สตรีแกร่งตระกูลไป๋ – ตอนที่ 940 พิธีบรมราชาภิเษก

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 940 พิธีบรมราชาภิเษก

“พี่หญิงใหญ่” ไป๋ชิงเจวี๋ยไม่เห็นว่าในซอยนั้นมีสิ่งใดผิดสังเกตจึงเอ่ยเรียกไป๋ชิงเหยียนเบาๆ

“กลับกันเถิด…” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว

ไป๋ชิงเหยียนโน้มกายเข้าไปในตัวรถม้า ไป๋ชิงเจวี๋ย ฝูรั่วซี เซี่ยอวี่จั่งและกองกำลังรักษาพระองค์ขึ้นไปบนหลังม้า

ไป๋ชิงเหยียนนั่งหลับตาที่บวมช้ำของตัวเองอยู่ในในรถม้า นางไม่แน่ใจว่าภาพอาอวี๋ที่นางเห็นเมื่อครู่คือภาพลวงตาที่เกิดขึ้นเพราะความอ่อนเพลียหรือไม่

เมื่อนึกถึงภาพเมื่อครู่ไป๋ชิงเหยียนจึงเอื้อมมือไปแหวกผ้าม่านรถม้าออกดูอีกครั้งอย่างไม่อยากยอมแพ้ มือที่จับผ้าม่านกระชับแน่น

ร่างของบุรุษที่สวมหน้ากากในชุดนักรบของหรงตี๋ยืนอยู่ในซอยนั้นจริงๆ นั่นคืออาอวี๋…น้องชายของนาง

ขอบตาของไป๋ชิงเหยียนร้อนผ่าวขึ้นทันที หญิงสาวมองร่างที่ห่างออกไปเรื่อยๆ ของอาอวี๋ด้วยดวงตาที่พร่ามัว

ทั้งๆ ที่ครั้งนี้พวกนางอยู่ใกล้กันแค่เอื้อม ทว่า กลับทำได้เพียงมองกันและกันจากที่ไกลๆ เท่านั้น ไม่อาจพบเจอ ไม่อาจเปิดเผยตัวตนได้

เมื่อมองไม่เห็นร่างของอาอวี๋อีกต่อไป ไป๋ชิงเหยียนจึงปิดผ้าม่านลง หญิงสาวนั่งหลับตาควบคุมอารมณ์ของตัวเองอยู่ในรถม้า นางไม่อยากให้คนในจวนไป๋เห็นว่านางร้องไห้

ในสมองของไป๋ชิงเหยียนเต็มไปด้วยภาพก่อนออกรบของอาอวี๋ อาอวี๋ให้สัญญาว่าจะนำหินโลหิตนกพิราบที่สวยที่สุดกลับมาให้นางด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม

ดีจริงๆ อาอวี๋ยังมีชีวิตอยู่ อาอวี๋…กลับมาแล้ว!

ทว่า ไป๋ชิงเหยียนยังหวังว่าราชโองการที่นางประกาศออกไปจะทำให้คุณชายตระกูลไป๋กลับมามากกว่านี้ แม้อีกสักคนก็ยังดี!

ระยะทางระหว่างคุกใหญ่และจวนไป๋ไม่ได้ห่างกันมากนัก เมื่อไป๋ชิงเหยียนลงมาจากรถม้า ชุนเถาและถงหมัวมัวเดินเข้ามาต้อนรับนาง อารมณ์ของไป๋ชิงเหยียนกลับมาเป็นปกติแล้ว

ไป๋ชิงเจวี๋ยเดินไปส่งไป๋ชิงเหยียนที่เรือนชิงฮุยด้วยตัวเอง เขากำชับพี่สาว “พรุ่งนี้คือวันราชาภิเษกแล้ว พี่หญิงใหญ่พักผ่อนให้เต็มที่นะขอรับ”

ไป๋ชิงเหยียนมองดูน้องชายที่สูงขึ้นไม่น้อยพลางพยักหน้า “เจ้าก็เหมือนกัน รีบไปพักผ่อนเถิด เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”

วันที่ยี่สิบ เดือนหก รัชศกหยวนเหอปีที่หนึ่งคือวันพิธีบรมราชาภิเษกของจักรพรรดินีแห่งต้าโจว

ไป๋ชิงเหยียนนั่งอ่านฎีกาทั้งคืน เมื่อฟ้าใกล้สว่างหญิงสาวผล็อยหลับไปครู่หนึ่ง ไม่นานก็ถูกปลุกขึ้นมาเตรียมตัว

ตั้งแต่ที่ไป๋ชิงเหยียนกำหนดพิธีบรมราชาภิเษกเป็นวันที่ยี่สิบ เดือนหก วังหลวงจึงเร่งเตรียมชุดราชพิธีสำหรับขึ้นครองราชย์ของหญิงสาว ผู้ดูแลสำนักทอผ้าในวังหลวงนำตัวอย่างชุดราชพิธีของราชวงศ์เก่าต้าจิ้นมาให้ไป๋ชิงเหยียนเลือกแบบ ไป๋ชิงเหยียนบอกเพียงว่าไม่ต้องการชุดที่หรูหรามากนัก ทว่า ประโยคนี้ทำเอาผู้ดูแลสำนักทอผ้าหลวงหวั่นวิตกในทันที

ไป๋จิ่นเซ่อจึงช่วยชี้แนะผู้ดูแลสำนักทอผ้าหลวงให้นึกถึงธงเฮยฟานไป๋หมั่งของกองทัพไป๋ ผู้ดูแลสำนักทอผ้าจึงกระจ่างในทันทีและรีบกลับไปเตรียมตัดเย็บชุดอย่างรวดเร็ว

ทว่า อาจเป็นเพราะราชวงศ์ต้าจิ้นใช้ชีวิตอย่างหรูหรามานาน ผู้ดูแลสำนักทอผ้าหลวงจึงค่อนข้างประณีตในการตัดเย็บชุดมาก นางแบ่งด้ายสีเงินเป็นเส้นเล็ก ผูกด้ายสีเงินสี่เส้นและสีขาวสีเส้นให้กลายเป็นเส้นเดียวกัน จากนั้นใช้ด้ายปักลวดลายพระจันทร์สวยงามไว้ตรงบ่าของชุดพิธี ใช้ด้ายสีทองปักเป็นลวดลายมังกรและดวงอาทิตย์

นางใช้ด้ายสีทองและสีเงินเย็บสลับกับด้ายสีขาวเพื่อเล่นสีทึบและสว่าง ปักลายดวงดาว ขุนเขาและลายอื่นๆ รวมทั้งหมดสิบสองรายที่เรียบง่ายไว้ที่ด้านหลังของชุด ทว่า เมื่อเดินออกไปพบเจอแสงอาทิตย์และเสียงเทียน ลวดลายเหล่านี้จะเปล่งประกายราวกับดวงดาวที่อยู่บนท้องฟ้า

ต่งซื่อแต่งตัวให้บุตรสาวด้วยตัวเอง เมื่อจัดเครื่องแต่งกายเรียบร้อย นางยืนมองร่างสูงโปร่งของบุตรสาวในชุดจักรพรรดิสีอยู่ใต้แสงไฟนิ่ง ทั้งๆ ที่คนตรงหน้าคือบุตรสาวแท้ๆ ของนาง ทว่า เมื่อบุตรสาวอยู่ในชุดราชพิธีกุ่นเหมี่ยน[1]ทำให้นางช่างดูแตกต่างออกไปจากเดิมจริงๆ

อาจเป็นเพราะนางรู้ว่านับจากนี้เป็นต้นไปไป๋ชิงเหยียนจะไม่ได้เป็นเพียงบุตรสาวของนางอีกต่อไป บุตรสาวของนางยังเป็นจักรพรรดินีแห่งต้าโจวอีกด้วย

ไป๋จิ่นซิ่ว ไป๋จิ่นเจา ไป๋จิ่นหวา ไป๋จิ่นเซ่อและบรรดาอาสะใภ้ของไป๋ชิงเหยียนยืนมองไป๋ชิงเหยียนในชุดราชพิธีกุ่นเหมี่ยนอยู่ด้านข้างทั้งน้ำตา พวกนางรู้สึกว่าไป๋ชิงเหยียนเต็มเปี่ยมไปด้วยบารมีที่ยิ่งใหญ่ดั่งภูผา

พวกนางไม่คิดมาก่อนเลยว่าไป๋ชิงเหยียนจะพาตระกูลไป๋เดินมาถึงจุดนี้ได้ ยิ่งไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าไป๋ชิงเหยียนจะขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดินี

นึกไม่ถึงเลยว่าไป๋ชิงเหยียนจะเป็นผู้สานต่อปณิธานในการรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งของบรรพบุรุษไป๋ให้เป็นจริงด้วยตัวเอง ไม่ใช่ฝากความหวังเหล่านั้นไว้ที่จักรพรรดิคนใดคนหนึ่ง

ต่งซื่อช่วยจัดตะขอป้ายหยกของไป๋ชิงเหยียนให้เรียบร้อยทั้งน้ำตา ต่งซื่อลูบไปที่ริบบิ้นเส้นคู่และเดี่ยวที่เรียงร้อยลวดลายบนชุดราชพิธีพลางกล่าวขึ้น “ลวดลายบนชุดพิธีกุ่นเหมี่ยนทั้งสิบสองลาย ริบบิ้นดำคือตัวแทนของศิลปะและวิทยาการ เมล็ดข้าวมีไว้สำหรับเลี้ยงดูชาวบ้าน สาหร่ายคือความสะอาดบริสุทธิ์ ลวดลายสีดำและน้ำเงินสื่อถึงการแยกแยะถูกผิด ไฟคือความซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา ของสักการะบูชาคือความจงรักภักดีและกตัญญู ภูเขาคือความหนักแน่นและมั่นคง ดวงตะวัน ดวงจันทร์ ดวงดาวและรุ่งอรุณคือตัวแทนของแสงสว่างที่จะส่องสว่างนำทางชาวบ้านทุกคนในแคว้น!”

ต่งซื่อมองไปทางไป๋ชิงเหยียนทั้งน้ำตาพลางกล่าวเสียงสะอื้น “แม่หวังว่าอาเป่าจะเป็นจักรพรรดิที่มีคุณธรรม สานต่อปณิธานของตระกูลไป๋ ไม่ทำให้ท่านปู่ ท่านพ่อ ท่านอาและน้องชายของเจ้าต้องผิดหวัง ทำให้ชาวบ้านพบกับสันติสุขที่แท้จริงให้ได้!”

ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางต่งซื่อ จากนั้นโค้งคำนับมารดาของตัวเอง “ข้าจะจดจำคำสอนของท่านแม่ไว้เจ้าค่ะ ข้าจะเป็นจักรพรรดิที่ทรงคุณธรรม จะทำให้ต้าโจวรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง ยึดมั่นในศรัทธาจวบจนวันตายเจ้าค่ะ!”

ไป๋จิ่นเจาได้ยินคำกล่าวของพี่หญิงใหญ่จึงรีบคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้นพลางกำหมัดขึ้น “ไป๋จิ่นเจายินดีติดตามพี่หญิงใหญ่รวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง ยึดมั่นในศรัทธาจวบจนวันตายเจ้าค่ะ!”

ยึดมั่นในศรัทธาจวบจนวันตาย

นี่คือที่มาของนามรอง “ปู้อวี๋” ของท่านปู่ไป๋เวยถิงของนาง

ไป๋จิ่นซิ่ว ไป๋จิ่นหวาและไป๋จิ่นเซ่อคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้นเช่นเดียวกัน พวกนางคือทายาทของตระกูลไป๋ ตั้งแต่เกิดมาพวกนางล้วนรับรู้ว่าวันหนึ่งพวกนางจะเป็นส่วนหนึ่งในการรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง

ไป๋ชิงเหยียนสวมชุดราชพิธีคำนับฟ้าดิน คำนับบรรพชน

ประตูอู่เต๋อเหมินถูกเปิดออก ธงเฮยฟานไป๋หมั่งสะบัดพลิ้วอยู่บนกำแพงเมือง กองกำลังรักษาพระองค์สวมชุดเกราะสีเงินยืนเรียงแถวคุ้มกันไป๋ชิงเหยียนอยู่บนถนนยาวทั้งสองข้าง ไป๋ชิงเจวี๋ย ไป๋จิ่นเจาและไป๋จิ่นหวาในชุดนักรบขี่ม้านำพลทหารม้าเหล็กของกองทัพไป๋ในชุดนักเกราะสีดำชูธงเฮยฟานไป๋หมั่งขึ้นสูงนำขบวนอยู่ทางด้านหน้าสุด

ม้าล้ำค่าสีดำแปดตัวลากรถม้าของไป๋ชิงเหยียน ไป๋ชิงเหยียนสวมชุดราชพิธีกุ่นเหมี่ยนนั่งหลังตรงอยู่ในรถม้า

พลทหารม้าเหล็กของกองทัพไป๋ภายใต้การนำของไป๋ชิงเจวี๋ยคือทหารที่เคยออกรบในสนามรบจริง พวกเขาคือยอดฝีมือที่มีชีวิตรอดจากสงครามที่เต็มไปด้วยอันตราย เสื้อเกราะของพลทหารม้าเหล็กของกองทัพไป๋ไม่ได้มีสันสว่างเหมือนเกราะของทหารกองกำลังรักษาพระองค์ พวกเขาสวมชุดเกราะสีดำทึบ บนชุดเกราะสีดำยังมีร่องรอยของการถูกฟันแทงให้เห็นอยู่ ดาบของพวกเขามีรอยแหว่งจากการสู้รบ ทว่า นี่คือสัญลักษณ์แห่งเกียรติยศของพวกเขา

กองกำลังรักษาพระองค์ที่ปกติน่ายำเกรงดูน่าเกรงขามน้อยลงทันทีเมื่อเทียบกับบรรดาทหารในกองทัพไป๋ที่ดุดันตรงหน้า

วันนี้ไป๋ชิงเหยียนให้ไป๋ชิงเจวี๋ยพากองทัพไป๋นำอยู่ด้านหน้าสุดของขบวนเพราะต้องการให้ชาวบ้านเห็นว่านี่คือกองทัพไป๋ที่คอยปกป้องพวกเขา พวกเขาได้รับการปกป้องจากบรรดาทหารเหล่านี้

แสงแดดแรกของวันส่องสว่างออกมาจากก้อนเมฆ เมืองหลวงทั้งเมืองกลายเป็นสีทองอร่าม

ประตูอู่เต๋อที่หนักอึ้งถูกเปิดออก หลังคากระเบื้องใสของตำหนักใหญ่ถูกแสงแดดกระทบจนสว่างเรืองรอง

เครื่องดนตรีเริ่มบรรเลง เสียงกลองและแตรดังขึ้น

[1]กุ่นเหมี่ยน คือชุดของจักรพรรดิที่มีสีดำ ผ้านุ่งสีแดง ประดับสัญลักษณ์มงคลเก้าอย่าง สวมหมวกเหมี่ยนกวนที่ห้อยระย้าด้วยลูกปัดเก้าสาย

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

Status: Ongoing
นิยายจีนโบราณเข้มข้น ปะทะคารม ทดสอบไหวพริบ สนุกถึงใจ!เพราะถูกคนชั่วหลอกใช้ชาติก่อนคนทั้งตระกูลของนางจึงต้องตายอย่างน่าอนาถ ไร้ซึ่งคนทวงถามความเป็นธรรมชาตินี้นางหวนกลับมาก่อนเรื่องราวเกิดขึ้น แม้เพียงเล็กน้อยแต่หากสามารถช่วยเหลือคนในครอบครัวได้แม้สักคนนางก็ยินดีทุ่มเทกำลังให้ถึงที่สุดสตรีตระกูลไปแต่ไรมาแกร่งกล้ำเพียบพร้อมบุ๋นบู๊ แม้ไร้ซึ่งที่พึ่งพิงแล้วจริงแต่ก็จะไม่ยอมให้ผู้ใดมากดขี่ได้!และเพราะเรื่องราวที่เปลี่ยนแปลงไปนางจึงได้พบกับ ‘เขา’ ไวกว่าชาติก่อนเขาผู้นี้แม้ภายนอกดูป็นมิตรและสง่งามกว่าใคร แต่นงแจ่มแจ้งดีว่าเขาเจ้าเล่ห์และอำหิตมากเพียงไหนชาติก่อนแม้ยืนกันคนละฝั่งแต่บุรุษผู้นี้กลับเป็นผู้มอบทางรอดให้แก่นาง อย่างนั้นชาตินี้นางก็ย่อมตอบแทนเขาเป็นอย่างดีเช่นกัน“แม่นางไปช่วยเหลือข้าหลายครั้งหลายครา ใช่ว่าชื่นชอบข้าหรือไม่?”“คุณชายเข้าใจผิดแล้วล่ะ”“ข้าช่วยเหลือแม่นางไปมาหลายครั้งหลายครา แม่นางไปมีใจชื่นชอบข้าบ้างหรือไม่?”“…”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท