ตอนที่ 895 ไม่ช่วยเหลือ
มู่หรงเหยี่ยนมองดูสีหน้าหนักแน่นของมู่หรงผิงและมู่หรงลี่ เขารู้สึกขบขันกับความไร้เดียงสาของเด็กทั้งสองจนแววตาเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย
มู่หรงเหยี่ยนส่ายหน้า จากนั้นกล่าวกับทั้งสอง “หากต้องการรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง เราจะอ่อนโยนและประนีประนอมไม่ได้ เราต้องใช้วิธีที่เด็ดขาดและไม่เหมือนผู้อื่นจึงจะครอบครองใต้หล้าได้ในเร็ววัน ต้องมีคนรับหน้าที่นี้ ทว่า คนผู้นั้นไม่สามารถเป็นจักรพรรดิที่จะขึ้นครองราชย์หลังจากรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งได้ เมื่อใต้หล้าสงบสุข จักรพรรดิที่ชาวบ้านหวังจะได้คือจักรพรรดิทรงคุณธรรมที่มีความเมตตาและห่วงใยพวกเขาจริงๆ”
มู่หรงผิงและมู่หรงลี่นั่งฟังคำสอนของมู่หรงเหยี่ยนอยู่ฝั่งตรงข้ามชายหนุ่มอย่างตั้งใจ
“อายินดีจะเป็นขุนนางที่กุมอำนาจและทำทุกวิถีทางเพื่อให้ต้าเยี่ยนได้พัฒนาขึ้นไปอีกขั้นผู้นั้นเอง ส่วนแคว้นต้าเยี่ยนจำเป็นต้องมีจักรพรรดิทรงคุณธรรมที่มีความเมตตา ได้รับการปกป้องจากชาวบ้านทุกคน” มู่หรงเหยี่ยนมองมู่หรงผิง จากนั้นมองไปทางมู่หรงลี่แล้วกล่าวต่อ “เมื่อใต้หล้ารวมเป็นหนึ่ง ต้าเยี่ยนได้ครอบครองใต้หล้า วันนั้นจักรพรรดิผู้ทรงคุณธรรมจะสังหารขุนนางผู้กุมอำนาจทิ้งเสียเพื่อปลอบขวัญชาวบ้าน เช่นนี้เขาจะกลายเป็นจักรพรรดิผู้ทรงคุณธรรมที่ได้ใจของชาวบ้านทั่วหล้า”
“ท่านอาเก้า!” มู่หรงผิงอุทานด้วยความตกใจ แผ่นหลังชาวาบ “ท่านอาเก้ากล่าวเช่นนี้ได้เช่นไรขอรับ พวกเราคือครอบครัวเดียวกัน จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร…”
มู่หรงเหยี่ยนโบกมือไม่ให้มู่หรงผิงใจร้อน “แค่แสดงละครตบตาผู้อื่นเท่านั้น เมื่อใต้หล้ามีความสันติสุข พวกเจ้าก็คงเติบใหญ่กลายเป็นเสาหลักของต้าเยี่ยนกันได้หมดแล้ว ข้าจะได้มอบต้าเยี่ยนให้พวกเจ้าได้อย่างหายห่วง แล้วไปใช้ชีวิตที่ข้าอยากใช้เสียที”
สายตาของมู่หรงเหยี่ยนหยุดอยู่ที่มู่หรงลี่ “พี่ชายรองของเจ้ากล่าวถูก บัดนี้พวกเจ้ายังเด็กอยู่ พวกเจ้าล้วนไม่เหมาะสมที่จะทำหน้าที่นี้”
“ต้าเยี่ยนเดินทางมาอย่างยากลำบากจนมีอย่างทุกวันนี้ได้ ไม่ว่าเสด็จพ่อของเจ้าจะมอบบัลลังก์นี้ให้ข้าหรือข้าจะมอบบัลลังก์นี้ต่อให้พวกเจ้า พวกเราล้วนทำเพื่อต้าเยี่ยน พวกเราไม่ได้กำลังเลือกว่าผู้ใดควรนั่งบนบัลลังก์นั้นมากที่สุด ทว่า พวกเรากำลังปูทางที่เหมาะสมที่สุดให้แคว้นต้าเยี่ยนในวันข้างหน้า”
มู่หรงลี่และมู่หรงผิงเข้าใจความหมายที่มู่หรงเหยี่ยนต้องการสื่อ ทั้งสองนิ่งเงียบไปทันที
“ท่านอาเก้า ข้าเป็นแม่ทัพ ไม่เหมาะที่จะเป็นจักรพรรดิขอรับ” มู่หรงผิงหันไปทางมู่หรงลี่ “แม้อาลี่อายุยังน้อย ทว่า เขาโดดเด่นมากที่สุดในบรรดาพี่น้องทุกคน ตอนนั้นข้าควรไปเป็นตัวประกันที่ต้าจิ้น ทว่า อาลี่กลับไปแทนข้า เพราะอาลี่เป็นโอรสที่เกิดจากฮองเฮา ต้าจิ้นจึงลดความหวาดระแวงในต้าเยี่ยน สติปัญญาและความสามารถของอาลี่โดดเด่นกว่าพี่น้องทุกคน ข้าคิดว่าอาลี่เหมาะสมที่สุดขอรับ!”
มู่หรงผิงอยากสร้างความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในสนามรบ เขารู้ดีว่าเขาสามารถเป็นแม่ทัพที่ดีได้ ทว่า เขาไม่สามารถเป็นจักรพรรดิที่ดีได้แน่นอน
ทว่า อาลี่ไม่เหมือนกัน อาลี่ไม่เพียงเป็นโอรสที่เกิดจากฮองเฮา อาลี่ยังมีสติปัญญาที่โดดเด่น สายตาที่กว้างไกล มีความกล้าหาญทั้งที่อายุเพียงแค่นี้ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นพื้นฐานที่จักรพรรดิคนหนึ่งควรมีและอาลี่มีมันทั้งหมด
โคมไฟดอกบัวสามสิบสองแฉกทางด้านหลังของมู่หรงเหยี่ยนสะบัดตามแรงลม
มู่หรงลี่มีคุณสมบัติในการเป็นจักรพรรดิ ทว่า ในตอนนี้มู่หรงเหยี่ยนยังมองไม่เห็นความทะเยอทะยานของผู้เป็นจักรพรรดิในตัวของมู่หรงลี่ ดังนั้นเขาจึงต้องถามให้แน่ชัด
หากมู่หรงลี่ไม่อยากขึ้นเป็นจักรพรรดิ เขาจะไม่บังคับหลานชาย เขายินดีที่จะเลือกมู่หรงผิงแทน
ไม่นานมู่หรงลี่ที่อายุยังน้อยจึงเงยหน้าขึ้นสบตามู่หรงเหยี่ยน แววตาของเขาหนักแน่นและแดงก่ำเล็กน้อย “อาลี่ยินดีขึ้นเป็นจักรพรรดิของต้าเยี่ยนขอรับ หากท่านอาเก้ากล้ามอบต้าเยี่ยนให้อาลี่ อาลี่จะร่วมแรงร่วมใจกับท่านอาเก้าทำให้ต้าเยี่ยนรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งเพื่อสานต่อปณิธานของเสด็จพ่อและเสด็จย่าให้สำเร็จให้ได้ขอรับ!”
เมื่อมู่หรงเหยี่ยนได้ยินมู่หรงลี่เอ่ยถึงมารดาและพี่ชาย เขาขยับริมฝีปากเล็กน้อย ขอบตาเริ่มร้อนผ่าว ครู่หนึ่งจึงเม้มปากคลี่ยิ้มออกมา จากนั้นเอื้อมมือไปลูบศีรษะของมู่หรงลี่เบาๆ เขาหยิบราชโองการของพี่ชายขึ้นมาดูอีกครั้ง จากนั้นยื่นมันลงไปในโคมไฟดอกบัวที่ส่องสว่าง
เปลวไฟค่อยๆ กลืนกินราชโองการที่เขียนด้วยน้ำหมึกสีดำจนเกิดเสียงกรอบแกรบขึ้นเล็กน้อย เปลวไฟลามไปถึงขอบของราชโองการ
แสงของเปลวไฟสะท้อนอยู่ในดวงตาลึกล้ำสีดำของมู่หรงเหยี่ยน
ในเมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ขึ้นครองบัลลังก์ การเก็บราชโองการนี้ไว้อาจเกิดปัญหาตามมาในภายหลัง ไม่สู้เผามันทิ้งเพื่อความสงบสุขของแคว้นดีกว่า
“ท่านอาเก้า…” มู่หรงลี่รู้ดีว่าท่านอาเก้าเผาราชโองการทิ้งด้วยความเจ็บปวด นี่คือสิ่งสุดท้ายที่เสด็จพ่อทิ้งไว้ขณะยังมีชีวิตอยู่ ทว่า ท่านอาเก้าตัดสินใจเผามันทิ้งเพื่อความสงบสุขของแคว้นต้าเยี่ยน เพื่อให้เขานั่งอยู่บนบัลลังก์นี้ได้อย่างมั่นคง
“วันนี้จะมีการประกาศข่าวการสวรรคตของเสด็จพี่ จากนั้นข้าจะประกาศกับทุกคนว่าเสด็จพี่ยกบัลลังก์ให้เจ้า ทว่า องค์ชายมู่หรงลี่อายุยังน้อย ท่านอ๋องเก้ามู่หรงเหยี่ยนจึงจะสำเร็จราชการแทน…” มู่หรงเหยี่ยนหันไปมองมู่หรงลี่ “นับจากนี้ อาจะกลายเป็นขุนนางผู้ทะเยอทะยานในราชสำนัก ไม่ว่าข้าจะทำสิ่งใดก็ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับเจ้า เจ้ามีหน้าที่เพียงแค่รอวันที่ใต้หล้ารวมเป็นหนึ่ง จากนั้นหาโอกาสกำจัดอ๋องเก้าอย่างข้าเสีย จากนั้นค่อยแสดงความเมตตาให้ชาวบ้านได้เห็น”
ขอบตาของมู่หรงลี่ร้อนผ่าว น้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เขารีบใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาทิ้งเพราะไม่อยากให้ท่านอาเก้าเห็น เขาจำได้ว่าท่านอาเก้าเกลียดการเห็นน้ำตาของพวกเขามากที่สุด บุรุษเสียเหงื่อได้แต่ไม่ควรเสียน้ำตา
มู่หรงเหยี่ยนกำราชโองการที่ไหม้ไฟไว้ในมือ เขาก้มหน้ามองดูราชโองการที่ถูกไฟไหม้ไปเกือบครึ่ง เปลวไฟที่ลุกลามขึ้นเรื่อยๆ สะท้อนใบหน้าเยือกเย็นของมู่หรงเหยี่ยนจนดูเคร่งขรึมยิ่งกว่าเดิม แสงนวลเหลืองของเปลวไฟไม่ได้ทำให้ใบหน้าของมู่หรงเหยี่ยนอ่อนโยนขึ้นเลยแม้แต่น้อย กลับยิ่งดูดุดันน่าเกรงขามมากขึ้นกว่าเดิม
มู่หรงผิงรีบหยิบกะละมังสีทองแดงไปวางไว้ข้างกายมู่หรงเหยี่ยนอย่างรู้งาน จากนั้นนั่งคุกเข่าลงที่เดิม
เมื่อไฟเผาไหม้ราชโองการจนเกือบหมดสิ้น มู่หรงเหยี่ยนจึงวางราชโองการลงในกะละมังทองแดงที่มู่หรงผิงย้ายมาวางให้
“ท่านอาเก้า…” มู่หรงลี่เอ่ยเรียกเสียงแหบพร่า
“เดิมทีข้าคิดว่าเมื่อต้าเยี่ยนยึดแคว้นเว่ยได้ ต้าเยี่ยนจะกลายเป็นใหญ่เหนือทุกแคว้น ทว่า ต้าจิ้นลงมือกำจัดต้าเหลียงอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน ดังนั้นต้าเยี่ยนเลยไม่ได้เป็นต่อต้าจิ้นอีก ข้าทำสัญญาตกลงกับหรงตี๋ว่าต้าเยี่ยนจะไม่เข้าไปวุ่นวายและช่วยเหลือสงครามระหว่างหรงตี๋และซีเหลียงเป็นเวลาสามปีเพราะต้องการแลกตัวทหารของพวกเราที่อยู่ในหรงตี๋กลับคืนมา” มู่หรงเหยี่ยนมองมู่หรงลี่ “คำนวณดูจากเวลาแล้วทูตของเราคงไปถึงซีเหลียงแล้ว จักรพรรดินีของซีเหลียงคงทราบเรื่องข้อตกลงระหว่างหรงตี๋และต้าเยี่ยนแล้ว”
มู่หรงเหยี่ยนส่งทูตไปแจ้งเรื่องที่ต้าเยี่ยนจำเป็นต้องทำข้อตกลงกับหรงตี๋ว่าจะไม่เข้าไปแทรกแซงหรือช่วยเหลือเมื่อหรงตี๋ทำสงครามกับซีเหลียงเพื่อแลกทหารของต้าเยี่ยนที่ถูกจับตัวอยู่ในหรงตี๋กลับคืนมาให้ซีเหลียงรับรู้เพื่อให้จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงเตรียมพร้อมรับมือกับหรงตี๋ล่วงหน้า
“ท่านอาเก้า เช่นนี้จะเป็นการผลักให้ซีเหลียงไปเข้าร่วมกับต้าจิ้น…” มู่หรงลี่นึกถึงเรื่องที่ไป๋ชิงเหยียนจะขึ้นครองราชย์ขึ้นมาได้จึงรีบเปลี่ยนคำ “บัดนี้ต้าจิ้นกลายเป็นต้าโจวแล้ว เช่นนี้จะเป็นการผลักให้ซีเหลียงไปเข้าร่วมกับต้าโจวหรือไม่ขอรับ”