ตอนที่ 966 ตอบแทนด้วยตำแหน่งสูง
เมื่อเห็นขบวนกองทัพเคลื่อนที่ห่างไปเรื่อยๆ เสิ่นชิงจู๋จึงควบม้าเข้าไปใกล้ไป๋ชิงเหยียน จากนั้นกล่าวเสียงเบา “กลับกันเถิดเจ้าค่ะคุณหนูใหญ่! ยามซื่อ[1]ต้องไปสำนักศึกษากั๋วจือเจียนอีกเจ้าค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า จากนั้นหันม้ากลับ “ไปกันเถิด!”
“คุณหนูใหญ่ ได้รับรายงานมาว่าเมื่อวานเหล่าบัณฑิตของสำนักศึกษากั๋วจื่อเจียนไปเชิญท่านปรมาจารย์ผู้เฒ่ากวนยงฉยงมาด้วยเจ้าค่ะ” เสิ่นชิงจู๋ขี่ม้าประกบข้างไป๋ชิงเหยียนพลางรายงานเสียงเบา
ไป๋ชิงเหยียนก้มหน้าไม่กล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น หญิงสาวกุมบังเหียนม้าแน่น
นางรู้ดีว่าบัณฑิตเหล่านี้เชิญอาจารย์ของนางมาเพราะเหตุใด ทว่า ไป๋ชิงเหยียนเชื่อว่าท่านอาจารย์ของนางต้องเข้าใจว่าเหตุใดนางจึงอนุญาตให้สตรีเข้าเรียนในสำนักศึกษา เข้าร่วมการสอบขุนนางและรับราชการได้
ตอนนั้นท่านอาจารย์ของนางออกโรงปกป้องนางต่อหน้าบัณฑิตมากมายที่หน้าประตูอู่เต๋อ ท่านกล่าวว่านางคือลูกศิษย์ที่ท่านภาคภูมิใจ ดังนั้นนางเชื่อว่าท่านอาจารย์จะเข้าใจจุดประสงค์ที่แท้จริงของนาง
เพราะหากอนุญาตให้สตรีมีโอกาสร่ำเรียน มีโอกาสสอบขุนนางและเข้ารับราชการ คนมีความสามารถในต้าโจวจะเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมอีกเท่าตัว
หากไม่แบ่งแยกชนชั้นของบุรุษและสตรี หากทุกคนมีความเท่าเทียมกัน หากทุกคนนำความสามารถมีมาช่วยกันพัฒนาแคว้น ช่วยเหลือชาวบ้าน แคว้นต้าโจวจะแข็งแกร่งกว่าเดิมภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว
“มิเป็นอันใด กลับกันเถิด ให้เว่ยจงเตรียมตัวออกเดินทางไปยังสำนักศึกษากั๋วจื่อเจียน” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว
หัวหน้าและรองหัวหน้าของสำนักกั๋วจื่อเจียนพาเหล่าบัณฑิตออกมารอต้อนรับไป๋ชิงเหยียนที่หน้าประตูสำนักศึกษากั๋วจื่อเจียนแต่เช้า
แสงอรุณแรกของวันส่องผ่านใบไม้บนต้นไม้ใหญ่กระทบลงบนบ่าของเหล่าบัณฑิต ทว่า พวกเขาไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อย พวกเขายืนวิพากษ์วิจารณ์เสียงเบาอยู่ด้านหลังหัวหน้าและรองหัวหน้าสำนักกั๋วจื่อเจียน บางคนยังคงปรึกษากันว่าจะคัดค้านไป๋ชิงเหยียนโดยไม่หวาดกลัวอำนาจของนางได้อย่างไร
น้ำค้างบางส่วนยังคงเกาะอยู่บนใบไม้ของต้นไม้ที่ขึ้นอยู่ตามสองข้างทางของบันไดสำนักศึกษากั๋วจื่อเจียน เม็ดน้ำค้างใสจนด้านในเห็นภาพของสิ่งก่อสร้างในสำนักศึกษากั๋วจื่อเจียนและบรรดาบัณฑิตในชุดบัณฑิตเต็มยศราวกับเป็นโลกจำลองใบเล็กอีกใบ
ทันใดนั้นมีคนขี่ม้าเร็วมารายงานว่าจักรพรรดิแห่งต้าโจวขี่ม้าใกล้มาถึงแล้ว หัวหน้าสำนักกั๋วจื่อเจียนรีบจับมือของรองหัวหน้าสำนักเดินลงจากบันไดสูง เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนขี่ม้าเร็วเข้ามาท่ามกลางแสงสีทองของรุ่งอรุณ เขาจึงรีบพาเหล่าบัณฑิตลงไปต้อนรับหญิงสาว
เหล่าบัณฑิตคิดว่าวันนี้ไป๋ชิงเหยียนต้องสวมชุดจักรพรรดิมาที่นี่ในฐานะบุรุษ เพราะหลังจากที่จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงขึ้นครองบัลลังก์ นางจะแต่งกายด้วยชุดจักรพรรดิไปเข้าร่วมการว่าราชการในฐานะบุรุษทุกครั้ง
เมื่อคืนพวกเขาปรึกษากันหลายเรื่อง วันนี้พวกเขาเตรียมยกเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นประเด็นด้วยซ้ำ นึกไม่ถึงเลยว่าไป๋ชิงเหยียนที่นั่งอยู่บนหลังม้าจะไม่ได้สวมชุดจักรพรรดิมาอย่างที่พวกเขาคิดไว้ หญิงสาวสวมเครื่องแต่งกายสีขาว ผมยาวสีดำขลับเกล้าสูงเป็นมวยเมฆคล้อย บนศีรษะไม่มีเครื่องประดับใดๆ นอกจากปิ่นปักผมหยกลายหานป่าสีขาวเพียงเล่มเดียวเท่านั้น มองจากไกลๆ หญิงสาวคือสาวงามที่น่าตราตรึง ทว่า ภายใต้ความงดงามนั้นกลับแฝงด้วยบารมีที่น่าเกรงขามอย่างมากล้นจนทำให้คนไม่กล้าคิดล่วงเกินหญิงสาวเพียงเพราะความงามของนาง
พลทหารม้าเหล็กที่ไป๋ชิงเจวี๋ยพามาคุ้มกันไป๋ชิงเหยียนค่อยๆ หยุดลงหน้าบันไดสูงของสำนักศึกษากั๋วจื่อเจียน
“คารวะฝ่าบาท!” หัวหน้าสำนักศึกษากั๋วจื่อเจียนที่อายุมากแล้วคุกเข่าทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนเป็นคนแรก
ทุกคนในสำนักศึกษากั๋วจื่อเจียนต่างพากันคุกเข่าทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนอย่างไม่กล้าวางมาด
ไป๋ชิงเหยียนลงจากหลังม้า หญิงสาวเดินไปประคองหัวหน้าสำนักกั๋วจื่อเจียนให้ลุกขึ้นด้วยตัวเอง “วันหน้าทุกคนจะกลายเป็นเสาหลักสำคัญของต้าโจว ไม่จำเป็นต้องมากพิธีเช่นนี้ ข้าทราบดีว่าทุกท่านมีข้อสงสัยมากมายที่ต้องการถามข้า ทุกท่านกลับเข้าไปนั่งในสำนักศึกษากั๋วจื่อเจียนก่อนเถิด วันนี้ข้ามอบราชสำนักให้หลู่ไท่เว่ยดูแลแล้ว ข้ามีเวลาสนทนากับทุกท่านอย่างเปิดใจ วันหน้าพวกเราจะได้ร่วมแรงร่วมใจพัฒนาแคว้นต้าโจวไปด้วยกัน”
ร่างของสตรีในชุดเสื้อแขนยาวแคบและกางเกงยาวยกมือคารวะทุกคน น้ำเสียงของหญิงสาวอ่อนโยน เมื่อยืนอยู่ท่ามกลางเหล่าบัณฑิตที่สวมชุดบัณฑิตแขนกว้างจนสะบัดพลิ้วไปตามแรงลมยิ่งทำให้หญิงสาวดูสง่างามและน่ามองมากยิ่งขึ้น
ไป๋ชิงเหยียนไม่คิดแสร้งทำเป็นว่าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น นางรู้ดีว่าบัณฑิตเหล่านี้กำลังไม่พอใจ หญิงสาวไม่คิดวางมาด ไม่คิดใช้บารมีข่มขู่พวกเขา หญิงสาวกล่าวออกมาอย่างตรงไปตรงมาราวกับต้องการมาแก้ไขข้อข้องใจกับเหล่าบัณฑิตที่ยังไม่ได้สอบคัดเลือกขุนนางเหล่านี้ วันหน้าพวกเขาจะได้ร่วมแรงร่วมใจกับนางทำเพื่อบ้านเมืองจริงๆ ความใจกว้างของหญิงสาวทำให้หลายๆ คนนับถือ
เซวียเหรินอี้ซึ่งเคยเป็นตัวแทนบัณฑิตทุกคนในใต้หล้าตีกลองเติงเหวินร้องทุกข์เรื่องการทุจริตในการสอบขุนนางจนชื่อเสียงเสียหายอย่างหนักบังเอิญได้เข้ามาอยู่ในสำนักศึกษากั๋วจื่อเจียนด้วยเช่นเดียวกัน วันนี้เขาคือหนึ่งในบัณฑิตที่คัดค้านไป๋ชิงเหยียน เขาทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนตามบัณฑิตคนอื่นๆ อย่างจริงใจ
ไป๋ชิงเหยียนเดินเข้าไปในสำนักศึกษากั๋วจื่อเจียนพร้อมกับบัณฑิตมากมาย
หัวหน้าสำนักศึกษากั๋วจื่อเจียนสั่งให้คนเตรียมที่นั่งไว้ในโถงน่าเสียนซึ่งด้านนอกเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ร่มรื่นที่อายุนับร้อยปี โถงน่าเสียนที่ปกติมีแต่ความเงียบเหงา บัดนี้ชั้นหนึ่งและชั้นสองเต็มไปด้วยบัณฑิตของสำนักศึกษากั๋วจื่อเจียน ภายในโถงไม่มีที่นั่งว่างเหลือแม้แต่ที่เดียว เหล่าบัณฑิตที่ต้องการประท้วงไป๋ชิงเหยียนโดยไม่กลัวตายนั่งอยู่ที่ด้านล่างโถงน่าเสียน แม้แต่นอกโถงน่าเสียนยังอัดแน่นไปด้วยผู้คนมากมาย
ไป๋ชิงเหยียนนั่งอยู่ตรงกลางบ่อน้ำพุ หญิงสาวได้ยินเสียงน้ำไหลและเสียงหยดน้ำกระทบลงบนไม้ไผ่เป็นจังหวะ ไอเย็นที่แผ่เข้ามาท่ามกลางอากาศในฤดูร้อนเช่นนี้ทำให้คนใจสงบลงไม่น้อย
เมื่อนั่งลงเรียบร้อย ไป๋ชิงเหยียนทำความเคารพและกล่าวขึ้นก่อน “ทุกท่านไม่พอใจกับสิ่งใดในระบอบการปกครองใหม่สามารถกล่าวมาตามตรงได้เลย หากสิ่งนั้นมีประโยชน์ต่อชาวบ้านจริงๆ ไป๋ชิงเหยียนจะตอบแทนด้วยตำแหน่งสูงในราชสำนัก”
บัณฑิตคนหนึ่งตะโกนถามเสียงดัง “กระหม่อมขอบังอาจทูลถาม กระหม่อมไม่เข้าใจการกระทำที่ฝ่าบาทรงอนุญาตให้สตรีเข้าเรียนในสำนักศึกษา สอบขุนนางและเข้ารับราชการ กระหม่อมไม่ได้ดูถูกสตรี ทว่า แต่ไรมาบุรุษทำงานนอกจวน สตรีดูแลเรื่องภายในจวน หากสตรีสามารถสอบเข้ารับราชการได้ ผู้ใดจะคอยดูแลสามีและบุตรพ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้ายิ้มๆ จากนั้นกล่าวขึ้นช้าๆ “ในอดีตมีกฎหมายข้อใดระบุไว้ว่าบุรุษต้องทำงานนอกบ้าน สตรีต้องดูแลเรื่องภายในจวน มีกฎหมายข้อใดระบุว่าสตรีต้องเป็นคนดูแลสามีและบุตรกัน เหตุใดการที่สตรีมีโอกาสร่ำเรียน สอบขุนนางและเข้ารับราชการจึงทำให้บัณฑิตอย่างทุกท่านไม่พอใจถึงเพียงนี้กัน ข้าวิเคราะห์หาเหตุผลออกมาได้สองสามเหตุผล…”
“เหตุผลแรกเป็นเพราะความคิดที่ว่าบุรุษทำงานนอกบ้าน สตรีดูแลเรื่องภายในจวนดั่งที่บัณฑิตผู้นี้ กล่าวมาเมื่อครู่ หากสตรีเข้าร่วมการสอบขุนนางจนได้ทำงานในราชสำนัก จะไม่มีผู้ใดคอยดูแลญาติผู้ใหญ่และเด็กๆ ในจวน กระทั่งอาจทำให้บุรุษบางคนต้องดูแลเรื่องภายในจวนเอง เช่นนี้เท่ากับเป็นการลดฐานะของบุรุษ เหตุผลที่สอง การสอบขุนนางเพื่อรับราชการคือทางรอดเดียวของบัณฑิตที่ยากจน หากสตรีสามารถทำงานในราชสำนักได้จะเป็นการแย่งตำแหน่งของบัณฑิตยากจนเหล่านั้น เพราะตำแหน่งในราชสำนักมีจำกัด คู่แข่งของบัณฑิตอย่างพวกท่านอาจเพิ่มมากขึ้น เหตุผลที่สาม ทุกท่านคงไม่พอใจที่สตรีอย่างข้าขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดินีใช่หรือไม่”
“มีบันทึกในประวัติศาสตร์มากมายว่าสตรีคือคนทำลายแผ่นดิน ต๋าจี่[2] เป่าซื่อ[3] พวกนางคนใดไม่ใช่สตรีร้ายกาจที่ทำลายแผ่นดินบ้าง สตรีจะรับตำแหน่งสำคัญเช่นนี้ได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ!” เมื่อได้ยินไป๋ชิงเหยียนเอ่ยถึงตำแหน่งจักรพรรดิ เซวียเหรินอี้ขบกรามแน่น จากนั้นผุดลุกขึ้นยืนอย่างไม่กลัวตาย
[1] ยามซื่อ เวลาระหว่าง 09.00-11.00 นาฬิกา
[2] ต๋าจี่ นางงามล่มเมืองในประวัติศาสตร์ เป็นสนมคนโปรดของพระเจ้าโจวผู้เป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์ชาง ว่ากันว่านางคือสาเหตุที่ทำให้ราชวงศ์ล่มสลาย
[3] เป่าซื่อ นางงามล่มเมืองในประวัติศาสตร์ คือตำนานของคำว่าหนึ่งยิ้มล่มเมือง
********************************