ตอนที่ 934 ชัดเจน
เซี่ยอวี่จั่งได้ยินเช่นนี้จึงได้แต่คิดในใจว่าเรื่องที่หยางอู่เช่อเล่าคือความจริง ฝ่าบาทและเซียวหรงเหยี่ยนมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดาจริงๆ
ประตูใหญ่ของจวนไป๋ถูกเปิดออก เซี่ยอวี่จั่งเดินออกมาจากด้านใน เสื้อเกราะของเขาเต็มไปด้วยหยาดฝน เขาเหลือบมองไปทางเซียวหรงเหยี่ยนผู้รัศมีโดดเด่นเหนือคนธรรมดาที่ยืนถือร่มอยู่ข้างรถม้า จากนั้นยกมือคารวะชายหนุ่มด้วยสีหน้าจริงจัง “เซียวเซียนเซิง ฝ่าบาทเชิญท่านเข้าไปด้านในขอรับ”
เซียวหรงเหยี่ยนพยักหน้า จากนั้นเดินตรงไปยังบันไดสูงของจวนไป๋
เยว่สือเดินตามไป ทว่า ถูกกองกำลังรักษาพระองค์ห้ามไว้เสียก่อน
เซี่ยอวี่จั่งเหล่มองเยว่สือพลางกล่าวกับเซียวหรงเหยี่ยน “ขออภัยขอรับเซียวเซียนเซิง ห้ามพกดาบเข้าไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทขอรับ เซียวเซียนเซิงช่วยสั่งให้องครักษ์ของท่านปลดดาบให้กองกำลังรักษาพระองค์ของเราด้วยขอรับ”
เซียวหรงเหยี่ยนที่ถือร่มอยู่ในมือหันไปมองเยว่สือ จากนั้นกล่าวขึ้น “เจ้ารออยู่ด้านนอก”
“ขอรับ!” เยว่สือรับคำแล้วเดินกลับไปที่รถม้า
เซียวหรงเหยี่ยนเก็บร่ม ใบหน้าหล่อเหลาสะท้อนแสงไฟจากโคมไฟสีขาวจนดูคมคายยิ่งกว่าเดิม บารมีและความดุดันที่น่าหวั่นเกรงเผยออกมาอย่างเต็มที่
เซี่ยอวี่จั่งจำได้ว่าเซียวเซียนเซิงผู้นี้ขึ้นชื่อเรื่องความอ่อนโยนและสุขุม แม้เป็นเพียงพ่อค้า ทว่า รัศมีไม่ได้ด้อยไปกว่าบุรุษตระกูลสูงศักดิ์แม้แต่น้อย เขาสุขุมและถ่อมตน นี่คือเหตุผลที่เชื้อพระวงศ์ของแคว้นต่างๆ มองเซียวหรงเหยี่ยนแตกต่างจากพ่อค้าคนอื่น
ผู้ใดจะคิดว่าไม่ได้เจอกันหนึ่งปีเซียวเซียนเซิงผู้นี้จะเปลี่ยนไปมากถึงเพียงนี้ เป็นเพราะว่าเขากลายเป็นคู่หมั้นของฝ่าบาทอย่างนั้นหรือ
เซียวหรงเหยี่ยนเดินเข้าไปด้านใน ชายหนุ่มมองเห็นไป๋ชิงเหยียนและไป๋ชิงเจวี๋ยที่ยืนอยู่ในม่านกันแมลงสีใสตรงระเบียงทางเดินในทันที เขารีบกางร่มเดินตรงเข้าไปหาไป๋ชิงเหยียน
เมื่อเห็นเซียวหรงเหยี่ยนเดินเข้ามาใกล้ ชุนเถาจึงรีบแหวกม่านให้ชายหนุ่ม จากนั้นรับร่มมาจากเขา
เซียวหรงเหยี่ยนพยักหน้าให้ชุนเถาเล็กน้อย จากนั้นทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน “คุณหนูใหญ่ คุณชายเจ็ด!”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้าให้น้อยๆ
ไป๋ชิงเจวี๋ยทำความเคารพเซียวหรงเหยี่ยนอย่างนอบน้อม “เซียวเซียนเซิง”
เซียวหรงเหยี่ยนจุดธูปเคารพศพองค์หญิงใหญ่ จากนั้นหันไปกล่าวกับไป๋ชิงเหยียน “เดิมทีวันนี้ข้าออกไปรอต้อนรับคุณหนูใหญ่ที่นอกเมืองแล้ว ทว่า ดันมีเรื่องต้องจัดการกะทันหัน ข้าจึงได้แต่มาพบคุณหนูใหญ่ยามวิกาลเช่นนี้ หวังว่าคุณหนูใหญ่และคุณชายเจ็ดจะไม่ถือสา”
“เซียวเซียนเซิงมีน้ำใจแล้ว!” ไป๋ชิงเจวี๋ยยืนเอามือไขว้หลังพลางก้มศีรษะให้เซียวหรงเหยี่ยนเล็กน้อย
“เซียวเซียนเซิงมาที่จวนไป๋ยามวิกาลเช่นนี้คงไม่ได้มาเพื่อเคารพศพท่านย่าของข้าเพียงอย่างเดียวใช่หรือไม่ขอรับ”
“คุณหนูใหญ่ ขอสนทนาเป็นการส่วนตัวได้หรือไม่ขอรับ…” เซียวหรงเหยี่ยนมองไปทางไป๋ชิงเหยียน
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า จากนั้นจับมือชุนเถาเดินไปด้านนอก
เซียวหรงเหยี่ยนเตรียมเดินตามไป ทว่า ถูกไป๋ชิงเจวี๋ยรั้งไว้เสียก่อน
เซียวหรงเหยี่ยนชะงักฝีเท้า หันกลับไปมองไป๋ชิงเจวี๋ย “คุณชายเจ็ดมีเรื่องอันใดหรือขอรับ”
ไป๋ชิงเจวี๋ยโค้งกายคำนับเซียวหรงเหยี่ยนอย่างจริงจัง “ก่อนหน้านี้ไม่อาจบอกฐานะที่แท้จริงของข้าให้ผู้มีพระคุณรับรู้ วันนี้ข้าพบเซียวเซียนเซิงในฐานะคุณชายเจ็ดแห่งตระกูลไป๋ ไป๋ชิงเจวี๋ยอยากขอบคุณเซียวเซียนเซิงจากใจจริงที่ท่านเคยช่วยเหลือมารดาของข้าและข้าไว้ หากเซียวเซียนเซิงมีเรื่องต้องการให้ข้าช่วยเหลือ หากไป๋ชิงเจวี๋ยทำได้ ข้าจะช่วยเหลือท่านอย่างเต็มที่! ทว่า ข้าอยากให้เซียวเซียนเซิงทราบว่าข้าคือคนที่ติดหนีบุญคุณท่านไม่ใช่ตระกูลไป๋! บางที่ไป๋ชิงเจวี๋ยอาจเป็นคนใจแคบเกินไป ทว่า ข้าหวังว่าเซียวเซียนเซิงจะไม่อวดอ้างบุญคุณนี้กับพี่หญิงใหญ่ของข้า มิเช่นนั้นข้าคนแรกที่จะไม่ยอมให้มันเป็นเช่นนั้น ถึงเวลานั้นคงต้องทำผิดต่อผู้มีพระคุณของข้าแล้ว”
เซียวหรงเหยี่ยนมองสบกับดวงตาที่สงบนิ่งของไป๋ชิงเจวี๋ย จากนั้นกล่าวขึ้นยิ้มๆ “ที่ข้ามาที่จวนไป๋ในวันนี้ไม่ได้มาเพื่อขอความช่วยเหลือขอรับ เซียวหรงเหยี่ยนไม่มีทางอวดอ้างบุญคุณกับคุณหนูใหญ่ วันนี้ไม่ทำวันหน้ายิ่งไม่มีทางทำขอรับ คุณชายเจ็ดไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ”
ลมพัดจนม่านผืนบางเลิกขึ้นเล็กน้อย เสียงฝนตกดังแว่วเข้ามา
เมื่อไป๋ชิงเจวี๋ยได้ยินน้ำเสียงทุ้มลึกของเซียวหรงเหยี่ยน ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเขาจึงรู้สึกเชื่อคำกล่าวของชายหนุ่มจริงๆ
เขาโค้งกายคำนับเซียวหรงเหยี่ยนอีกครั้ง “ขอบพระคุณเซียวเซียนเซิงมากขอรับ”
เซียวหรงเหยี่ยนโค้งกายคำนับไป๋ชิงเจวี๋ยด้วยรอยยิ้มเช่นเดียวกัน จากนั้นจึงเดินออกมาจากโถงหลัก เดินตรงเข้าไปหาไป๋ชิงเหยียน
ไป๋ชิงเหยียนไม่เห็นเซียวหรงเหยี่ยนเดินตามออกมาจึงหันกลับไปมอง หญิงสาวเห็นเซียวหรงเหยี่ยนเพิ่งเดินออกมาจากโถงหลักจึงเดาได้ว่าอาเจวี๋ยคงรั้งตัวเซียวหรงเหยี่ยนไว้เพื่อกล่าวสิ่งใดบางอย่าง เขาคงกลัวว่าเซียวหรงเหยี่ยนจะอวดอ้างบุญคุณกับนาง
เมื่อเซียวหรงเหยี่ยนเห็นว่าไป๋ชิงเหยียนกำลังรอเขาอยู่จึงรีบเร่งฝีเท้าเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าหญิงสาว จากนั้นเหลือบมองไปทางชุนเถาแวบหนึ่ง
“ไปคุยกันทางด้านหลังเถิด” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว
เซียวหรงเหยี่ยนพยักหน้า
ทั้งสามคนเดินไปหยุดอยู่ที่หอชมวิวซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโถงรับรองหลัก
ชุนเถารินน้ำชาให้คนทั้งสอง เมื่อเห็นเซียวหรงเหยี่ยนนั่งจิบน้ำชาอยู่ฝั่งตรงข้ามไป๋ชิงเหยียนด้วยท่าทีสุภาพ นางจึงถือถาดสีเหลี่ยมเดินออกไปเฝ้าที่ด้านนอก
แสงไฟในหอสว่างไสว หน้าต่างเปิดอ้ากว้าง ทว่า ชุนเถายังคงอดชะเง้อหน้ามองมาทางด้านในไม่ได้อยู่ดี นางกลัวว่าเซียวหรงเหยี่ยนจะทำกิริยาล่วงเกินคุณหนูใหญ่ของนาง
เซียวหรงเหยี่ยนวางถ้วยชาในมือลง จากนั้นเงยหน้ามองดูไป๋ชิงเหยียนที่กำลังเป่าไอร้อนในถ้วยน้ำชา แสงจากตะเกียงที่วางอยู่บนแท่นสูงส่องกระทบใบหน้าของหญิงสาวจนรอยคล้ำที่ใต้ตาของหญิงสาว
ทว่า รอยคล้ำที่ใต้ตาของหญิงสาวคงไม่ได้มีเพียงแค่นั้นแน่นอน เซียวหรงเหยี่ยนวางชาในมือลงแล้วเดินเข้าไปใกล้ไป๋ชิงเหยียน
ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้ามองเซียวหรงเหยี่ยนที่โน้มกายจ้องมาที่ใบหน้าของนางอย่างจริงจัง
“มีอันใดอย่างนั้นหรือ”
เซียวหรงเหยี่ยนยันมือข้างหนึ่งไว้บนที่วางแขนของเก้าอี้ มืออีกข้างประคองใบหน้าของไป๋ชิงเหยียนขึ้น นิ้วหัวแม่มือลูบไปที่ขอบตาของหญิงสาวเบาๆ เพื่อลบแป้งที่หญิงสาวทากลบรอยคล้ำรอบดวงตาออก รอยคล้ำวงใหญ่ใต้ตาของไป๋ชิงเหยียนที่ไร้แป้งปกปิดปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน
ดวงตาของเซียวหรงเหยี่ยนไหววูบ เขาเคยนอนไม่หลับจากการสูญเสียญาติที่รักไปเช่นเดียวกัน…
ทว่า ต่อให้เป็นตอนนั้นรอยคล้ำใต้ตาของเขาก็ยังไม่รุนแรงเท่าของไป๋ชิงเหยียนในตอนนี้เลย ใบหน้าของหญิงสาวทรุดโทรมราวกับไม่ได้พักผ่อนมานานเป็นปี
เขาไม่ถามเหตุผลเพราะรู้ดีว่าเป็นเพราะเหตุใด
ย่าของไป๋ชิงเหยียนคือองค์หญิงใหญ่ของราชวงศ์ต้าจิ้น หญิงสาวคือจักรพรรดินีแห่งต้าโจวที่โค่นล้มราชวงศ์ต้าจิ้นเพื่อขึ้นครองบัลลังก์เอง หญิงสาวนำทัพบุกไปช่วยเหลือองค์หญิงใหญ่ที่เมืองลั่วหง ทว่า ย่าของนางกลับจากไปพร้อมกับการดับสูญของราชวงศ์จิ้น ไป๋ชิงเหยียนคงโทษว่าการตายขององค์หญิงใหญ่คือความผิดของนาง
คำปลอบใจไม่มีประโยชน์ในเวลาเช่นนี้ จีโฮ่วมารดาของเขาก็เคยมีประสบการณ์เช่นนี้เหมือนกัน มีเพียงเวลาเท่านั้นที่จะสามารถช่วยเยียวยาความเจ็บปวดได้
เซียวหรงเหยี่ยนกระชับมือที่ประคองใบหน้าของไป๋ชิงเหยียนแน่นขึ้น แววตาที่มองไปทางไป๋ชิงเหยียนเต็มไปด้วยความสงสาร ชายหนุ่มกล่าวเสียงแผ่วเบา “หากท่านย่าของเจ้าเห็นเจ้าในสภาพนี้คงปวดใจมาก”
ไป๋ชิงเหยียนรู้ดี หญิงสาวเอื้อมมือขึ้นจับข้อมือของเซียวหรงเหยี่ยน จากนั้นดันมือของเขาออกจากใบหน้าพลางกล่าวเสียงเบาหวิว “การเป็นจักรพรรดิไม่ใช่เรื่องง่าย การเป็นจักรพรรดิที่ดียิ่งยากขึ้นไปอีก ข้าไม่เคยเรียนรู้การเป็นจักรพรรดิมาก่อน อาศัยเพียงแค่เลือดร้อนที่อยากปกครองบ้านเมืองให้ดีเท่านั้น ข้าลำบากก็สมควรแล้ว!”
เซียวหรงเหยี่ยนคุกเข่าข้างหนึ่งลงตรงหน้าไป๋ชิงเหยียน กุมมือทั้งสองข้างของหญิงสาวแน่น จากนั้นเอ่ยเสียงแผ่วเบา “เจ้ารู้จักแม่ทัพใหญ่ถังอี้ของแคว้นต้าเยี่ยนหรือไม่…”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า
“แม่ทัพถังอี้คือสหายของมารดาข้า ทว่า เขายังมีอีกฐานะหนึ่ง เขาคือสายเลือดของท่านปู่ข้า คือสายเลือดหลักของราชวงศ์ต้าเยี่ยน”