สตรีแกร่งตระกูลไป๋ – ตอนที่ 939 ร่วมเป็นร่วมตาย

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 939 ร่วมเป็นร่วมตาย

“เหลียงอ๋องไม่ได้สั่งให้…” อดีตองค์รัชทายาทยังกล่าวไม่จบประโยคน้ำตาก็ไหลออกมาทันที

“เดิมทีเหลียงอ๋องสั่งให้สังหารภรรยาและบุตรชายของเจ้าแล้ว ทว่า คุณหนูรองตระกูลไป๋เป็นคนสั่งให้คนช่วยชีวิตพวกเขาเอาไว้” ฝูรั่วซีกล่าวขึ้นเสียงเบา “ฝ่าบาทส่งคนไปเฝ้าคุ้มครองภรรยาและบุตรของเจ้าตลอดเวลา บัดนี้พวกเขาปลอดภัยดี”

อดีตองค์รัชทายาทรีบคุกเข่าก้มศีรษะคำนับไป๋ชิงเหยียน “ขอบพระทัยฝ่าบาทมากพ่ะย่ะค่ะ ขอบใจฉินเซียนเซิงมาก! ชาตินี้ข้าจะไม่มีวันบอกบุตรชายของข้าว่าพวกเราเคยเป็นคนในราชวงศ์ต้าจิ้นมาก่อนพ่ะย่ะค่ะ ขอเพียงแค่พวกเราได้มีชีวิตอยู่ต่อ เด็กนั่นได้ใช้ชีวิตอย่างเด็กธรรมดาคนหนึ่งก็พอแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

ความจริงเมื่อมีราชวงศ์ใหม่เกิดขึ้น พวกเขาควรกำจัดสายเลือดของราชวงศ์เก่าทิ้งอย่างถอนรากถอนโคน

อดีตองค์รัชทายาทไม่รู้ว่าไป๋ชิงเหยียนเห็นแก่ความสัมพันธ์ครั้งเก่าหรือมั่นใจในตัวเองมากกันแน่ถึงได้ปล่อยให้พวกเขาสามคนมีชีวิตรอดต่อไปเช่นนี้

“ใช้ชีวิตอยู่ต่อไปให้ดี!” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับอดีตองค์รัชทายาท

หากอดีตองค์รัชทายาทไม่ได้มีบิดาอย่างจักรพรรดิต้าจิ้น บางทีเขาอาจไม่กลายเป็นคนเช่นนี้

“ฉินเซียนเซิง” ไป๋ชิงเหยียนหันไปมองฉินซ่างจื้ออีกครั้ง “ฉินเซียนเซิงต้องการเดินทางไปยังเมืองหานกับฉีอ๋องหรือจะไปดูแลเรื่องการซ่อมแซมเขื่อนกว่างเหอต่อ”

ฉินซ่างจื้อกำหมัดที่แนบข้างลำตัวแน่น เขาเหลือบมองไปทางอดีตองค์รัชทายาทแวบหนึ่ง จากนั้นก้มศีรษะคำนับไป๋ชิงเหยียน “ฉินซ่างจื้อยินดีเดินทางไปควบคุมการซ่อมแซมเขื่อนกว่างเหอต่อจนสำเร็จพ่ะย่ะค่ะ เมื่อสำเร็จแล้วฉินซ่างจื้อทูลขออนุญาตตามไปหาฉีอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางฉินซ่างจื้อ จากนั้นพยักหน้า “ได้”

ขอบตาของอดีตองค์รัชทายาทร้อนผ่าว เขาเคยมองดูฉินซ่างจื้อโดนฟางเหล่ากลั่นแกล้งและกดดันอยู่เฉยๆ โดยไม่ทำสิ่งใดทั้งสิ้น ทว่า นึกไม่ถึงเลยว่าสุดท้ายแล้วผู้ที่ยังยินดีติดตามเขาอยู่จะเป็นฉินซ่างจื้อ

เมื่อนึกถึงฉินซ่างจื้อ อดีตองค์รัชทายาทจึงนึกถึงเริ่นซื่อเจี๋ยขึ้นมา เขาถามออกไปอย่างลังเล “ฝ่าบาท เริ่นเซียนเซิงของจวนข้าเสียชีวิตแล้วใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

ดวงตาดำขลับของไป๋ชิงเหยียนสบกับดวงตาของอดีตองค์รัชทายาททันทีที่ได้ยินคำถาม นางคิดไม่ถึงเลยว่าจนถึงตอนนี้อดีตองค์รัชทายาทจะยังไม่รู้ฐานะที่แท้จริงของเริ่นซื่อเจี๋ยอีก ทว่า นางไม่คิดบอกความจริงเขาในตอนนี้ ในเมื่ออดีตองค์รัชทายาทตัดสินใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป ก็ควรให้เขาอยู่อย่างไม่รู้ความเช่นนี้ดีกว่า มีชีวิตอย่างไร้เดียงสาน่าจะทำให้เขามีความสุขมากขึ้น

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้าเล็กน้อย

อดีตองค์รัชทายาทรับคำเสียงสะอื้น เขาก้มศีรษะคำนับไป๋ชิงเหยียนอีกครั้ง จากนั้นมองส่งหญิงสาวจากไป

อดีตองค์รัชทายาทหันไปมองฉินซ่างจื้อ จากนั้นเกลี้ยกล่อมเขาจากใจจริง “ฉินเซียนเซิง ข้าไม่ใช่องค์รัชทายาทของแคว้นอีกต่อไปแล้ว ข้าไม่มีพื้นที่ให้ฉินเซียนเซิงแสดงความสามารถของตัวเองได้อีกต่อไปแล้ว ฉินเซียนเซิงไม่จำเป็นต้องติดตามข้าไปหรอก ท่านติดตามรับใช้ไป๋ชิงเหยียนเถิด! ฉินเซียนเซิงเป็นคนมีความสามารถ ตอนนั้นข้าไม่รู้ความ ไม่ได้ให้ความสำคัญกับฉินเซียนเซิง ไป๋ชิงเหยียนเป็นคนเสียดายความสามารถคน วันนี้นางลดตัวมาหาท่านถึงในคุกแห่งนี้แสดงให้เห็นถึงความจริงใจของนางแล้ว ข้าจะจดจำความดีของฉินเซียนเซิงไว้ในใจตลอดไป เพื่ออนาคตที่ดีของฉินเซียนเซิง ท่านไม่ควรตามข้าไปยังเมืองหาน”

ฉินซ่างจื้อกำเสื้อของตัวเองแน่น ครู่ใหญ่จึงปล่อยมือออก จากนั้นส่ายหน้าให้อดีตองค์รัชทายาท “ฉินซ่างจื้อเลือกเจ้านายแล้ว ข้าต้องติดตามรับใช้เจ้านาย ร่วมเป็นร่วมตายกับท่านไปตลอดชีวิตพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่ออดีตองค์รัชทายาทได้ยินคำกล่าวของฉินซ่างจื้อ น้ำตาของเขาไหลรินออกมาอีกครั้งอย่างห้ามไม่อยู่ เขาพยักหน้าไม่ได้กล่าวโน้มน้าวอีก ทำเพียงกล่าวยิ้มๆ “ในเมื่อฉินเซียนเซิงไม่ทอดทิ้งข้า นับจากนี้เป็นต้นไปข้าจะไม่มองฉินเซียนเซิงเป็นเพียงลูกน้องอีก ข้าจะเห็นท่านเป็นสหายรักของข้า ฉินเซียนเซิงได้โปรดเป็นอาจารย์ให้บุตรชายของข้า สอนให้เขาเข้าใจคุณธรรมและสิ่งต่างๆ ในใต้หล้านี้ด้วยเถิด”

ฉินซ่างจื้อหยัดแผ่นหลังตรง จากนั้นโค้งกายคำนับอดีตองค์รัชทายาท “จะไม่ทำให้องค์ชายผิดหวังพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อเดินตามไป๋ชิงเหยียนออกมาจากคุก ฝูรั่วซีอดถอนหายใจออกมาไม่ได้ “ฉินเซียนเซิงเป็นคนจงรักภักดีจนน่านับถือจริงๆ”

“ทว่า สมองไม่ค่อยเหมือนคนปกติเท่าใดนัก” เซี่ยอวี่จั่งเสียดายความสามารถของฉินซ่างจื้อเช่นเดียวกัน หากฉินซ่างจื้อไม่มีความสามารถ ไป๋ชิงเหยียนคงไม่หว่านล้อมให้เขามาเป็นพวกเดียวกันหลายครั้ง กระทั่งลดตัวมาหาเองถึงในคุกเช่นนี้

ฝูรั่วซีเตรียมแก้ต่างแทนฉินซ่างจื้อ ทว่า เขาเห็นเซี่ยอวี่จั่งเดินเข้าไปรายงานกับไป๋ชิงเหยียนเสียก่อน “ฝ่าบาท ไป๋สุ่ยอ๋องเริ่มเคลื่อนไหวแล้วพ่ะย่ะค่ะ เขาติดต่อหานายกองร้อยของกองกำลังรักษาพระองค์ของเรา ต้องการให้นายกองร้อยผู้นั้นหาทางส่งมือสังหารของไป๋สุ่ยอ๋องเข้าไปในงานพิธีวันพรุ่งนี้พ่ะย่ะค่ะ ไป๋สุ่ยอ๋องต้องการให้มือสังหารลอบปลงพระชนม์ฝ่าบาทตอนเสร็จพิธีเข้าไปในตำหนักใหญ่ จากนั้นชิงขึ้นครองราชย์แทนฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้ตกใจที่ได้ยินเรื่องนี้สักเท่าใดนัก ทว่า ฝูรั่วซีกลับเกร็งไปทั้งร่าง เขารีบก้าวไปด้านหน้า “ฝ่าบาท พวกเราต้องจับกุมตัวไป๋สุ่ยอ๋องไว้ก่อนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนยืนอยู่ใต้โคมไฟหน้าประตูคุกใหญ่ แสงริบหรี่ของไฟส่องผ่านใบหน้าของหญิงสาวจนทำให้หญิงสาวดูเยือกเย็นและนิ่งขรึมขึ้นกว่าเดิม “ไม่จำเป็น ตัวแสดงครบแล้ว พวกเราควรปล่อยให้พวกเขาแสดงจนจบ เมื่อพวกเขาแสดงจบ พวกเราจะได้จัดการกับอ๋องเหล่านี้ได้อย่างชอบธรรม”

“อย่างน้อยก็ลอบจับตาดูไป๋สุ่ยอ๋องอย่างลับๆ เถิดพ่ะย่ะค่ะ” ฝูรั่วซียังไม่วางใจ “หากฝ่าบาททรงไม่ไว้ใจผู้อื่น กระหม่อมจะไปให้เองพ่ะย่ะค่ะ”

ฝูรั่วซีกล่าวจบก็เห็นคุณชายเจ็ดไป๋ชิงเจวี๋ยขี่ม้าเข้ามา

ไป๋ชิงเจวี๋ยกระโดดลงจากหลังม้า จากนั้นวิ่งขึ้นบันไดมาอย่างรวดเร็ว ฝูรั่วซีและเซี่ยอวี่จั่งรีบทำความเคารพไป๋ชิงเจวี๋ย

ไป๋ชิงเจวี๋ยที่ถือแส้ม้าสีดำอยู่ในมือทำความเคารพกลับคนทั้งสอง จากนั้นกล่าวกับไป๋ชิงเหยียนเสียงเบา “พี่หญิงใหญ่ องครักษ์ลับรายงานว่าไป๋สุ่ยอ๋องเริ่มเคลื่อนไหวแล้วขอรับ”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า จากนั้นเดินลงจากบันไดคุกไปพร้อมกับไป๋ชิงเจวี๋ย “เดินไปพลางรายงานไปเถิด”

“วันนี้มีคนส่งเครื่องราชกกุธภัณฑ์[1]ที่ใช้หรับสวมตอนขึ้นครองราชย์ไปที่จวนของไป่สุ่ยอ๋องขอรับ” ไป๋ชิงเจวี๋ยเดินเคียงข้างไป๋ชิงเหยียน เขาเอื้อมมือไปช่วยประคองพี่สาว จากนั้นกล่าวรายงานช้าๆ “ไป๋สุ่ยอ๋องคงเริ่มเคลื่อนไหวแล้วขอรับ”

“เรียกคนที่จับตาดูไป๋สุ่ยอ๋องอยู่กลับมาให้หมด ไม่จำเป็นต้องจับตาดูพวกเขาต่อแล้ว ชิงจู๋ แม่ทัพกู่เหวินชังและแม่ทัพเว่ยจ้าวเหนียนคงใกล้มาถึงเมืองหลวงแล้ว พวกเขาก่อความวุ่นวายไม่ได้แน่นอน!”

เมื่อผลัดเปลี่ยนราชวงศ์ใหม่ จักรพรรดิองค์ใหม่ต้องสวมชุดราชพิธีกราบไหว้ฟ้าดิน หากไป๋สุ่ยอ๋องกล้าสวมมันขึ้นมาจริงๆ ไป๋ชิงเหยียนจะฝังไป๋สุ่ยอ๋องตอนทำพิธีกราบไหว้ฟ้าดินทีเดียวเลย

ไป๋ชิงเหยียนจับมือไป๋ชิงเจวี๋ย มืออีกข้างถลกชายกระโปรงของตัวเองขึ้นเล็กน้อยเตรียมก้าวขึ้นไปบนรถม้า ขณะนั้นเองหญิงสาวเผลอเงยหน้ามองเข้าไปในซอยลึกทางตะวันตกที่ไร้ผู้คนแวบหนึ่ง ร่างกายของหญิงสาวชาวาบราวกับถูกสาปให้ยืนนิ่งอยู่กับที่ นางบีบข้อมือของไป๋ชิงเจวี๋ยแน่น

ลมแรงพัดผ่าน ดวงจันทร์กึ่งกลมกึ่งเสี้ยวที่อยู่บนท้องฟ้าถูกก้อนเมฆเคลื่อนบัง แมลงที่เกาะอยู่ตามกำแพงตกใจจนหยุดส่งเสียงร้องไปชั่วขณะ ทั่วทั้งบริเวณเงียบกริบจนได้ยินเพียงเสียงใบไม้ของต้นไม้เลื้อยที่ขึ้นอยู่ตามกำแพงและเสียงโคมไฟสองดวงของคุกใหญ่ที่สะบัดไปมาตามแรงลมเท่านั้น

ลำคอของไป๋ชิงเหยียนจุกแน่นราวกับมีสิ่งใดติดอยู่ หญิงสาวเม้มปากแน่น มือทั้งสองข้างสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้ ใจเต้นรัวจนแทบหลุดออกมาจากอก

ก่อนที่แสงของดวงจันทร์จะถูกก้อนเมฆบดบังจนมืดสนิท ไป๋ชิงเหยียนเห็นร่างสูงโปร่งของอาอวี๋ยืนอยู่ในซอยลึกนั้น น้องชายของนางอยู่ที่นั่น!

ไป๋ชิงเจวี๋ยมองตามสายตาของไป๋ชิงเหยียนเข้าไปในซอยลึกและมืดสนิทอย่างจริงจัง

ก้อนเมฆที่บดบังแสงของดวงจันทร์ค่อยๆ ลอยหายไป แสงจันทร์ส่องสว่างเป็นบริเวณกว้างจนมองเห็นซอยนั้นอย่างชัดเจน ทว่า ไม่มีร่างของอาอวี๋อยู่ตรงนั้นอีกแล้ว

[1] เครื่องราชกกุธภัณฑ์ เครื่องประดับที่ใช้เพื่อแสดงถึงฐานะความเป็นเจ้าแผ่นดิน

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

Status: Ongoing
นิยายจีนโบราณเข้มข้น ปะทะคารม ทดสอบไหวพริบ สนุกถึงใจ!เพราะถูกคนชั่วหลอกใช้ชาติก่อนคนทั้งตระกูลของนางจึงต้องตายอย่างน่าอนาถ ไร้ซึ่งคนทวงถามความเป็นธรรมชาตินี้นางหวนกลับมาก่อนเรื่องราวเกิดขึ้น แม้เพียงเล็กน้อยแต่หากสามารถช่วยเหลือคนในครอบครัวได้แม้สักคนนางก็ยินดีทุ่มเทกำลังให้ถึงที่สุดสตรีตระกูลไปแต่ไรมาแกร่งกล้ำเพียบพร้อมบุ๋นบู๊ แม้ไร้ซึ่งที่พึ่งพิงแล้วจริงแต่ก็จะไม่ยอมให้ผู้ใดมากดขี่ได้!และเพราะเรื่องราวที่เปลี่ยนแปลงไปนางจึงได้พบกับ ‘เขา’ ไวกว่าชาติก่อนเขาผู้นี้แม้ภายนอกดูป็นมิตรและสง่งามกว่าใคร แต่นงแจ่มแจ้งดีว่าเขาเจ้าเล่ห์และอำหิตมากเพียงไหนชาติก่อนแม้ยืนกันคนละฝั่งแต่บุรุษผู้นี้กลับเป็นผู้มอบทางรอดให้แก่นาง อย่างนั้นชาตินี้นางก็ย่อมตอบแทนเขาเป็นอย่างดีเช่นกัน“แม่นางไปช่วยเหลือข้าหลายครั้งหลายครา ใช่ว่าชื่นชอบข้าหรือไม่?”“คุณชายเข้าใจผิดแล้วล่ะ”“ข้าช่วยเหลือแม่นางไปมาหลายครั้งหลายครา แม่นางไปมีใจชื่นชอบข้าบ้างหรือไม่?”“…”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท