ตอนที่ 949 ไม่ควรสมคบคิดกับคนเช่นนี้
กว่างอันอ๋องมีกองกำลังทหารอยู่ในมือ เหตุใดเขาต้องหวาดกลัวด้วย เขากลัวเสียเมืองของตัวเองไปมากกว่า หากสูญเสียเมืองที่ได้รับตกทอดมาจากบรรพบุรุษไป เขาจะมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อสิ่งใดกัน คนเดินเท้าเปล่าไม่กลัวการสวมรองเท้าอยู่แล้ว
หากไป๋ชิงเหยียนดึงดันจะลดทอนอำนาจของอ๋องอย่างพวกเขาให้ได้เท่ากับนางทำให้พวกเขาเดินเท้าเปล่า พวกเขาจะหวาดกลัวการตายไปพร้อมกับไป๋ชิงเหยียนอีกหรือ!
เหอตงอ๋องมองไปทางกว่างอันอ๋องที่มีสีหน้าสงสัยปนโกรธแค้น ปกติไป๋สุ่ยอ๋องทำตามคำสั่งของกว่างอันอ๋องมาโดยตลอด ทว่า ดูจากท่าทีของกว่างอันอ๋องในตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาไม่รู้เรื่องจริงๆ
สิ้นเสียงของกว่างอันอ๋อง ทหารยอดฝีมือของกองทัพไป๋คุมตัวไป๋สุ่ยอ๋องที่สวมชุดราชพิธีของจักรพรรดิเข้ามาด้านในตำหนัก เมื่อกว่างอันอ๋องเห็นสภาพของไป๋สุ่ยอ๋องจึงผุดลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ เขามองไปที่ชุดราชพิธีของไป๋สุ่ยอ๋องเขม็ง
“คุกเข่าลง!” ทหารกองทัพไป๋กดให้ไป๋สุ่ยอ๋องคุกเข่าลงบนพื้น
“ไป๋สุ่ยอ๋องซ่อนตัวอยู่ในตำหนักเฉียนคุน พามือสังหารของซีเหลียงมาลอบสังหารฝ่าบาท ท่านสมคบคิดกับซีเหลียงใช่หรือไม่” หลู่ไท่เว่ยเอ่ยถาม
หลู่ไท่เว่ย ซือคงเสิ่นจิ้งจง ซือถูต่งชิงผิงและเสนาบดีอีกหกกรมล้วนเป็นขุนนางคนสำคัญของไป๋ชิงเหยียน พวกเขารู้ดีว่าไป๋ชิงเหยียนพาตัวไป๋สุ่ยอ๋องเข้ามาในนี้เพราะต้องการกำจัดอ๋องเหล่านี้อย่างเด็ดขาด
ไป๋สุ่ยอ๋องผู้นี้โง่เองที่คิดก่อกบฏในเวลานี้ เขาเป็นคนทำให้ไป๋ชิงเหยียนมีเหตุผลกำจัดบรรดาอ๋องได้อย่างชอบธรรม หากไม่กำจัดอ๋องเหล่านี้คงผิดต่อพวกเขาที่อุตส่าห์ก่อเรื่องมากมายถึงเพียงนี้
“ไป๋ชิงเหยียน เจ้าเป็นเพียงขุนนางกบฏเท่านั้น เป็นเพียงสตรีที่ขึ้นครองราชย์ เจ้ายังคิดกำจัดอ๋องอย่างพวกข้าอีก เจ้าฝันหวานไปเถิด! ข้าจะบอกเจ้าให้…บัดนี้กองทัพของอ๋องทั้งห้ารวมตัวกันอยู่ที่นอกเมืองหลวงแล้ว ขอเพียงพวกข้าออกคำสั่ง พวกเขาจะบุกเข้ามาจัดการกับกบฏที่ทรยศราชวงศ์ต้าจิ้นทันที!”
โง่สิ้นดี! เหอตงอ๋องเม้มปากแน่น ทั้งๆ ที่สามารถอ้างได้ว่าไป๋ชิงเหยียนเป็นคนบังคับให้เขาสวมชุดพิธีการชุดนั้นเพราะต้องการหาเหตุผลกำจัดอ๋องอย่างพวกเขาอย่างชอบธรรม เช่นนี้พวกเขาอีกสี่คนที่เหลือจะได้ออกโรงช่วยเหลือได้ ทุกอย่างถึงจะมีทางแก้ไข!
ทว่า เมื่อเจ้าคนโง่ผู้นี้มาถึงกลับเผยไพ่ตายของตัวเองออกมาหมดเช่นนี้ แถมยังลากอ๋องอีกสี่คนที่เหลือลงน้ำไปด้วยทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีไม้ตายอันใดบ้าง!
เหอตงอ๋องหลับตาลง ไม่…ไป๋สุ่ยอ๋องไม่ได้โง่ เขาแค่โลภมากเกินไป
เขาไม่ควรสมคบคิดกับคนเช่นนี้เลย!
อ๋องอีกสี่คนที่เหลือไม่เคยอยากได้บัลลังก์ของไป๋ชิงเหยียน พวกเขารู้ดีว่าไม่ว่าผู้ใดจะขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์แห่งนั้น แคว้นแห่งนี้ก็คงต้องลุกเป็นไฟอยู่ดี เพราะพวกเขาไม่ใช่ไป๋ชิงเหยียนที่ยึดครองต้าเหลียงและปราบปรามความวุ่นวายในต้าจิ้นได้
หากพวกเขาขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์แห่งนั้น กองทัพต้าเหลียงที่ยอมจำนนต่อไป๋ชิงเหยียนคือกลุ่มแรกที่จะกบฏพวกเขา
ทว่า ไป๋สุ่ยอ๋องไม่สนใจเรื่องเหล่านี้อีกต่อไป ไป๋สุ่ยอ๋องคิดว่าตัวเองเคยเป็นทายาทสายหลักของจักรพรรดิเกาจู่ ดังนั้นเขาจึงคิดว่าตัวเองมีสิทธิ์ที่จะครอบครองบัลลังก์แห่งนั้น
ทว่า เขาไม่เคยปรึกษากับอ๋องที่เหลืออย่างพวกเขา กลับตัดสินใจทุกอย่างเองคนเดียว ตอนนี้ยังคิดลากพวกเขาที่เหลือลงน้ำด้วยอีก!
เหอตงอ๋องไม่ยอมให้ไป๋สุ่ยอ๋องลากเขาลงน้ำเช่นนี้หรอก ที่สำคัญไป๋สุ่ยอ๋องกล้าร่วมมือกับเหยียนอ๋องแห่งซีเหลียง เขาอาจโดนโทษกบฏแผ่นดินได้เลย
เหอตงอ๋องเป็นคนฉลาดและมีสติ ไป๋ชิงเหยียนกล้าพาตัวไป๋สุ่ยอ๋องเข้ามาในตำหนักอย่างไม่ไว้หน้าเช่นนี้แสดงว่าหญิงสาวคงมีแผนรับมือแล้ว เขาค่อนข้างรู้นิสัยของจักรพรรดินีแห่งต้าโจวองค์นี้จากการกระทำที่ผ่านมาของนาง เขารู้ดีว่านางเป็นคนรอบคอบมาก นางไม่ใช่คนทำสิ่งใดเพราะความวู่วามเด็ดขาด
เวลาผ่านไปเพียงชั่วพริบตา เหอตงอ๋องรีบลุกขึ้นยืน เดินไปคุกเข่ากลางท้องพระโรง จากนั้นก้มศีรษะคำนับแนบพื้น “ฝ่าบาทได้โปรดวินิจฉัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมทราบดีว่าตัวเองคืออ๋องของราชวงศ์เก่า เมื่อฝ่าบาททรงปฏิรูปการปกครองใหม่ย่อมต้องลดทอนอำนาจของอ๋องเก่าอย่างพวกกระหม่อมอยู่แล้ว กระหม่อมพากองทัพมายังเมืองหลวงเพราะต้องการคืนอำนาจทางทหารให้ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะปฏิบัติตามการปกครองระบอบใหม่จนวันตาย ฝ่าบาทได้โปรดให้โอกาสกระหม่อมได้มีส่วนช่วยเหลือฝ่าบาทผลักดันการปกครองระบอบใหม่ด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”
ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางเหอตงอ๋องที่ก้มศีรษะแนบพื้นอย่างนอบน้อมด้วยสีหน้าเรียบเฉย คนผู้นี้ฉลาดและเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก!
แม้ทุกคนในที่นี้จะรู้ดีว่าสิ่งที่เหอตงอ๋องกล่าวออกมาคือเรื่องโกหก ทว่า เหอตงอ๋องยอมลงให้ไป๋ชิงเหยียนถึงเพียงนี้แล้ว หากไป๋ชิงเหยียนไม่ได้ต้องการกำจัดทหารของเหอตงอ๋องให้สิ้นซาก หญิงสาวต้องรับน้ำใจของเหอตงอ๋องและมอบตำแหน่งขุนนางให้เขา
“เหอตงอ๋อง!” กว่างอันอ๋องเบิกตาที่แดงฉานโพลง
บัดนี้ครอบครัวของซั่วฟางอ๋องล้วนอยู่ในเมืองหลวง เขาเป็นคนขี้ขลาดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อเห็นเหอตงอ๋องยอมจำนนต่อไป๋ชิงเหยียน เขาจึงนึกถึงถ้อยคำที่บิดาของเขาเคยบอกว่าเหอตงอ๋องคือคนหน้าเนื้อใจเสือที่เฉลียวฉลาดมาก ซั่วฟางอ๋องจึงรีบลุกขึ้นจากที่นั่ง จากนั้นก้มศีรษะคำนับไป๋ชิงเหยียนเช่นเดียวกัน เขาข่มความหวาดกลัวพลางกล่าวขึ้น “ฝ่าบาท กระหม่อมไม่แน่ใจว่ากองทัพซั่วฟางมาถึงแล้วหรือไม่ กระหม่อมทราบดีเช่นเดียวกับเหอตงอ๋องว่าฝ่าบาททรงต้องการลดทอนอำนาจของอ๋อง กระหม่อมจึงอยากมอบอำนาจทางทหารของกระหม่อมให้ฝ่าบาท ฝ่าบาทได้โปรดให้โอกาสกระหม่อมได้มีส่วนช่วยเหลือฝ่าบาทผลักดันการปกครองระบอบใหม่ด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
“ซั่วฟางอ๋อง!” อันซีอ๋องมองไปทางซั่วฟางอ๋องซึ่งปกติทำตามคำสั่งของเขามาโดยตลอด ทว่า บัดนี้แทบจะคลานออกมาจากด้านหลังโต๊ะ อันซีอ๋องกำหมัดแน่น เขารู้สึกว่ากำลังถูกซั่วฟางอ๋องทรยศ
“ไอ้คนขายสมบัติของตระกูลกิน!” กว่างอันอ๋องลุกขึ้นยืนด้วยความโมโหพลางด่าเหอตงอ๋องและซั่วฟางอ๋องอย่างเดือดดาล “ศักดินาคือสิ่งที่ได้รับสืบทอดมาจากบรรพบุรุษ พวกเจ้าคิดมอบให้ผู้อื่นง่ายๆ เช่นนี้อย่างนั้นหรือ! กองทัพทหารสองแสนนายรออยู่ที่นอกวังหลวง พวกเจ้าหวาดกลัวสิ่งใดกัน! พวกเจ้าคู่ควรมีสายเลือดราชวงศ์หลินอยู่ในตัว คู่ควรใช้สกุลหลินอย่างนั้นหรือ!”
ไป๋ชิงเหยียนหยัดแผ่นหลังตรงพลางยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย จากนั้นกล่าวขึ้นช้าๆ “ทหารสองแสนนายอย่างนั้นหรือ กว่างอันอ๋องลองส่งคนไปสำรวจนอกเมืองหลวงดูสิว่าสถานการณ์ของกองทัพเหอตง กว่างอันและไป๋สุ่ยในตอนนี้เป็นเช่นไรบ้าง จากนั้นลองส่งคนสืบดูด้วยว่ากองทัพของอันซีอ๋องและซั่วฟางอ๋องผ่านเขาเทียนสยามาได้หรือไม่”
แผ่นหลังของเหอตงอ๋องที่ก้มศีรษะคำนับแนบพื้นอยู่ชาวาบ หน้าผากชื้นไปด้วยเหงื่อ ไป๋ชิงเหยียนมีแผนรับมือจริงๆ ด้วย โชคดีที่เขาไหวตัวทัน
หลินคังเล่อกลอกตาใส่กว่างอันอ๋องที่สั่นสะท้านไปทั้งร่างหนึ่งทีอย่างอดไม่ได้ เขาก้าวไปด้านหน้า “ฝ่าบาท ระหว่างทางกลับมาเมืองหลวง กระหม่อมเดินทางผ่านเมืองเหอตง กระหม่อมได้ยินว่าพระชายาเหอตงและเหอตงซื่อจื่อคิดถึงเหอตงอ๋องมาก กระหม่อมจึงพาพวกเขามายังเมืองหลวงด้วยพ่ะย่ะค่ะ ทว่า เมื่อกลับมามีเรื่องต้องสะสางมากมายกระหม่อมจึงลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท ไม่ทราบว่าตอนนี้ควรเชิญครอบครัวของเหอตงอ๋องเข้ามาในตำหนักหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
เหอตงอ๋องกำหมัดแน่น จากนั้นรีบก้มศีรษะคำนับแนบพื้นทันที “ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงเห็นพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”
กล่าวจบเหอตงอ๋องจึงหันไปยกมือคารวะหลินคังเล่อด้วยท่าทีที่พยายามฝืนให้เป็นปกติที่สุด “ขอบคุณแม่ทัพหลินที่เห็นใจ”
“ท่านอ๋องเกรงใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ” หลินคังเล่อรับคำขอบคุณของเหอตงอ๋องอย่างไม่เกรงใจ
“เตรียมที่นั่งให้ครอบครัวของเหอตงอ๋อง” ไป๋ชิงเหยียนสั่งเว่ยจง
“พ่ะย่ะค่ะ” เว่ยจงหันไปสั่งให้ขันทีเล็กจัดเตรียมที่นั่งของครอบครัวของเหอตงอ๋องไว้ด้านหลังที่นั่งของเหอตงอ๋อง
ไป๋จิ่นซิ่วมองไปทางไป๋ชิงเหยียนแวบหนึ่ง จากนั้นลุกขึ้นกำหมัดคารวะพี่สาวพลางกล่าวขึ้น “ฝ่าบาท ใต้เท้าเสิ่นเทียนจือจัดการกับกองทัพกบฏอันซีและซั่วฟางที่ภูเขาเทียนสยาจนหมดสิ้นแล้วเพคะ เขาพาตัวอันซีซื่อจื่อ แม่ทัพอันซีและแม่ทัพซั่วฟางมารอเข้าเฝ้าฝ่าบาทอยู่นอกตำหนักแล้วเพคะ เสิ่นชิงจู๋พาตัวครอบครัวของกว่างอันอ๋องและไป๋สุ่ยอ๋องมารอตามคำสั่งของฝ่าบาทแล้วเช่นกันเพคะ”
“พาพวกเขาเข้ามา…” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว
อันซีอ๋องเกือบพลัดตกลงจากเก้าอี้ เขาเม้มปากแน่น ไป๋ชิงเหยียนล่วงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้อย่างนั้นหรือ เหตุใดนางจึงล่วงรู้แผนการของพวกเขาอย่างหมดเปลือกเช่นนี้กัน!
——————————————–