ไอหยินขุมนั้นกำลังรุกคืบเข้าไปภายในเส้นชีพจรของนาง
ตู๋กูซิงหลันถึงกับชะงักลมหายใจไป ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าไปอีกครั้ง
จีเฉวียน….กำลังถ่ายทอดพลังปราณของตนเองให้กับนาง?
พลังหยินที่หนาแน่นกลุ่มนั้น หากเปรียบเทียบกับพลังไอหยินที่ค้างอยู่ในร่างกายของนางแล้ว ไอหยินของเขามีพลังคุกคามมากกว่า
พอแทรกซึมเข้าไป ก็จัดการสลายพลังหยินที่อยู่ในชีพจรของนาง
ได้แต่บอกว่าไอหยินที่อยู่ภายในร่างของนางเป็นเหมือนกับงูน้อยตัวหนึ่ง ส่วนไอหยินที่จีเฉวียนส่งเข้ามากลับเหมือนดั่งอสรพิษขนาดใหญ่
งูใหญ่กลืนกินงูเล็ก ก็เป็นเพียงเรื่องง่ายๆ เพียงครู่เดียวเท่านั้น
แต่ว่าสำหรับตู๋กูซิงหลันแล้ว นี่คือความเจ็บปวดอย่างที่สุด
เส้นชีพจรของนางทั้งหมดแทบจะถูกฉีกออก ความเจ็บปวดที่ส่งออกมาราวกับว่ากำลังถูกเลาะเอ็นถอดกระดูกอย่างไรอย่างนั้น
นางได้แต่สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ด้วยความเหน็บหนาว ศีรษะหลั่งเหงื่อเย็นๆ ออกมาจนทั่ว เวลาเพียงครู่เดียวนั้นสำหรับนางแล้วกลับเป็นความทรมานยาวนานอย่างที่สุด
นางเจ็บจนแทบจะสลบไปแล้ว
กระทั่งไอหยินของจีเฉวียนกลืนกินไอหยินภายในร่างของนางเข้าไปจนหมดสิ้น ตู๋กูซิงหลันถึงได้รู้สึกมีชีวิตคืนมาอีกครั้ง
วิธีที่จีเฉวียนใช้คือใช้พิษต้านพิษ
เมื่อกลืนกินไปหมดแล้ว สิ่งที่ยังคงอยู่ในเส้นชีพจรของตู๋กูซิงหลันก็คือพลังปราณของเขา
พระหัตถ์ใหญ่โตนั้นประกบลงไปบนเอวของนาง เพียงแต่สัมผัสเบาๆ ก็ส่งปราณขุมนั้นกระจายไปทั่วทั้งร่างของนาง
จากนั้นค่อยคลายพระหัตถ์ออก
จุมพิศลงไปเบาๆ ที่หน้าผากของนางครั้งหนึ่ง
ในความมืดมิด ตู๋กูซิงหลันไม่อาจมองเห็นดวงพักตร์ที่ซีดขาวของพระองค์ได้ชัดเจน แต่ยังคงได้ยินเสียงลมหายใจที่สับสนวุ่นวายอยู่บ้าง
ตู๋กูซิงหลันปาดเช็ดเหงื่อเย็นๆ บนหน้าผากทิ้งไป
ในดวงจิตของนางมีผนึกของเศษหยกสรรพชีวิตทั้งหกชิ้นอยู่ ตอนนี้จีเฉวียนมอบไอหยินของตนให้กระจายไปจนทั่วทั้งร่างของนาง
ไอหยินของเขาไม่เหมือนกับของผู้อื่น มันถูกห่อหุ้มด้วยพลังปราณ ไม่ได้ทำร้ายนางเลยสักนิด
เมื่อพลังขุมนั้นเข้าสู่ร่างกายก็ถูกหยกสรรพชีวิตดูดกลืนลงไปอย่างรวดเร็ว
จีเฉวียนนอนลงข้างกายนาง พระหัตถ์ข้างหนึ่งโอบกอดนางเอาไว้ สูดกลิ่นดอกฮว๋ายฮวาที่คุ้นเคยเข้าไป
ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม ของเพียงมีตู๋กูซิงหลันอยู่ข้างกาย เขาก็จะสงบใจลงได้
หากทำตามวิธีที่ชือหลีบอก ย่อมเป็นวิธีที่จะรักษานางได้อย่างรวดเร็วที่สุด
แต่นางย่อมต้องถูกบีบคั้นให้จำยอม
ดังนั้นเขาจึงได้แต่ใช้วิธีเอาพิษข่มพิษเช่นนี้
แต่ว่าวิธีนี้ช่างทุกข์ทรมานผู้คน เจ็บปวดราวกับหมื่นดาบทิ่มแทงหัวใจ คนทั่วไปไม่อาจทนรับได้
“วิธีการ ‘สลายพิษ’ ของฝ่าบาทเมื่อครู่ หม่อมฉันเห็นว่าดีมากๆ แล้ว เรื่องอื่นพวกเราอย่าได้พูดถึงอีกเถอะนะเพคะ” ตู๋กูซิงหลันพูดพลางเช็ดเหงื่อเย็นๆ ที่ซึมออกมา นางคิดไม่ถึงว่าจีเฉวียนจะใช้วิธีนี้ช่วยนาง
ถึงแม้ว่าวิธีนี้จะต้องเจ็บปวดยากจะทนทาน แต่สำหรับนางแล้ววิธีนี้ก็ยังเป็นวิธีที่ดีมากอยู่ดี
“ ‘พิษ’ ที่อยู่ในชีพจรซ่อนลึก แค่ครั้งเดียวยังไม่อาจสลายไปได้จนหมดสิ้น” จีเฉวียนโอบนางเข้าไปชิดอีกนิด “อย่าพึ่งรีบดีใจไป ยังต้องรักษาอีกหลายครั้งจึงจะสลายได้จนหมดสิ้นจริงๆ”
ตู๋กูซิงหลัน “???” ทำไมนางถึงได้รู้สึกว่าชีพจรทั่วร่างปลอดโปร่งราบลื่น ขาดเพียงแค่ให้เจียงชวี้ปิ้งเชื่อมต่อเส้นเอ็นที่ขาดไปเท่านั้น?
“เราเป็นโอรสสวรรค์ ย่อมไม่โกหกผู้อื่น” จีเฉวียนกอดนางเอาไว้ พระหัตถ์อีกข้างหนึ่งวางลงไปที่หน้าท้องของนาง
กริยาลูบไล้เบาๆ นั้น คนที่ไม่รู้ย่อมต้องคิดว่านางตั้งครรภ์แน่แล้ว
ตู๋กูซิงหลันไม่อยากจะเชื่อถือว่าจาผีสางของเขา ฮ่องเต้สุนัขจีเฉวียนผู้นี้ ไหนเลยเคยพูดความจริงออกมา
ฝีปากโป้ปดมดเท็จของเขาสามารถเทียบชั้นกับนางได้อย่างแน่นอน
จีเฉวียนกระซิบที่ข้างหูของนางเบาๆ ว่า “พวกพี่ชายของเจ้าคิดถึงเจ้ามาก อีกไม่กี่วันติดตามเรากลับวังดีไหม?”
พอเอ่ยถึงพวกพี่ชาย ในใจของตู๋กูซิงหลันก็บังเกิดความละอายขึ้นมาในทันที
อยู่ๆ นางก็หายตัวไปเดือนกว่า คาดว่าพี่ใหญ่และพี่รองคงแทบจะเป็นบ้าไปแล้ว
เดิมทีนางไม่ต้องการให้จีเฉวียนหาตัวนางเจอ ดังนั้นจึงไม่กล้าบอกความเคลื่อนไหวของตนเองกับพวกพี่ชาย
ในเมื่อตอนนี้ถูกจีเฉวียนจับตัวได้แล้ว หากยังไม่กลับไปก็คงจะพูดกันได้ยากแล้ว
“ตกลง” นางพยักหน้า “จบเรื่องที่กู่เย่วเรียบร้อยแล้วค่อยกลับไปกัน”
“งั้นก็รับปากให้เราสลายพิษที่เหลือต่อไปใช่ไหม?”
ตู๋กูซิงหลัน “……”
ฮ่องเต้สุนัขขุดหลุมดักนางชัดๆ!
“หากว่าเจ้าไม่ชอบวิธีนี้ พวกเราก็ใช้วิธีอื่นก็ได้” สายพระเนตรของจีเฉวียนทำเอานางกระโดดหนีไม่พ้น
น้ำเสียงของพระองค์กระซิบอยู่ที่ริมหู ลมหายพระทัยเป่ารดที่ลำคอของนาง ตู๋กูซิงหลันรู้สึกเหมือนกับว่าตัวจะระเบิดแล้ว
นางขยับตัวน้อยๆ คิดจะหันหลังให้กับเขา แต่กลับถูกเขาพลักตัวกลับมาเผชิญหน้ากัน จมูกกับจมูกชนกัน
ริมฝีปากทั้งสองคู่นั้นเกือบจะประกบกันอยู่แล้ว
“ซิงซิง ต่อไปเราจะปกป้องเจ้าเอง จะไม่ยอมให้เจ้าต้องรับบาดเจ็บอีกแล้ว”
ตู๋กูซิงหลันครุ่นคิดอย่างเงียบๆ ที่ฮ่องเต้สุนัขตรัสออกมาล้วนเป็นวาจาไร้สาระ มีครั้งไหนบ้างที่นางไม่ได้บาดเจ็บเพราะเขากัน?
นางรู้สึกว่าหากตนเองไปให้ไกลจากตัวเขาเท่าไหร่ นั่นจึงจะเป็นการปกป้องที่ดีที่สุด
เห็นนางไม่พูด จีเฉวียนก็ตรัสอีกว่า “ต่อไปหากมีอันตราย ให้เจ้าส่งเราออกไปก่อน”
ตู๋กูซิงหลัน “ฝ่าบาท พระองค์เสวยยาผิดไปหรือไม่?”
หากไม่ใช่ว่ากินยาผิด นางคิดว่าเขาคงจะถูกสิงร่างเข้าแล้ว
เขาถึงกับเป็นฝ่ายพูดออกมาว่า ให้ผลักเขาออกไปเสี่ยงก่อนเชียว?
หากว่ากันตามอุปนิสัยร้ายกาจของเขาแล้ว คนที่ถูกทอดทิ้งเช่นเขาสมควรจะจับนางมัดเอาไว้และเฆี่ยนสักรอบจึงจะสมเหตุสมผล
ตู๋กูซิงหลันรู้สึกอึดอัดอย่างไม่คุ้นเคย ราวกับว่าไม่ถูกตีมาสามวันนางก็ครั่นเนื้อครั่นตัวไปหมดแล้ว
ฮ่องเต้ทรงรู้สึกว่าเรื่องการทำลายบรรยากาศดีๆ นั้น ไม่มีผู้ใดที่เก่งเกินไปกว่าตู๋กูซิงหลันอีกแล้ว
ยามที่เขากำลังสบโอกาสที่จะแสดงความรู้สึกลึกซึ้งออกมาเป็นต้องถูกนางทำลายไปจนหมด
มันน่าจับนางมัดแล้วฟาดสักรอบนัก สมองของนางจะได้กลับมาเป็นปกติกับเขาบ้าง
เขาได้แต่กอดนางเอาไว้ ไหนเลยจะหักใจตีได้จริงๆ
จากกันเนิ่นนานพึ่งจะได้พบกันอีกครั้ง เขาเพียงต้องการอยู่กับนางอย่างเงียบๆ เท่านี้ในใจก็สงบสุขแล้ว
หลงรักคนที่ใจแข็งประดุจเหล็ก ทำเอาเขารู้สึกทุกข์ทรมานแทบตาย
แต่ว่าภายใต้ความทุกข์ทรมานนี้ เขากลับสัมผัสได้ถึงความหวานจางๆ
มิว่าอย่างไร การตัดสินใจเดินทางมาเมืองกู่เย่วรอบนี้ เป็นการตัดสินใจเดินทางที่คุ้มค่ามากที่สุดในชีวิต
“เราเสียสติไปแล้ว ความคิดถึงซึมถึงกระดูกไม่อาจรักษา” จีเฉวียนลูบไล้ศีรษะของนาง “เจ้าเป็นหญิงใจร้าย ไม่ช้าก็เร็วคงต้องทรมานเราจนถึงตาย”
ทั้งที่นางก็คือตัวยา แต่กลับไม่ยอมรักษาเขา
ตู๋กูซิงหลัน “???”
เสียสติไปแล้ว!
นางรู้สึกว่าพื้นอารมณ์ของจีเฉวียนในตอนนี้
ประเดี๋ยวก็เรียกนางว่าเสี่ยวซิงซิง ประเดี๋ยวก็ว่านางว่าเป็นผู้หญิงใจร้าย
หากว่านางเป็นยัยตัวร้ายจริงๆ ละก็ เกรงว่าคนที่นอนเป็นปลาเค็มอยู่ในตอนนี้คงไม่ใช่นาง แต่ว่าเป็นฮ่องเต้ผู้สูงส่งกว่าผู้ใดแล้ว
ใครกันแน่ที่เป็นคนที่รังแกผู้อื่น
ตู๋กูซิงหลันได้แต่ทำฮึดฮัดอยู่ในใจ ปากของนางยังคงประจบต่อไปว่า “ฝ่าบาท บุคคลเช่นพระองค์แค่ดูก็รู้แล้วว่าเป็นประมุขที่อายุยืนยาวกว่าผู้ใด ไหนเลยจะสวรรคตได้ง่ายๆ”
จีเฉวียน “เราอ่อนแอมากนะ อาจสิ้นไปได้ง่ายๆ”
ตู๋กูซิงหลัน “……” ++!
ฮ่องเต้ผู้นี้พอจะสาปแช่งตนเองขึ้นมาก็เล่นเสียใหญ่โต
นางเบ้ริมฝีปาก คิดจะกล่าวอะไรออกมา ก็เห็นจีเฉวียนยื่นพระดัชนีออกมา ปิดกั้นริมฝีปากของนางไว้
จากนั้นกระซิบลงมาที่ข้างหู “ชู่ว…..”
น้ำเสียงพึ่งจะกระทบหู ก็ได้ยินเสียงลมกรรโชกที่ด้านนอกห้อง กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งทะลักเข้ามาทางหน้าต่างทำให้คนอยากอาเจียน
ด้านนอกเรือน ชือหลีเองก็ตาโตเป็นประกาย จับจ้องหมอกสีแดงที่ลอยลงมาจากบนฟ้าด้วยความเคร่งเครียด
เพียงแค่ครู่เดียว สายลมกรรโชกนั้นก็พัดประตูหน้าต่างห้องของตู๋กูซิงหลันเปิดออก
“กรุ้งกริ้ง ๆ ….” กระดิ่งลมที่ตู๋กูซิงหลันแขวนเอาไว้ ตามชายคารอบๆ เรือนแกว่งไกวขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียง
ดวงตาของนางเป็นประกาย ทอดมองออกไปที่ด้านนอกในทันที
——
ไรท์ ต้องบอกไหมว่าใครมา
แต่ว่าตอนต่อไปชื่อ “ตื่นขึ้นมาก็ได้เห็นฉากรักหวานเชื่อม” อ่ะ! ยังไงกัน