ตอนที่ 942 กลับถึงเมืองหลวงอย่างปลอดภัย
เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม หลู่เซียงที่คุกเข่าอยู่บนบันไดสูงจึงเงยหน้าขึ้น เขาเห็นหญิงสาวเอาแต่มองไปทางประตูอู่เต๋อนิ่งด้วยแววตาหนักแน่น ไม่รู้ว่ากำลังรอผู้ใดอยู่…
หลู่เซียงกลัวว่าจะเสียฤกษ์จึงหยัดกายขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก้มศีรษะคำนับพลางตะโกนเสียงดังลั่น “เชิญฝ่าบาทเสด็จขึ้นครองราชย์พ่ะย่ะค่ะ”
“เชิญฝ่าบาทเสด็จขึ้นครองราชย์พ่ะย่ะค่ะ” บรรดาขุนนางพากันตะโกนตาม
ไป๋ชิงอวี๋ที่สวมหน้ากากยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่งเงยหน้ามองไปทางพี่สาวของตัวเองพลางกำหมัดแน่น
เขารู้ดีว่าพี่หญิงกำลังรอคนตระกูลไป๋ที่ยังไม่กลับมา พี่สาวของเขาหวังว่ากองทัพไป๋และคุณชายไป๋ที่ยังมีชีวิตอยู่จะกลับมาร่วมเป็นสักขีพยานในเหตุการณ์นี้ร่วมกันดั่งที่นางประกาศในไว้ราชโองการ
ร่วมเป็นสักขีพยานในการเริ่มต้นรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งของต้าโจว
ไป๋จิ่นซิ่วและไป๋ชิงเจวี๋ยเงยหน้ามองไปทางประตูอู่เต๋อทั้งน้ำตาเช่นเดียวกัน พวกเขาหวังว่าเว่ยจงจะพาคุณชายตระกูลไป๋และกองทัพไป๋ที่ยังมีชีวิตอยู่มาทันก่อนที่พี่หญิงใหญ่จะขึ้นไปบนบัลลังก์สูงนั่น
เวลาค่อยๆ เคลื่อนผ่านไป แสงแดดแรงขึ้นเรื่อยๆ เมืองหลวงทั้งเมืองส่องสว่างราวกับสีทอง
ชาวบ้านพากันวิพากษ์วิจารณ์เสียงเบาหวิว หลู่เซียงกล่าวขอให้ไป๋ชิงเหยียนขึ้นครองราชย์อีกครั้ง
ลมหนาวอ่อนๆ พัดโดนสายระย้าและไข่มุกที่ชุดราชพิธีของไป๋ชิงเหยียน ของตาของไป๋ชิงเหยียนร้อนผ่าวจนแสบร้อนไปหมด ในที่สุดหญิงสาวก็เห็นคนค่อยๆ ดันรถเข็นเคลื่อนตัวเข้ามาในประตูอู่เต๋อที่ถูกแสงแดดส่องกระทบจนกลายเป็นสีทอง
เซียวรั่วไห่เข็นรถเข็นของไป๋ชิงอวิ๋นเข้ามา เซียวรั่วเจียงเดินอยู่ด้านข้าง
“พี่หญิงใหญ่!” ไป๋จิ่นเจาผุดลุกขึ้นยืนพลางเอ่ยเรียกไป๋ชิงเหยียนด้วยความตื่นเต้น น้ำตาไหลพรากออกมาทันที
ไป๋ชิงเหยียนขบกรามแน่นทันทีที่ได้ยินเสียง นางกำดาบในมือแน่น นางมองเห็นแล้ว…
นางมองเห็นน้องชายเก้าไป๋ชิงอวิ๋น มองเห็นพี่ชายทั้งสองซึ่งเป็นลูกของแม่นมของนาง หญิงสาวพยามควบคุมอารมณ์ของตัวเอง จากนั้นกล่าวกับไป๋ชิงเจวี๋ย “อาเจวี๋ย เจ้าไปรับเขาที”
ไป๋ชิงเหยียนรู้ดีว่าตอนนั้นน้องชายเก้าไป๋ชิงอวิ๋นสละชีวิตของตัวเองเพื่อช่วยเหลือไป๋ชิงเจวี๋ย เรื่องนี้เป็นดั่งก้อนหินที่หนักอึ้งอยู่ในใจของน้องชายเจ็ดของนาง เขาคือคนที่รอคอยให้ไป๋ชิงอวิ๋นกลับมามากที่สุด
“ขอรับ” ไป๋ชิงเจวี๋ยรับคำเสียงดัง จากนั้นรีบวิ่งลงจากบันไดไปอย่างรวดเร็ว
ดวงตาทั้งสองข้างของไป๋ชิงเจวี๋ยแดงก่ำ คนที่นั่งอยู่บนรถเข็นคือน้องชายเก้าอาอวิ๋นที่สละชีพช่วยชีวิตเขาไว้!
คุณชายเก้าตระกูลไป๋ที่เคยเป็นคนรักอิสระ บัดนี้นั่งอยู่บนรถเข็น เขาไม่มีความหยิ่งผยองของเด็กหนุ่มเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว บัดนี้เหลือเพียงความสุขุมและใจเย็น เด็กหนุ่มมองไปทางพี่หญิงใหญ่ที่สวมชุดจักรพรรดิยืนอยู่บนบันไดสูงพลางกำเสื้อของตัวเองแน่นทั้งน้ำตา
ตอนที่เขาอาศัยอยู่ที่สำนักซื่อไห่บนภูเขาหลัวพานเขาก็รู้แล้วว่าวันหนึ่งพี่หญิงใหญ่จะขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิและรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง
ตอนที่เขาเห็นราชโองการประกาศให้คุณชายตระกูลไป๋และกองทัพไป๋ที่รอดชีวิตจากสงครามในหนานเจียงในตอนนั้นกลับไปร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีบรมราชาภิเษกของพี่หญิงใหญ่ น้ำตาของเขาไหลพรากอย่างคุมไม่อยู่
ตระกูลไป๋ควรเป็นเช่นนี้นานแล้ว ทว่า ท่านปู่ของพวกเขาจงรักภักดีเกินกว่าจะยอมเป็นขุนนางกบฏ
ทว่า หากผู้เป็นจักรพรรดิไม่มีปณิธานที่ยิ่งใหญ่แล้วปณิธานของขุนนางยิ่งใหญ่กว่า จุดจบจะกลายเป็นว่าจักรพรรดิหวาดระแวงในตัวขุนนางผู้นั้น
หากตระกูลไป๋ต้องการทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ พวกเขาจะฝากความหวังไว้ที่ผู้นำแคว้นคนใดคนหนึ่งไม่ได้เด็ดขาด พวกเขาต้องกลายเป็นผู้นำแคว้นด้วยตัวเอง
เมื่อเห็นไป๋ชิงเจวี๋ยเดินมาแต่ไกล ไป๋ชิงอวิ๋นยกยิ้มขึ้น ขอบตาร้อนผ่าว
ได้เห็นไป๋ชิงเจวี๋ยยังมีชีวิตอยู่ช่างดีจริงๆ!
ไป๋ชิงเจวี๋ยเดินไปหยุดอยู่หน้าไป๋ชิงอวิ๋นอย่างรวดเร็ว เขามองไป๋ชิงอวิ๋นที่นั่งอยู่บนรถเข็นไม้ สายตาหยุดอยู่ที่ขาทั้งสองข้าของน้องชาย ชายหนุ่มกำมือที่แนบอยู่ข้างลำตัวแน่น ขอบตาเริ่มพร่ามัวด้วยน้ำตา
“พี่ชายเจ็ด…” ไป๋ชิงอวิ๋นเอ่ยเรียกไป๋ชิงเหยียนด้วยเสียงแหบพร่า
ไป๋ชิงเจวี๋ยคลี่ยิ้มออกมาอย่างยากลำบาก เขารับหน้าที่เข็นรถเข็นของไป๋ชิงอวิ๋นแทนเซียวรั่วไห่ จากนั้นเข็นรถเข็นไปทางไป๋ชิงเหยียน
รถเข็นหยุดอยู่หน้าบันไดสูง ไป๋ชิงอวิ๋นจับที่วางแขนของรถเข็นทั้งสองข้างแน่นเพื่อพยุงกายลุกขึ้น เขาลองอยู่สองครั้ง ทว่า กลับไม่เป็นผล หน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อ เขาหันกลับไปมองเซียวรั่วไห่และเซียวรั่วเจียง ทั้งสองคนรีบเข้าไปช่วยพยุงตัวไป๋ชิงอวิ๋นทันที
วินาทีที่เหยียนอ๋องหลี่จือเจี๋ยแห่งซีเหลียงที่ยืนอยู่บนบันไดสูงเห็นร่างของไป๋ชิงอวิ๋น สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขามองไปทางไป๋ชิงเหยียนที่อยู่ในชุดราชพิธีแวบหนึ่ง จากนั้นหันกลับไปมองไป๋ชิงอวิ๋นอีกครั้ง เขาคลี่พัดในมือออกแล้วพัดเป็นจังหวะ
จนถึงตอนนี้หลี่จือเจี๋ยก็ยังไม่รู้เลยว่าคุณชายไป๋คนนั้นคือคุณชายคนที่เท่าใดของตระกูลไป๋ ดูเหมือนว่าคนที่ไป๋ชิงเหยียนกำลังรอจะคือคุณชายไป๋คนนี้
หลีจือเจี๋ยรู้สึกหนักใจเล็กน้อย ไป๋สุ่ยอ๋องสังหารไป๋ชิงเหยียนไม่สำเร็จ ทว่า กลับถูกคุณหนูรองไป๋จิ่นซิ่วของตระกูลไป๋จัดการจนเกลี้ยงจนไม่เหลือแม้แต่ร่องรอย บัดนี้ไป๋ชิงเหยียนยังให้ความสำคัญกับคุณชายตระกูลไป๋ที่ขาทั้งสองข้างพิการมากถึงเพียงนี้อีก ซีเหลียงและต้าโจวจะเจรจาสงบศึกกันได้อย่างราบรื่นหรือไม่นะ
ไป๋ชิงอวิ๋นขบกรามแน่นพลางหยัดกายลุกขึ้น เขาถูกประคองให้คุกเข่าลงหน้าบันได้สูง เขาพยาทรงกายนิ่งพลลางกำหมัดตะโกนเสียงดังลั่น “คุณชายเก้าตระกูลไป๋ไป๋ชิงอวิ๋นแห่งค่ายโหยวหลงกลับถึงเมืองหลวงอย่างปลอดภัยแล้วขอรับ!”
เสียงหนักแน่นของไป๋ชิงอวิ๋นดังกังวานไปทั่วบริเวณ
แม้เขาจะสูญเสียขาทั้งสองข้างไป ทว่า เขายังมีมือทั้งสองข้าง ยังมีมันสมองอยู่! เขาไม่อยากใช่ชีวิตอยู่บนโลกนี้อย่างคนไร้ประโยชน์ เขาต้องกลับมาช่วยเหลือพี่หญิงใหญ่รวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งเพื่อสานต่อปณิธานของบรรพบุรุษให้สำเร็จ
ไป๋จิ่นเจาและไป๋จิ่นหวาร้องไห้ออกมาอย่างคุมไม่อยู่ ไป๋จิ่นซิ่วมองไปทางไป๋ชิงอวิ๋นทั้งน้ำตา หญิงสาวยิ้มออกมาได้แย่กว่าร้องไห้เสียอีก
ในที่สุดอาอวิ๋นก็กลับมาทันก่อนที่พี่หญิงใหญ่จะขึ้นครองราชย์!
คำว่ากลับถึงเมืองหลวงอยากปลอดภัยเกือบทำให้ไป๋ชิงเหยียนร้องไห้ออกมา หญิงสาวยกมือให้ไป๋ชิงเจวี๋ยลุกขึ้น
อาอวิ๋นกลับมาแล้ว จะยังมีคุณชายตระกูลไป๋คนอื่นรอดชีวิตกลับมาอีกหรือไม่ พวกเขาจะเดินผ่านประตูอู่เต๋อเข้ามาบอกนางว่าพวกเขากลับมาถึงเมืองหลวงอย่างปลอดภัยแล้วอีกหรือไม่นะ
ไป๋ชิงอวี๋มองไปทางไป๋ชิงอวิ๋นพลางกระชับมือที่ไขว้อยู่ทางด้านหลังแน่น เขายังติดค้างคำว่ากลับถึงเมืองหลวงอย่างปลอดภัยกับตระกูลไป๋อยู่
วันนี้ไป๋ชิงอวี๋ยืนอยู่ตรงนี้พร้อมกับพี่น้องตระกูลไป๋ เขาอยากเห็นคุณชายตระกูลไป๋กลับมาบอกว่าพวกเขากลับถึงเมืองหลวงอย่างปลอดภัยให้มากที่สุดเช่นเดียวกัน
“พี่ชายเก้า!” ไป๋จิ่นเจาลุกขึ้นยืนวิ่งลงไปหาไป๋ชิงอวิ๋นอย่างรวดเร็ว
ไป๋จิ่นหวาวิ่งตามไปหาไป๋ชิงอวิ๋นเช่นเดียวกัน
ร่างของสาวน้อยในชุดเกราะสองคนวิ่งไปหยุดอยู่ตรงหน้าไป๋ชิงอวิ๋น จากนั้นสวมกอดร่างของไป๋ชิงอวิ๋นที่ถูกเซียวรั่วไห่และเซียวรั่วเจียงประคองอย่างโอนเอนไปมาพลางร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด
ไป๋ชิงเหยียนที่ดวงตาพร่ามัวเพราะน้ำตาเหมือนจะมองเห็นเว่ยจงพาคนๆ หนึ่งเดินเข้ามาในประตูอู่เต๋อ ไป๋ชิงเหยียนกระชับมือที่กำดาบจักรพรรดิแน่นจนเหงื่อซึมออกมาทันที…
นางรู้อยู่แล้วว่าอาอวิ๋นต้องกลับมา ทว่า หากคุณชายคนอื่นในตระกูลไป๋ยังมีชีวิตรอดกลับมาอีก ไป๋ชิงเหยียนต้องก้มกราบสวรรค์เพื่อขอบคุณในความเมตตาของเขาแล้ว
ไป๋ชิงเหยียนไม่รู้ว่าผู้ที่เดินเข้ามาคือผู้ใด ใจของหญิงสาวเต้นรัว
ทุกคนในตระกูลไป๋กลั้นหายใจอย่างรอคอย
ไป๋จิ่นซิ่วผุดลุกขึ้นยืนพลางเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ หญิงสาวมองไปทางไป๋ชิงเหยียนอย่างมีความหวังพลางกล่าวเสียงสะอื้น “พี่หญิงใหญ่…”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้านิ่งๆ ไป๋จิ่นซิ่วจึงพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเอง จากนั้นหันไปมองทางประตูอู่เต๋อ
—————————————–