ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง – ตอนที่ 318 เราคิดถึงเจ้า คิดถึงเจ้าจนแทบเสียสติแล้ว

ตอนที่ 318 เราคิดถึงเจ้า คิดถึงเจ้าจนแทบเสียสติแล้ว

หัวใจดวงนี้ของนาง เหมือนกับจะไม่รู้จักการ ‘รัก’ ใครเสียจริงๆ

 

 

พูดอย่างเปิดเผยก็คือ ขาดปฏิกริยาที่ควรมีควรเป็นระหว่างบุรุษหนุ่มและหญิงสาวไป

 

 

ในโลกก่อนโน้นหนุ่มน้อยที่ตามไล่จีบนางหากจับมาคงได้กองใหญ่ แต่ว่าไม่เคยมีใครที่ทำให้นางรู้สึกหวั่นไหวได้เลย

 

 

นางก็แค่ชอบดูคนงามทั้งหลาย ลูบๆ คลำๆ ลวนลามบ้างเท่านั้น หากจะบอกว่า ‘รัก’ ขึ้นมา กลับไม่มีใครเลยจริงๆ

 

 

สำหรับท่านอาจารย์ซื่อมั่ว นางยิ่งให้ความเคารพรัก

 

 

นี่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องของชายหญิงเลย

 

 

“ไม่ใช่ความรักระหว่างชายหญิง” นานพักใหญ่ ตู๋กูซิงหลันถึงได้พูดออกมา “จีเฉวียนเป็นฮ่องเต้ที่ดี เป็นคนดี เพียงแต่ว่าระหว่างข้ากับเขา มันเป็นไปไม่ได้เท่านั้น”

 

 

หากถอยออกมาไกลๆ แล้วพูดจากมุมมองภายนอกก็คือ ต่อให้นางชื่นชอบจีเฉวียน แต่นางเป็นคนของโลกปัจจุบัน ความคิดความเห็นไม่เหมือนกับจีเฉวียน หากพวกนางอยู่ด้วยกัน ก็คงไม่ยืดยาว

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น จีเฉวียนเป็นฮ่องเต้ จะต้องเป็นคนที่ต้องมีสนมมากมายนับไม่ถ้วน

 

 

นางไม่อาจทนการแบ่งปันสามีของตนเองกับหญิงมากมายได้

 

 

พอตู๋กูซิงหลันพูดออกมา ก็แทงลงไปในใจของจีเฉวียนอีกครั้ง

 

 

ในใจของนาง เขาเป็นแค่ฮ่องเต้ที่ดี แค่คนดี….นางไม่เคยจะมีแม้แต่ ‘น้ำใจ’ ให้เขาสักส่วนหนึ่งเลย

 

 

แล้วบุรุษที่ชื่อว่าซื่อมั่วผู้นั้นละ?

 

 

เป็นความรักหรือ?

 

 

แค่คิดว่าคนที่นางรักคือบุรุษที่เขาไม่เคยได้พบมาก่อน พระทัยของจีเฉวียนก็ทรมานเหมือนกับมีมดนับพันนับหมื่นมารุมกัด

 

 

แต่พระองค์มั่นพระทัยแล้วว่า…..นางยังอยู่ ยังมีชีวิตอยู่ในโลกของพระองค์ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

 

 

“ประหลาดจริงๆ ชอบก็คือชอบ ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ ยังจะต้องมาแบ่งแยกรักระหว่างชายหญิงอะไรกัน” ชือหลีถูกนางปั่นจนหัวหมุนไปหมดแล้ว

 

 

นางสะบัดแขนเสื้อ “ช่างเถอะ ไม่ขอเถียงเรื่องนี้กับเจ้าแล้ว ในเมื่อเจ้าก็ไม่ได้ชอบฮ่องเต้แคว้นโจวแล้ว ถ้าเช่นนั้นก็ถือเสียว่า ‘หลานเขย’ ผู้นี้ก็เป็นของแถมที่ได้มาเปล่าๆ แล้วกัน”

 

 

ชือหลีพูดพลาง ก็แกะถุงเฉียนคุนของตนเองไปพลางๆ

 

 

สายตาของนางเหลือบมองลงไปบนร่างของจีเฉวียน “ข้าจะบอกกับเจ้านะ ‘หลานเขย’ ผู้นี้จะต้องเป็นบุรุษโฉมงามอย่างแน่นอน”

 

 

เดิมทีตู๋กูซิงหลันก็ไม่ได้สนใจ

 

 

ถุงเฉียนคุนของชือหลียังไม่ทันเปิดออก ก็ได้ยินเสียงฟู่ดังขึ้น อยู่ๆ ถุงเฉียนคุนของนางก็มีไฟลุกขึ้นมา

 

 

ชือหลีตกใจแทบกระโดด จากนั้นก็เห็นว่าท่ามกลางกองไฟ มีเงาคนปรากฏขึ้นท่ามกลางกองไฟสีดำทองนั้น

 

 

ที่ด้านหลังของเขา มีสัตว์ตัวใหญ่ที่คล้ายกับอาชามีปีกตัวหนึ่ง

 

 

ในชั่วพริบตานั้นเองสีหน้าของตู๋กูซิงหลันก็เปลี่ยนแปลงไปในทันที นางเงยหน้าขึ้น มองดูหมอกจางๆ สีเทา สายตาจับจ้องอยู่บนเงาร่างของผู้ที่สวมชุดสีดำลายทอง

 

 

ดวงเนตรหงส์คู่นั้น ยังคงเย็นยะเยือกดังเดิม

 

 

เพียงแต่เบ้าตาลึกลงกว่าเดิม ใต้ตาก็ดำคล้ำ ราวกับว่าอดหลับอดนอนมานานหลายวัน

 

 

แม้แต่ริมพระโอษฐ์ก็ดูซูบซีดไร้สีเลือด

 

 

ด้ายผูกชะตาที่อยู่บนข้อมือของนางปรากฏขึ้นมา ทอแสงระเรื่อพร้อมกับด้ายผูกชะตาบนข้อพระหัตถ์ในทันที

 

 

จีเฉวียนทรงยืนอยู่ตรงนั้น ส่วนนางก็นั่งอยู่ตรงนี้

 

 

เขามองลงมา ส่วนนางก็เงยหน้ามองขึ้นไป

 

 

ทั้งสองคนสบตากันอยู่เช่นนั้น อย่างเนิ่นนาน ทั่วทั้งเรือนมีแต่ความเงียบสงัด

 

 

เมื่อครู่ชือหลียังเสียดายถุงเฉียนคุนของนางแทบตาบ จนอยากจะตะโกนด่าออกมา แต่พอเห็นว่าเป็นฮ่องเต้น้ำแข็งผู้นั้นก็ต้องหุบปากลงไปทันที

 

 

ไม่เพียงแต่หุบปาก แถมยังต้องยอมถอยหลังไปอีกหลายก้าว

 

 

เฮอะ เฮอะ? ดูสิว่านางจับใครมาได้กัน?

 

 

ประทับใจเลยไหมเล่า! จับลงถุงมาครั้งแรกก็เป็นฮ่องเต้ต้าโจวเลยเป็นไงละ!

 

 

เป็นถึงโอรสสวรรค์ กลับไม่อยู่อย่างสุขสบายในวัง แต่กลับว่างจัดวิ่งวุ่นไปทั่ว ทั้งยังยอมเป็นหลายเขยให้ผู้อื่นอีกด้วย?

 

 

ชือหลีไหนเลยจะกล้าแค้นเคืองกัน ….ได้แต่แอบถอยออกไปเงียบๆ อีกหลายก้าว

 

 

คนผู้นี้….นางไม่กล้าไปหาเรื่องด้วยหรอก

 

 

แสงจากห้องข้างๆ สาดเข้ามาทางด้านหลังของจีเฉวียน ร่างของเขาแทบจะบดบังแสงทั้งหมดเอาไว้ ภายในห้องจึงมืดมาก มืดจนพระองค์แทบจะทรงทอดพระเนตรไม่เห็นสีหน้าของตู๋กูซิงหลัน

 

 

เดิมทีพระองค์ทรงมีวาจามากมายหลายพันคำจะกล่าวกับนาง

 

 

แต่เมื่อคำพูดทั้งหมดมาถึงริมพระโอษฐ์ ก็ถูกกลืนกลับลงไป

 

 

ตู๋กูซิงหลันมองดูพระองค์ นางเองก็พูดอะไรไม่ออกเช่นกัน หัวใจของนางกำลังเต้นโครมคราม….

 

 

ตอนที่อยู่ภายในโลงทองแดง นางละทิ้งจีเฉวียนไปอย่างไม่มีลังเล …..เกรงว่าคนเช่นเขา คงจะต้องอยากจับนางไปฟาดโบยกระมั้ง

 

 

แต่ว่าตอนนี้นางก็กลายเป็นคนพิการไปแล้ว หากเขาอยากจะซ้ำเติมนางลงไปอีกก็คงไม่ได้ต่างกันเท่าไรละมั้ง?

 

 

ตู๋กูซิงหลันชะงักไปครู่หนึ่ง ก็ฝืนคลี่ยิ้มออกมา “บังเอิญจริงๆ เลย เฮอะ เฮอะ …..ฝ่าบาท พวกเราได้พบกันอีกแล้วนะเพคะ”

 

 

พอได้ยินเสียงของนาง พระวรกายของจีเฉวียนถึงได้เคลื่อนไหว

 

 

ตู๋กูซิงหลันถูกพระองค์กักเอาไว้ทั้งตัว ร่างของนางถูกโอบเอาไว้ใต้เงาของพระองค์

 

 

หัวใจของนางเต้นเสียงดังตึกตักไม่ยอมหยุด

 

 

ตู๋กูซิงหลันไม่อาจบรรยายความรู้สึกของตนเองในยามนี้ได้เลย กลัว….ทั้งหวาดกลัวแต่ก็รู้สึกปวดร้าวไปด้วย

 

 

หัวใจของนางปวดร้าวอย่างยิ่ง ราวกับว่ามีอะไรมากดทับจนขยับไม่ได้ ความเจ็บปวดนี้ทำเอานางถึงกับเหงื่อไหลไปทั่วทั้งร่าง

 

 

ที่ผ่านมายามที่คิดถึงจีเฉวียน ก็คล้ายจะรู้สึกเจ็บนิดๆ แบบนี้อยู่บ้าง

 

 

แต่ตอนนี้เมื่อพบกับเขาแบบตัวเป็นๆ ความเจ็บนี้ก็ทวีความรุนแรงขึ้นมา

 

 

นางเห็นจีเฉวียนไม่พูดไม่จาอะไรอยู่นาน ตู๋กูซิงหลันก็คิดว่าสมควรจะต้องพูดอะไรออกมาบ้างเพื่อคลายความอึดอัดเก้อเขิน

 

 

นางเอ่ยขึ้นมา “หม่อมฉัน….”

 

 

พอเอ่ยออกไปสองคำ ก็เห็นเงาร่างของคนที่กักนางเอาไว้โถมลงมา

 

 

จากนั้นก็กอดรัดนางเอาไว้ในอ้อมแขน กอดอย่างแนบแน่น ด้วยเรี่ยวแรงมหาศาลราวกับจะทำให้นางจมลงไปในเลือดเนื้อและกระดูกของพระองค์

 

 

จีเฉวียนทรงกอดนางเอาไว้ พอสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากร่างของนาง พระวรกายของพระองค์ก็สั่นสะท้าน

 

 

นับตั้งแต่ที่นางจากไป พระองค์ทรงฝันถึงนางทุกคืน

 

 

ในความฝันนั้นพระองค์ก็ทรงกอดนางอย่างแนบแน่นเช่นนี้ แต่กลับไม่รู้สึกถึงความอบอุ่นจากนางเลยสักนิด ยามที่ตื่นขึ้นมาข้างกายก็ปราศจากผู้ใด เหลือเพียงพระองค์แต่ผู้เดียว

 

 

ครั้งนี้ไม่เหมือนกันแล้ว นางอยู่ที่นี่จริงๆ อบอุ่นอย่างแท้จริง

 

 

พระองค์ทรงกอดนางแนบแน่นกว่าเดิม พระหัตถ์ใหญ่โตของพระองค์โอบกระหม่อมของนางเอาไว้ ให้ศีรษะของนางสัมผัสกับพระอุระ ให้นางได้ยินเสียงพระทัยของพระองค์

 

 

ปลายคางของพระองค์วางอยู่บนศีรษะของนาง จมกับความรู้สึกดื่มด่ำ “ซิงซิง….”

 

 

“แค่เจ้ายังอยู่ที่นี่ เราก็พอใจแล้ว”

 

 

พระองค์ตรัสพลาง จูบลงไปบนกระหม่อมของนางเบาๆ

 

 

เราคิดถึงเจ้า คิดถึงเจ้าจนคลุ้มคลั่ง

 

 

เรายังแค้นเจ้า แค้นเจ้าจนแทบจะเสียสติ

 

 

แต่เมื่อได้เห็นว่าเจ้าปลอดภัยดี ทั้งหมดนั้นก็กลับกลายเป็นความปิติ

 

 

แค่เจ้ายังอยู่ เราก็พอใจแล้ว

 

 

คำพูดนี้ จีเฉวียนย่อมมิได้ตรัสออกไป

 

 

ความปิติยินดีทั้งหมดล้วนอยู่เพียงในกล่องความคิดของพระองค์เท่านั้น คำพูดทั้งหลายทั้งปวงนี้พระองค์ได้แต่ปล่อยให้มันละลายอยู่ภายในท้องของพระองค์

 

 

ผ่านไปอีกพักใหญ่ จีเฉวียนถึงได้ยอมปล่อยนางในที่สุด ตู๋กูซิงหลันเองก็ทอดถอนใจออกมา มองดูจีเฉวียนที่มีแต่ความอิดโรย ก็กล่าวออกไปประโยคหนึ่งว่า “ฝ่าบาท พระองค์ผอมลงแล้ว”

 

 

จีเฉวียนทรงใช้พระหัตถ์ประคองใบหน้าของนางเอาไว้ “เจ้ายังผอมกว่าเราอีก เป็นเพราะไม่ค่อยได้กิน ไม่ค่อยได้นอนใช่หรือไม่?”

 

 

“เราจะดูแลให้เจ้าอ้วนท้วนเอง”

 

 

ตู๋กูซิงหลัน “….” เดี๋ยวก่อนนะ จริงๆ นางไม่ได้อยากจะเป็นยัยอ้วนเสียหน่อย!

 

 

ไม่รอให้นางทันได้มีปฏิกริยา ก็ได้ยินจีเฉวียนกล่าวว่า “เทพแห่งสายน้ำจับตัวเรามา เพื่อมามอบให้เจ้าใช่ไหม?”

 

 

 

 

——

 

 

คุยกันนิดนึง:

 

 

ไรท์: เจอกันแล้วววววว ดนตรีต้องมาละ เพลงอะไรดี?

 

 

ตอนต่อไป “เจ้าคิดว่าเราจะไม่ปวดใจหรืออย่างไร”

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

Status: Ongoing

ตู๋กูซิงหลัน ปรมาจารย์ไสยศาสตร์ลับผู้เลอโฉมแห่งต้าโจวต้องกลายเป็นไทเฮาแม่ม่ายด้วยวัยเพียงสิบห้าปี และถูกคุมขังอยู่ในตำหนักเย็นด้วยข้อหา ‘งดงามจนทำให้อดีตฮ่องเต้ตกพระทัยตาย’ ด้วยเหตุนี้นางจึงตกเป็นที่รังเกียจของ จีเฉวียน ฮ่องเต้องค์ใหม่และเหล่าสนมทั้งสามพันนางของเขา ขณะกำลังคิดหาหนทางประจบฮ่องเต้องค์ใหม่เพื่อให้ชีวิตของนางได้อยู่สุขสบายขึ้นมาบ้าง บรรดาลูกสะใภ้ที่หวั่นใจกลัวว่าแม่เลี้ยงสาวจะเปลี่ยนสถานะมาเป็นคนข้างหมอนก็พากันตบเท้าเข้ามาหาเรื่องนางมิขาดสาย ไหนจะอดีตคนรักอย่าง จีเย่ว์ ที่มาขอคืนดีด้วยอีก คราวนี้ตู๋กูซิงหลันจึงต้องรับศึกหนักทั้งซ้ายและขวา อีกทั้งยังต้องหาทางฟื้นพลังเพื่อตามหาหยกสรรพชีวิตไปด้วย แล้วแบบนี้จะไม่ให้นางปีนออกนอกกำแพงวังได้อย่างไร

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท