋จะลืมบุญคุณขององค์ชายไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ!”
เฉวียนอวี๋กล่าวต่อเสียงหนักแน่น “บัดนี้องค์ชายทรงตกอยู่ในอันตราย เฉวียนอวี๋ยิ่งไม่อาจทอดทิ้งองค์ชายไปได้ บัดนี้เฉวียนอวี๋ไร้ที่พึ่งในเมืองหลวง ไม่มีเงินซื้อม้า เฉวียนอวี๋ขอบังอาจทูลขอม้าจากองค์หญิงเจิ้นกั๋วสักตัวเพื่อเดินทางไปยังลั่วหงด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางเฉวียนอวี๋ที่ก้มศีรษะคำนับนาง ครู่ใหญ่จึงเอ่ยขึ้น “ข้านับถือใจที่จงรักภักดีของเฉวียนอวี๋กงกงยิ่งนัก เจินหมิง ให้คนคุ้มกันส่งเฉวียนอวี๋กงกงไปยังเมืองลั่วหงด้วย”
“ขอบพระทัยองค์หญิงเจิ้นกั๋วพ่ะย่ะค่ะ!” เฉวียนอวี๋ก้มศีรษะคำนับขอบคุณไป๋ชิงเหยียนอีกครั้ง จากนั้นเงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียน “ขอให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วมีแต่ความราบรื่น พลานามัยแข็งแรงและอายุยืนยาวพ่ะย่ะค่ะ”
นี่คือคำอวยพรจากใจจริงของเฉวียนอวี๋และเป็นสิ่งเดียวที่เขาจะทำให้หญิงสาวได้
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้าขอบคุณ “เฉวียนอวี๋กงกงรักษาตัวด้วย”
เฉวียนอวี๋น้ำตาไหลพราก เขาก้มศีรษะคำนับไป๋ชิงเหยียนอีกครั้ง จากนั้นประสานมือไว้ที่หน้าท้องเดินออกจากห้องของเรือนชิงฮุยไปอย่างนอบน้อม