ตอนที่ 922 ผิดปกติ
ครั้งนี้ไป๋ชิงเหยียนเดินทางไปอันซีและซั่วฟางด้วยตัวเอง จวนอันซีอ๋องและซั่วฟางอ๋องต้อนรับนางเป็นอย่างดี ไป๋ชิงเหยียนจึงตอบแทนน้ำใจของพวกเขาโดยการพาครอบครัวของอันซีอ๋องและซั่วฟางอ๋องมาที่เมืองหลวงทั้งหมด พวกเขาจะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว
ไป๋ชิงเหยียนเดินทางไปเชิญด้วยตัวเอง ข้างกายมีหมอหงผู้โด่งดังติดตามไปด้วย แม้คนของจวนอันซีอ๋องและซั่วฟางอ๋องอยากจะปฏิเสธ ทว่า พวกเขาหาเหตุผลปฏิเสธไม่ได้ จึงได้แต่เดินทางติดตามมายังเมืองหลวงด้วย
ไป๋จิ่นซิ่วนึกถึงครอบครัวของอันซีอ๋องและซั่วฟางอ๋องขึ้นมาเช่นกัน หญิงสาวเอ่ยเสียงเบา “พี่หญิงใหญ่ อีกเดี๋ยวให้ครอบครัวของอันซีอ๋องและซั่วฟางอ๋องออกมาปรากฏตัวสักหน่อยดีหรือไม่เจ้าคะ ถือเป็นการข่มขวัญพวกเขาสักนิด”
“ก็ดี…” ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางเจี่ยงหมัวมัวที่กำลังถลาเข้ามาหานางอย่างทนไม่ไหว “พวกเราพาท่านย่ากลับจวนไป๋ก่อนเถิด ให้ตู้ซานเป่าพาครอบครัวของอ๋องทั้งสองไปส่งให้ถึงมือของอ๋องทั้งสองอย่างปลอดภัย ส่วนอ๋องคนที่เหลือยังไม่ต้องพบหน้า ให้พวกเขาระวังตัวและเตรียมพร้อมตลอดเวลาด้วย”
“เจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นซิ่วรับคำ หญิงสาวชะลอความเร็วม้าลงจากนั้นส่งคนไปถ่ายทอดคำสั่งให้ตู้ซานเป่า
บัดนี้ตู้ซานเป่ารับหน้าที่คุ้มกันครอบครัวของอันซีอ๋องและซั่วฟางอ๋องอยู่ท้ายสุดของขบวน
เมื่อขบวนใกล้ถึงประตูเมืองหลวง หลู่เซียงเห็นไป๋ชิงเหยียนลงจากหลังม้า เขามองไปทางไป๋จิ่นเซ่อและเจี่ยงหมัวมัวที่พาบรรดาสาวใช้ก้าวไปต้อนรับด้านหน้า หลู่เซียงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงตัดสินใจพาบรรดาขุนนางเดินตามกลุ่มของไป๋จิ่นเซ่อและเจี่ยงหมัวมัวไปเช่นเดียวกัน
ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางไป๋จิ่นเซ่อและเจี่ยงหมัวมัวที่กำลังวิ่งมาหานาง หญิงสาวชะงักฝีเท้าลง…
“พี่หญิงใหญ่ พี่หญิงรอง…” สายตาของไป๋จิ่นเซ่อหยุดอยู่ที่โลงศพ น้ำตาของเด็กสาวไหลพรากลงมาทันที นางรีบก้าวไปด้านหน้าพลางคุกเข่าก้มศีรษะคำนับโลงศพขององค์หญิงใหญ่ “คุณหนูเจ็ดไป๋จิ่นเซ่อแห่งตระกูลไป๋มารับท่านย่ากลับบ้านเจ้าค่ะ!”
“คุณหนูใหญ่ คุณหนูรอง!” เจี่ยงหมัวมัวพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองมาโดยตลอด ทว่า วินาทีที่เห็นหน้าของไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นซิ่วนางอดกลั้นต่อไปไม่ไหวจริงๆ นางมองไปทางโลงศพขององค์หญิงใหญ่ จากนั้นคุกเข่าร้องไห้ออกมา “องค์หญิงใหญ่ บ่าวมารับองค์หญิงใหญ่แล้วเพคะ!”
เดิมทีตอนที่เจี่ยงหมัวมัวได้ยินข่าวการเสียชีวิตขององค์หญิงใหญ่ เจี่ยงหมัวมัวอยากตายตามองค์หญิงใหญ่ไปเสียเดี๋ยวนั้น ทว่า เมื่อคิดได้ว่าร่างขององค์หญิงใหญ่ยังไม่กลับมา เมื่อคิดได้ว่าคนถ่อยเหล่านั้นใส่ร้ายว่าคุณหนูใหญ่เป็นคนบีบให้องค์หญิงใหญ่เสียชีวิต เจี่ยงหมัวมัวจึงต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อบอกคนถ่อยเหล่านั้นว่าเรื่องไม่ได้เป็นดั่งที่พวกเขาคิด!
เมื่อเห็นบรรดาบ่าวรับใช้ของตระกูลไป๋พากันคุกเข่าร้องไห้ บรรดาขุนนางที่อยู่ด้านหลังบ่าวรับใช้เหล่านั้นจึงไม่รู้ว่าควรคารวะไป๋ชิงเหยียนหรือควรคุกเข่าร้องไห้ตามกลุ่มของไป๋จิ่นเซ่อดี
บรรดาขุนนางมองหน้ากันไปมา เมื่อเห็นหลู่เซียงคุกเข่าลง พวกเขาจึงรีบคุกเข่าตาม
“ก่อนองค์หญิงใหญ่จากไปท่านบอกกับบ่าวว่าหากท่านไม่มีโอกาสกลับมาอีกให้บ่าวเรียนคุณหนูใหญ่ว่าจงเป็นจักรพรรดิที่ดีที่รักและห่วงใยชาวบ้าน บ่าวยังไม่ได้เรียนเรื่องนี้ให้คุณหนูใหญ่ทราบ บ่าวจึงยังไม่กล้าตามองค์หญิงใหญ่ไปเพคะ”
เจี่ยงหมัวมัวกล่าวเสียงสะอื้นจนตัวโยน “บัดนี้คุณหนูใหญ่กลับมาแล้ว องค์หญิงใหญ่รอก่อนนะเพคะ เมื่อบ่าวเรียนถ้อยคำที่องค์หญิงใหญ่สั่งเสียให้คุณหนูใหญ่รับทราบหมดแล้ว บ่าวจะรีบตามองค์หญิงใหญ่ไปเพคะ!”
ไป๋ชิงเหยียนก้าวไปพยุงร่างของไป๋จิ่นเซ่อให้ลุกขึ้น จากนั้นหันไปพยุงร่างของเจี่ยงหมัวมัว
“คุณหนูใหญ่ บ่าวทราบดีว่าคุณหนูใหญ่และคุณหนูรองพยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว บ่าวทราบดีเจ้าค่ะ! คุณหนูใหญ่และคุณหนูรองเสี่ยงอันตรายไปช่วยองค์หญิงใหญ่เช่นนี้ ท่านต้องมีความสุขมากแน่ๆ เจ้าค่ะ หลายปีมานี้องค์หญิงใหญ่รู้สึกผิดต่อคุณหนูใหญ่มาโดยตลอด นางคือองค์หญิงใหญ่แห่งราชวงศ์หลิน นางจึงไม่อาจเป็นท่านย่าของตระกูลไป๋ได้อย่างเต็มที่ องค์หญิงใหญ่จากไปเพราะไม่กล้าสู้หน้าทุกคนในตระกูลไป๋ หวังว่าคุณหนูใหญ่จะเข้าใจนาง อย่าเสียใจอีกเลยนะเจ้าคะ!”
เจี่ยงหมัวมัวกล่าวถ้อยคำเหล่านี้ให้ทุกคนที่อยู่ตรงนี้ฟัง
นางต้องการให้ทุกคนรับรู้ว่าคุณหนูใหญ่ไม่มีทางทำร้ายองค์หญิงใหญ่ องค์หญิงใหญ่รู้สึกผิดต่อคุณหนูใหญ่มาโดยตลอด นางไม่มีทางใช้ความตายทำให้คุณหนูใหญ่เจ็บปวดไปตลอดชีวิตแน่นอน
“องค์หญิงใหญ่เคยสั่งเสียกับบ่าวไว้ว่าหากนางจากไปในครั้งนี้จริงๆ ให้จัดพิธีทุกอย่างอย่างเรียบง่าย นางอยากไปพบเจิ้นกั๋วอ๋องโดยเร็วที่สุด คุณหนูใหญ่ได้โปรดทำตามความปรารถนาสุดท้ายขององค์หญิงใหญ่ด้วยเจ้าค่ะ!”
ไป๋ชิงเหยียนกำมือเจี่ยงหมัวมัวแน่น นางไม่เคยสงสัยในความจงรักภักดีของเจี่ยงหมัวมัวแม้แต่น้อย
ชาติที่แล้วเจี่ยงหมัวมัวฆ่าตัวตายตามท่านย่าไป…
ทว่า ชาตินี้ไป๋ชิงเหยียนจะไม่ยอมให้เจี่ยงหมัวมัวทำซ้ำรอยเดิมอีก
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับเจี่ยงหมัวเสียงเบาหวิว “ก่อนท่านย่าจะจากไป ผู้ที่นางเป็นห่วงมากที่สุดก็คือเจี่ยงหมัวมัว ท่านย่าอยากให้เจี่ยงหมัวมัวช่วยดูแลเสี่ยวปาแทนท่าน”
เจี่ยงหมัวมัวตะลึง “คุณหนูใหญ่…”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “ในบรรดาพี่น้องทั้งหมด ท่านย่าแทบไม่มีเวลาดูแลเสี่ยวปาเลย ท่านหวังว่าเจี่ยงหมัวมัวจะช่วยดูแลเสี่ยวปาแทนท่านเจ้าค่ะ”
ไป๋จิ่นซิ่วมองไปทางไป๋ชิงเหยียนแวบหนึ่ง นางรู้ว่าไป๋ชิงเหยียนกล่าวเช่นนี้เพราะกลัวว่าเจี่ยงหมัวมัวจะฆ่าตัวตายตามท่านย่าไป นางรีบกล่าวเสริม “ใช่เจ้าค่ะเจี่ยงหมัวมัว เสี่ยวปาต้องการคนดูแลเจ้าค่ะ”
เมื่อหลู่เซียงเห็นว่าเจี่ยงหมัวมัวสนทนากับไป๋ชิงเหยียนได้พอสมควรแล้ว เขาจึงลุกขึ้นยืนเดินนำบรรดาขุนนางคุกเข่าคำนับไป๋ชิงเหยียนอีกครั้ง “คารวะฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ!”
“อัครมหาเสนาบดีหลู่ ทุกท่านรีบลุกขึ้นเถิด ไม่จำเป็นต้องมากพิธี” ไป๋ชิงเหยียนเอื้อมมือไปพยุงร่างของหลู่เซียง จากนั้นกล่าวอย่างจริงใจ “ช่วงที่ข้าไม่อยู่ ลำบากทุกท่านแล้ว”
“ล้วนเป็นหน้าที่ของพวกกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ” หลู่เซียงกล่าวจบจึงกล่าวต่อ “ฝ่าบาทประสงค์จะนำร่างขององค์หญิงใหญ่ไปยังจวนไป๋ บัดนี้เราเตรียมพิธีที่จวนไป๋เรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ พวกเรามารับองค์หญิงใหญ่กลับเมืองหลวงพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่ออ๋องทั้งห้าเห็นเหตุการณ์ณ์จึงเตรียมจะเข้าไปคารวะไป๋ชิงเหยียน ผู้ใดจะคิดว่าไป๋ชิงเหยียนไม่ได้สนใจพวกเขาแม้แต่น้อย หญิงสาวปล่อยละเลยให้พวกเขายืนอยู่ตรงนั้น
ใจของอ๋องทั้งห้ากระตุกวูบ เริ่มรู้สึกสังหรณ์ใจอย่างบอกไม่ถูก
จักรพรรดินีแห่งต้าโจวนำโลงศพกลับไปที่จวนไป๋ด้วยตัวเอง บรรดาขุนนางและชาวบ้านคุกเข่าต้อนรับอยู่ตามถนนไปจนถึงจวนไป๋
ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้ไม่ต้องการจัดพิธีศพที่ยิ่งใหญ่สมฐานะให้องค์หญิงใหญ่ ทว่า นางรู้ดีว่าท่านย่าของนางอยากอยู่ที่จวนไป๋มากกว่าในวังหลวง
ตอนมีชีวิตอยู่ท่านย่าทำเพื่อต้าจิ้นมาโดยตลอด เมื่อเสียชีวิตลงไป๋ชิงเหยียนหวังว่าท่านย่าจะกลายเป็นเพียงแค่ย่าของนางดั่งที่ท่านต้องการ
พิธีศพจะถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย
ทว่า ถึงแม้จะจัดอย่างเรียบง่ายก็ต้องรอให้มารดาของนางเดินทางมาจากซั่วหยางเสียก่อน
อย่างน้อยก็ต้องรอให้อาเจวี๋ยมาส่งท่านย่าเป็นครั้งสุดท้าย
เมื่อส่งองค์หญิงใหญ่ถึงจวนไป๋แล้ว ไป๋ชิงเหยียนมีงานต้องไปสะสางอีกมากมาย
ท่านลุงต่งชิงผิงส่งบุตรชายทั้งสองคนมาช่วยงานที่จวนไป๋ หลู่เซียง หลู่จิ่นเสียน หลู่จิ่นและเสิ่นจิ้งจงรวมตัวกันอยู่ที่ห้องหนังสือของไป๋ชิงเหยียนเพื่อสะสางงานสำคัญที่กองจนเกือบเท่าภูเขา
ไป๋จิ่นซิ่วยืนอยู่หน้าห้องหนังสือ หญิงสาวจำได้ว่าพี่หญิงใหญ่เข้าสะสางงานโดยยังไม่ได้ทานอาหารแม้แต่นิดเดียวจึงสั่งให้คนนำของว่างและน้ำชาเข้าไปให้ ไป๋จิ่นซิ่วขมวดคิ้วอย่างเป็นกังวล
หลังจากท่านย่าจากไป พี่หญิงใหญ่สงบนิ่งเกินไปจนดูผิดปกติ