ตอนที่ 957 การเสียสละที่ยิ่งใหญ่
ดวงตาลึกล้ำของเซียวหรงเหยี่ยนมองสบตาไป๋ชิงเหยียน ทุกถ้อยคำล้วนกล่าวออกมาจากใจ “เราจะริเริ่มการอนุญาตให้สตรีเรียนหนังสือ สอบขุนนางและเข้ารับราชการแน่นอน ทว่า ยังไม่ใช่ตอนนี้! ยิ่งไม่ควรเป็นจักรพรรดินีคนแรกของแคว้นอย่างเจ้าเป็นคนทำ เป้าหมายของเจ้าคือการรวบรวมให้ต้าให้เป็นหนึ่ง สิ่งที่ควรกังวลมากที่สุดตอนนี้คือการทำให้ราชสำนักสั่นคลอนจนผู้คนในแคว้นแบ่งออกเป็นฝักฝ่าย ต้าโจวสูญเสียสิทธิ์การแย่งชิงความเป็นที่หนึ่งในใต้หล้ากับต้าเยี่ยน”
ความจริงแล้วเซียวหรงเหยี่ยนคืออ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยน เขาไม่ควรกล่าวเรื่องเหล่านี้กับไป๋ชิงเหยียน ทว่า ชายหนุ่มก็ยังคงกล่าวออกไป
จีโฮ่วมารดาของเขาคือความเจ็บปวดชั่วชีวิตของเซียวหรงเหยี่ยน ดังนั้นเซียวหรงเหยี่ยนอยากให้สตรีได้ร่ำเรียนหนังสือ สอบขุนนางและเข้ารับราชการเหมือนกัน ทว่า อุปสรรคมากเกินไป…
ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะรวบรวมใต้หล้าให้สำเร็จและจัดการเรื่องทุกอย่างให้มั่นคงก่อน จากนั้นค่อยวางแผนอย่างละเอียดและลงมือทำ
เพราะหากลงมือทำเรื่องนี้ คนในแคว้นต้องลุกขึ้นมาต่อต้านแน่นอน
เซียวหรงเหยี่ยนขยับท่านั่งเล็กน้อย “ข้าคิดว่าต้าโจวยังไม่พร้อมที่จะลงมือทำเรื่องนี้ในตอนนี้!”
ต้าเยี่ยนมีความพร้อมกว่าต้าโจวเสียอีก ตอนนี้อาลี่ผู้ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิแห่งต้าเยี่ยนยังเล็กมาก เมื่อต้าเยี่ยนรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งได้แล้ว เมื่อผู้สำเร็จราชการอย่างเขาประกาศเรื่องนี้ออกไป อาลี่ที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้วสามารถกำจัดอาอย่างเขาได้อย่างชอบธรรม จากนั้นแสร้งทำเป็นเจ็บปวดจนไม่ยุ่งกับงานในราชสำนักเพื่อหลีกเลี่ยงการโดนขุนนางบังคับให้ยกเลิกกฎที่อนุญาตให้สตรีร่ำเรียน สอบขุนนางและรับราชการ
เมื่อตัวการของเรื่องนี้อย่างเขา ‘เสียชีวิต’ ลงแล้ว บรรดาขุนนางเหล่านั้นคงไม่บีบบังคับอาลี่จนเกินไป
ให้อาลี่ยื้อเรื่องนี้ไว้จนกว่าชาวบ้านและขุนนางเริ่มคุ้นชินกับมัน จากนั้นอาลี่ค่อยประกาศให้ทุกคนรับรู้ว่าการจะอนุญาตให้สตรีร่ำเรียน สอบขุนนางและเข้ารับราชการเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ เช่นนี้เสียงคัดค้านก็จะน้อยลงมาก
นี่คือวิธีที่เซียวหรงเหยี่ยนคิดว่าเหมาะสมที่สุด
เซียวหรงเหยี่ยนมองเห็นดวงตาที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยแดงฉานของไป๋ชิงเหยียน มองเห็นรอยคล้ำที่ใต้ตาของหญิงสาว เขารู้สึกสงสารหญิงสาวมาก “การปฏิรูปการปกครองใหม่ การยกระดับฐานะของสตรีและการทำสงครามกับซีเหลียงล้วนเป็นเรื่องใหญ่ อาเป่ากดดันตัวเองเกินไปแล้ว”
ไป๋ชิงเหยียนรู้ว่าเซียวหรงเหยี่ยนสงสารตน หญิงสาวยกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย “ข้าเคยทบทวนสิ่งที่ท่านกล่าวมาหมดแล้ว หลู่ไท่เว่ยก็เคยเกลี้ยกล่อมข้าแล้วเช่นกัน ทว่า ข้าจำเป็นต้องทำเรื่องนี้อยู่ดี ข้าไม่ได้คิดว่าการทำเช่นนี้จะสามารถยกระดับฐานะของสตรีในแคว้นได้ทันที การเปลี่ยนความคิดที่ว่าบุรุษคือช้างเท้าหน้า สตรีคือช้างเท้าหลัง เมื่อสตรีออกเรือนก็เหมือนน้ำที่สาดออกไปและความคิดที่ว่าสตรีคือคนของตระกูลอื่นเมื่อแต่งงานออกไปต้องใช้เวลาอย่างที่ท่านกล่าวจริงๆ ทว่า จำเป็นต้องมีคนเริ่มลงมือเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้โดยใช้กฎหมายและวิธีที่แข็งกร้าวเช่นนี้ก่อน”
“ต้องมีคนต่อต้านระบอบการปกครองใหม่อย่างรุนแรงอยู่แล้ว ทว่า เมื่อกัดฟันอดทนต่อไปได้ เมื่อเวลาผ่านไปจะยิ่งมีแต่คนเคารพในการปกครองนี้ ทว่า หากยอมแพ้ทันทีที่ถูกคัดค้าน วันหน้าหากเสนอเรื่องนี้ขึ้นมาอีกมีแต่จะถูกคัดค้านรุนแรงยิ่งกว่าเดิมเพราะทุกคนรู้ว่าการคัดค้านได้ผล!” ไป๋ชิงเหยียนยิ้มให้เซียวหรงเหยี่ยนน้อยๆ “หากทำเรื่องนี้สำเร็จ คนมีความสามารถของต้าโจวจะไม่ถูกจำกัดด้วยคำว่าเพศอีกต่อไป ต้าโจวจะมีคนมีความสามารถเพิ่มมากขึ้นและมากกว่าแคว้นอื่น!”
ไป๋ชิงเหยียนกล้าคิดและกล้าทำ
เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงต้องรีบคว้าโอกาสนี้ทำในสิ่งที่เหมาะสมกับยุคสมัยที่กำลังเปลี่ยนไป
ไป๋ชิงเหยียนตัดสินใจแล้วว่าจะอนุญาตให้สตรีร่ำเรียน สอบขุนนางและเข้ารับราชการ หญิงสาวจะไม่ยอมแพ้แน่นอน
“ท่านปู่เคยสั่งสอนทายาททุกคนของตระกูลไป๋ว่าชาวบ้านคือรากฐานของแคว้น เมื่อรากฐานมั่นคงแคว้นถึงจะมั่นคง ข้าเห็นด้วยกับความคิดของท่านปู่” ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางเซียวหรงเหยี่ยนนิ่ง “การรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง คืนความสงบให้ใต้หล้า ไม่ว่าต้าเยี่ยนหรือต้าโจวจะเป็นคนทำสำเร็จล้วนส่งผลดีต่อชาวบ้านทั้งสิ้น! การแข่งขันของต้าโจวและต้าเยี่ยนควรแข่งกันที่รูปแบบการปกครองแคว้น การปกครองของแคว้นใดทำให้ชาวบ้านในแคว้นร่ำรวยและแข็งแกร่ง แคว้นนั้นควรได้เป็นคนรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง!”
สองสายตาประสานกัน เซียวหรงเหยี่ยนเข้าใจความหมายแฝงในคำกล่าวของไป๋ชิงเหยียน
ต้าเยี่ยนในตอนนี้ใช้รูปแบบการปกครองแคว้นของจีโฮ่วในตอนนั้นมาปกครองคนต้าเยี่ยน แม้จะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการปกครองอยู่บ้าง ทว่า ส่วนสำคัญยังคงเหมือนเดิม
ไป๋ชิงเหยียนปรับเปลี่ยนรูปแบบการปกครองตามสถานการณ์ รวบรัดและตรงประเด็น ปฏิรูปการปกครองใหม่ในต้าโจวด้วยวิธีการที่เข้มงวดที่สุด
การปกครองและกฎหมายของทั้งสองแคว้นแทบไม่เหมือนกัน กระทั่งเดินกันไปคนละทาง
ทว่า ทั้งสองแคว้นมีปณิธานอยากรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งเช่นเดียวกัน เมื่อรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งได้แล้ว พวกเขาต้องรวมการปกครองให้เป็นหนึ่งเดียว
“อาเป่าหมายความว่าหากวันหน้าเหลือเพียงต้าเยี่ยนและต้าโจว พวกเราจะแข่งขันกันด้วยรูปแบบการปกครองแคว้นว่าผู้ใดสมควรได้เป็นหนึ่งในใต้หล้าอย่างนั้นหรือ” เซียวหรงเหยี่ยนถาม
เซียวหรงเหยี่ยนเคยจินตนาการว่าหากวันหนึ่งใต้หล้าเหลือเพียงต้าเยี่ยนและต้าโจวขึ้นมาจริงๆ หากพวกเขาต้องทำสงครามกัน เขาจะจัดการเรื่องความรู้สึกและผลประโยชน์ของแคว้นตัวเองให้สมดุลได้อย่างไร
เซียวหรงเหยี่ยนไม่รู้ว่าการตัดสินกันด้วยรูปแบบการปกครองจะได้ผลดีกว่าหรือไม่…
ทว่า เซียวหรงเหยี่ยนรู้ดีว่าหากวันนั้นมาถึง หากสองแคว้นรวมเป็นหนึ่งโดยไม่มีการสู้รบกัน เขาไม่แน่ใจว่าหากต้าโจวยอมแพ้และรวมแคว้นกับต้าเยี่ยน บรรดาขุนนางของต้าเยี่ยนจะยอมรับได้หรือไม่ ทว่า เขามั่นใจว่าหากให้ต้าเยี่ยนเป็นฝ่ายยอมแพ้และเข้าร่วมกับต้าโจว ขุนนางของต้าเยี่ยนคงต่อสู้จนตัวตายแน่นอน
การรวมกันของสองแคว้นไม่ใช่เรื่องของไป๋ชิงเหยียนและเซียวหรงเหยี่ยนหรือตระกูลไป๋กับตระกูลมู่หรงเพียงสองตระกูลเท่านั้น ทว่า นี่คือเรื่องใหญ่ของต้าโจวและต้าเยี่ยน
ถึงแม้เขาจะเข้าใจว่าไป๋ชิงเหยียนไม่อยากให้เกิดความสูญเสีย ไม่อยากให้ทหารสละชีพโดยเปล่าประโยชน์เพียงเพราะแคว้นที่แข็งแกร่งที่สุดแคว้นใดแคว้นหนึ่งในสองแคว้นจะกลายเป็นหนึ่งในใต้หล้า หญิงสาวจึงอยากใช้วิธีนี้ในการตัดสินผลแพ้ชนะ ทว่า เขาไม่กล้ารับปาก
เขาคืออ๋องเก้าแห่งแคว้นต้าเยี่ยนก็จริง ทว่า ต้าเยี่ยนไม่ใช่แคว้นของตระกูลมู่หรงเพียงคนเดียว ต้าเยี่ยนคือแคว้นของคนต้าเยี่ยนทุกคน
สิ่งที่แตกต่างที่สุดของต้าเยี่ยนและต้าโจวก็คือตระกูลมู่หรงคือสายเลือดหลักที่สืบทอดบัลลังก์ต้าเยี่ยน เมื่อทายาทของตระกูลมู่หรงเกิดมา พวกเขาคือเจ้านายของแคว้นต้าเยี่ยนโดยชอบธรรม พวกเขาเรียนรู้การปกครองแคว้นและชาวบ้านมาตั้งแต่เล็ก พวกเขาคือสายเลือดหลักที่แท้จริงของราชวงศ์
ต้าเยี่ยนต้องการรวบรวมใต้หล้าให้สำเร็จเพื่อชาวบ้าน ต้าเยี่ยนเสียสละครั้งยิ่งใหญ่เช่นนี้เพื่อสร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่ ทำให้ตระกูลมู่หรงถูกจารึกลงในประวัติศาสตร์ตราบนานเท่านาน
ทว่า ต้าโจวเพิ่งถูกสถาปนาขึ้น แม้ไป๋ชิงเหยียนจักรพรรดินีองค์แรกแห่งต้าโจวจะเกิดในตระกูลไป๋ซึ่งเป็นขุนนางมาทุกรุ่น ได้รับการอบรมสั่งสอนจากเจิ้นกั๋วอ๋อง แม้มีปณิธานอยากรวบรวมใต้หล้าให้สำเร็จ ทว่า พวกเขาเป็นขุนนางมาก่อน ปณิธานที่พวกเขาถูกอบรมสั่งสอนมาคือการปกป้องดูแลชาวบ้านและบ้านเมืองให้มีแต่ความสงบสุข พวกเขาถูกอบรมสั่งสอนให้ปกป้องและดูแลชาวบ้านตลอดไป
แม้ว่าแรกเริ่มไป๋ชิงเหยียนจะอยากครอบครองบัลลังก์แห่งนี้เพราะเหตุผลส่วนตัว ต้องการขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุดเพื่อประกาศตามหาคุณชายตระกูลไป๋กองทัพไป๋ที่รอดชีวิตจากสงครามหนานเจียงกลับบ้านและแก้แค้นราชวงศ์หลินที่เน่าเฟะจนถึงรากเหง้า
ทว่า สุดท้ายแล้วหญิงสาวกบฏเพื่อชาวบ้าน หญิงสาววางแผนการปกครองแคว้นอย่างตั้งใจ หญิงสาวอ่านตำรา ‘พ่อค้า’ ตำราบันทึกประวัติศาสตร์…
———————————–