ตอนที่ 981 ตั้งนามรอง
ไป๋ชิงเหยียนไม่อยากเอ่ยขัดต่งซื่อ หญิงสาวมองดูมารดากอดอาอวี๋แน่นทั้งน้ำตา ได้ยินเสียงสะอื้นของมารดาเล็กน้อย หญิงสาวรีบปาดน้ำตาของตัวเองทิ้ง จากนั้นกล่าวเสียงเบา “พอเถิดเจ้าค่ะ รีบลุกขึ้นเถิด หากผู้อื่นมาเห็นจะไม่เป็นผลดีต่ออาอวี๋นะเจ้าคะ”
ต่งซื่อได้ยินดังนี้จึงรีบปล่อยร่างของบุตรชายออก จากนั้นใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาพลางพยักหน้ารัว
บุตรชายได้กลับมาบ้านทั้งที ฐานะของเขาจะถูกเปิดเผยเพียงเพราะนางควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ได้ไม่ได้เด็ดขาด
บุตรสาวของนางเพิ่งสถาปนาแคว้นต้าโจวขึ้น บุตรชายของนางวางแผนเพื่อรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งอยู่ที่หรงตี๋ ถึงแม้มารดาอย่างนางจะช่วยเหลือพวกเขาไม่ได้ ทว่า นางจะสร้างปัญหาให้บุตรทั้งสองของนางไม่ได้เด็ดขาด
ไป๋ชิงเหยียนประคองต่งซื่อนั่งลงบนเก้าอี้ตามเดิม หญิงสาวสื่อให้ไป๋ชิงอวี๋นั่งลง ถ้อยคำมากมายไม่อาจกล่าวออกไปได้ นางไม่อาจถามเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตออกไปได้ หากถามออกไปตำหนักโซ่วเหอแห่งนี้คงท่วมไปด้วยน้ำตาแน่นอน
“วันนี้เจ้าจะอยู่ในวังนานไม่ได้ พี่จะกล่าวแค่ประเด็นสำคัญกับเจ้า…” ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางไป๋ชิงอวี๋นิ่ง “จิ่นถงถูกจับขังคุกในซีเหลียง อาฉีเดินทางไปช่วยจิ่นถงที่ซีเหลียงแล้ว ทว่า พวกเราไม่รู้ว่าจิ่นถงวางแผนทำสิ่งใดในซีเหลียงบ้าง ไม่รู้ว่านางถูกจับเพราะเหตุใดดังนั้นพวกเราจึงไม่อาจวู่วามเปิดเผยฐานะของจิ่นถงได้”
ต่งซื่อตกตะลึง นางพอจะเดาได้ว่าจิ่นถงอาจไม่ได้อยู่กับองค์หญิงใหญ่ ทว่า นึกไม่ถึงเลยว่าจิ่นถงจะเดินทางไปยังซีเหลียงเช่นนี้
“สถานการณ์ยังไม่แน่ชัดดังนั้นหลี่จือเจี๋ยจึงจำเป็นที่ต้องอยู่ในต้าโจวต่อไปอีกสักพัก ตอนที่หลี่จือเจี๋ยมาหาพี่ในวันนี้พี่รั้งให้เขาอยู่ต่อโดยอ้างว่าไม่พอใจเงื่อนไขที่ซีเหลียงเสนอมา ให้เขาส่งคนกลับไปถามจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงว่าจะมอบผลประโยชน์ใดให้ต้าโจวได้อีก หากซีเหลียงจับจิ่นถงเป็นตัวประกันในเรื่องนี้ พวกเขาต้องเปิดไพ่ตายออกมาตอนนี้แน่นอน ทว่า ดูเหมือนหลี่จือเจี๋ยจะไม่รู้เรื่องใดทั้งสิ้น พี่รับปากเขาว่าจะรั้งตัวอ๋องหน้ากากผีแห่งหรงตี๋ให้อยู่เมืองหลวงของต้าโจวต่ออีกสักพักเพื่อให้เวลาเขาส่งจดหมายไปกลับ”
ไป๋ชิงอวี๋พยักหน้าแล้วกล่าวต่อ “ข้าแค่กลัวว่าซีเหลียงจะมีความเคลื่อนไหวอื่น หากซีเหลียงบุกโจมตีหรงตี๋ตอนที่ข้าไม่อยู่ หรงตี๋อาจเกิดความวุ่นวายได้”
“พี่ก็กังวลเรื่องนี้เช่นกัน!” ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางไป๋ชิงอวี๋นิ่ง “คงต้องลำบากเจ้าเตรียมป้องกันไว้ล่วงหน้าแล้ว หากจำเป็นจริงๆ อาจต้องให้เจ้าบีบซีเหลียงอีกทาง หากซีเหลียงคิดบุกหรงตี๋ขึ้นมาจริงๆ พี่บอกหลี่จือเจี๋ยแล้วว่าต้าโจวจะไม่ยอมอยู่เฉยและรับผิดชอบอย่างเต็มที่หากซีเหลียงยกทัพบุกโจมตีหรงตี๋ตอนที่อ๋องหน้ากากผียังเป็นแขกอยู่ในต้าโจว”
ไป๋ชิงอวี๋เข้าใจความหมายของพี่หญิง การช่วยเหลือไป๋จิ่นถงถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุดดังนั้นพี่หญิงจึงจะกักตัวหลี่จือเจี๋ยไว้ที่ต้าโจวก่อน การให้เขาอยู่ที่ต้าโจวต่อด้วยประการแรกเป็นเพราะซีเหลียงกับต้าโจวจะได้ไม่แตกหักกันตั้งแต่ตอนนี้ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อการช่วยเหลือไป๋จิ่นถง
ประการที่สองหากอ๋องหน้ากากผีแห่งหรงตี๋อยู่ที่ต้าโจวต่อ ซีเหลียงอาจถือโอกาสนี้ลงมือบุกโจมตีหรงตี๋ก่อน ทว่า หากซีเหลียงลงมือตอนนี้ ต้าโจวจะมีข้ออ้างยกทัพบุกไปโจมตีซีเหลียงโดยชอบธรรมทันที
ไป๋ชิงอวี๋ขยับริมฝีปากเล็กน้อย ทว่า สุดท้ายก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมา เขากลัวว่าน้ำเสียงของเขาจะทำให้มารดาเสียน้ำตาอีกครั้ง ไม่นานเขาจึงพยักหน้านิ่งๆ
ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางไป๋ชิงอวี๋ที่กำลังกำชายเสื้อของตัวเองแน่น สายตาหยุดอยู่ที่รอยแผลไฟไหม้บริเวณลำคอที่ปกปิดไม่มิดของน้องชาย ขอบตาของหญิงสาวเริ่มร้อนผ่าว นางเอื้อมมือไปลูบศีรษะของน้องชายอย่างทนไม่ไหว จากนั้นจับบ่าของเขาแน่น ไม่กล้าเงยหน้ามองเขาอีก ทำเพียงกล่าวเสียงสะอื้น “ลำบากเจ้าแล้ว!”
ไป๋ชิงอวี๋ขบกรามแน่นไม่ให้ตัวเองร้องไห้ออกมา เขากำชายเสื้อของตัวเองแน่น ลำคอจุกแน่นราวกับมีสิ่งใดมาอุดจนรู้สึกปวดร้าวไปหมด
เขาลำบากยังไม่เท่าใด เขาจินตนาการไม่ได้เลยว่าพี่หญิงใหญ่ประคับประคองตระกูลไป๋ที่เผชิญกับวิกฤตจนเดินมาถึงวันนี้ได้อย่างไร
เขาไม่ได้อยู่ดูแลข้างกายมารดา อาสะใภ้ พี่สาวและน้องสาว ทำผิดต่อคำสอนของท่านปู่และท่านพ่อ เขารู้สึกเสียใจมาก
ตอนยังไม่ได้พบหน้ากันเขามีถ้อยคำอยากกล่าวกับมารดาและพี่สาวมากมาย ทว่า เมื่อพบหน้ากันจริงๆ เขากลับพบว่าคนที่สนิทกันที่สุด ต่อให้ไม่ต้องกล่าวสิ่งใดอีกฝ่ายก็สามารถรับรู้ได้ในทันที
บัดนี้น้ำเสียงของเขากลายเป็นเช่นนี้ เมื่อเอ่ยปากพูดมารดาจะเสียน้ำตาและเสียใจ ดังนั้นเขาจึงยิ่งไม่กล้ากล่าว
ไป๋ชิงอวี๋เงียบไปครู่ใหญ่ จากนั้นจึงกล่าวขึ้น
“ท่านแม่ พี่หญิง…” ไป๋ชิงอวี๋กล่าวเสียงเบาหวิว “บัดนี้ท่านปู่และท่านพ่อไม่อยู่แล้ว อาอวี๋จะถึงวัยสวมกวาน[1]แล้ว ท่านแม่และพี่หญิงได้โปรดตั้งนามรองให้ข้าด้วยขอรับ”
เมื่อสตรีเข้าพิธีสวมปิ่นปักผม บุรุษเข้าพิธีสวมกวาน จะมีการตั้งนามรองให้พวกเขา
ถึงแม้ตระกูลไป๋จะไม่มีธรรมเนียมที่ญาติผู้ใหญ่ต้องตั้งนามรองให้ลูกหลาน ทว่า ท่านปู่เป็นคนตั้งนามรองให้ท่านพ่อ ท่านอาและไป๋ชิงเหยียนด้วยตัวเอง ท่านปู่เคยกล่าวว่าเมื่ออาอวี๋เข้าพิธีสวมกวาน ท่านจะเป็นคนตั้งนามรองที่มงคลที่สุดให้อาอวี๋ด้วยตัวเอง
นามรองของท่านพ่อคือจิ่วหรู…
นามรองของไป๋ชิงเหยียนคือหมิงซาน…
ต่งซื่อขยับริมฝีปากเล็กน้อย นางพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา จากนั้นกล่าวขึ้น “เช่นนั้นใช้นามว่าจื่ออันแล้วกัน แม่หวังว่าเจ้าจะปลอดภัยตลอดไป”
ไม่ตั้งนามตามตำราโบราณ แค่ตั้งนามตามความหวังของมารดาคนหนึ่งที่หวังว่าบุตรชายของตัวเองจะมีชีวิตอยู่อย่างปลอดภัยและสงบสุขตลอดไป
ดวงตาของไป๋ชิงอวี๋แดงก่ำ เขาลุกขึ้นยืนคำนับ “ขอบพระคุณขอรับท่านแม่”
ต่งซื่อเบนหน้าหนีไปอีกทาง ใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตา นางพยายามควบคุมตัวเองอย่างถึงที่สุดแล้ว ทว่า สุดท้ายก็กลั้นเสียงสะอื้นไว้ไม่ได้อยู่ดี นางสะอื้นเสียงเบา แผ่นหลังสั่นสะท้านเล็กน้อย
เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจตามมาไป๋ชิงอวี๋จึงอยู่ที่ตำหนักโซ่วเหอเพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น จากนั้นจึงลุกจากไป ต่งซื่อปรับอารมณ์ของตัวเองให้กลับมาเป็นปกติ เมื่อไป๋ชิงอวี๋จากไป สีหน้าของนางจึงไม่มีพิรุธใดๆ ทั้งสิ้น กล่าวเพียงว่าไม่ชอบนกแก้วยักษ์ที่ซีเหลียงนำมามอบให้ ให้ไป๋ชิงเหยียนนำจากไป
เมื่อทูตของซีเหลียงทราบเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดจึงวิตกกังวลมาก
ไทเฮาและจักรพรรดินีแห่งต้าโจวเชิญอ๋องหน้ากากผีแห่งหรงตี๋ไปรับประทานอาหารเช้าร่วมกัน จากนั้นไม่นานไทเฮาสั่งให้คนนำนกแก้วยักษ์ที่ซีเหลียงมอบให้ออกไปที่อื่น นี่พิสูจน์ให้เห็นว่าต้าโจวต้องการผูกไมตรีกับหรงตี๋มากกว่าซีเหลียง
“อย่าไปฟังข่าวลือเหลวไหลพวกนั้น!” หลี่จือเจี๋ยนั่งลงบนเก้าอี้ “ข้าเพิ่งเข้าเฝ้าจักรพรรดินีแห่งต้าโจวเสร็จ อ๋องหน้ากากผีก็รีบตามไปเข้าเฝ้าบ้าง ตอนนั้นจักรพรรดินีแห่งต้าโจวจะไปทานอาหารเช้ากับไทเฮาพอดี ตามมารยาทแล้วต้าโจวไม่อาจปล่อยให้แม่ทัพหน้ากากผียืนรออยู่ด้านนอกได้”
“ส่วนเรื่องที่บอกว่าไทเฮาไม่ชอบซีเหลียง…” หลี่จือเจี๋ยเงยหน้ามองไปทางคณะทูตของแคว้นตัวเอง “หากสามีและบุตรชายของพวกเจ้าตายด้วยน้ำมือของต้าโจว พวกเจ้าจะชอบต้าโจวหรือไม่ เหตุผลแบบเดียวกัน เหตุใดไทเฮาต้องชอบซีเหลียงด้วย…”
“บัดนี้ไป๋ชิงเหยียนคือจักรพรรดินีแห่งต้าโจว นางไม่มีทางปล่อยให้ความแค้นส่วนตัวทำให้เสียเรื่องใหญ่ วันนี้นางลอบบอกเราว่าต้าโจวอยากได้เมืองและผลประโยชน์จากซีเหลียงมากกว่านี้!” หลี่จือเจี๋ยเคาะพัดกลมกับศีรษะเบาๆ จากนั้นหลับตาลงอย่างอ่อนล้า “ก่อนจากมาฝ่าบาททรงกำชับข้าว่าขอเพียงทำสัญญาผูกมิตรกับต้าโจวได้ พระองค์ให้อำนาจข้าตัดสินใจได้เลยว่าจะเสนอผลประโยชน์ใดให้ต้าโจวบ้าง ทว่า เราต้องส่งคนกลับไปทูลให้ฝ่าบาททราบเรื่องนี้ด้วย อย่างน้อยต้าโจวจะได้ช่วยยื้ออ๋องหน้ากากผีแห่งหรงตี๋ให้พวกเราอีกสักระยะหนึ่ง”
[1] จี๋กวานหรือพิธีสวมกวาน คือพิธีที่จะจัดขึ้นเมื่อบุรุษอายุครบยี่สิบปี เป็นสัญลักษณ์ของการเติบโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว
*************************