ตอนที่ 987 แขกกิตติมศักดิ์
อวิ๋นพั่วสิงพยักหน้า “ใช่พ่ะย่ะค่ะ หากราชสำนักขายเสบียงอาหารให้ชาวบ้านในราคาปกติ เกรงว่ายังไม่ทันถึงมือชาวบ้าน ตระกูลสูงศักดิ์ทั้งแปดตระกูลคงแย่งซื้อไปหมดแล้วนำไปขายต่อให้ชาวบ้านในราคาสูงเสียก่อนพ่ะย่ะค่ะ เช่นนี้เท่ากับยื่นประโยชน์ให้ตระกูลทั้งแปด โดยที่ชาวบ้านไม่ได้รับผลประโยชน์แม้แต่น้อยพ่ะย่ะค่ะ ทว่า หากส่งเสบียงไปให้ชาวบ้านโดยตรง ยิ่งเป็นการสนับสนุนให้พวกเขาปล่อยให้ที่นารกร้างยิ่งกว่าเดิมพ่ะย่ะค่ะ”
จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงกำหมัดแน่น ในใจเต็มไปด้วยความเดือดดาล
ชุยเฟิ่งเหนียน…ชุยกงสิง! หลอกใช้ตระกูลสูงศักดิ์ทั้งแปดตระกูลควบคุมสถานการณ์ของซีเหลียงให้อยู่ในเมืองของพวกเขาเพียงเพราะผลประโยชน์คำเดียว! แม้ชุยกงสิงจะไม่ยอมรับ ทว่า จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงมั่นใจว่าหากเขาไม่ใช่คนต้าเยี่ยนก็ต้องเป็นคนต้าโจวที่ถูกส่งมาทำให้ซีเหลียงอ่องแอ
ทว่า พวกเนรคุณทั้งแปดตระกูลเห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัวจนไม่สนผลประโยชน์ของแคว้น พวกเขาคำนึงถึงแต่ประโยชน์ของตัวเองโดยไม่สนว่าซีเหลียงกำลังใกล้ดับสูญลงไปทุกที
“เราจะไปพบชุยกงสิง!” จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงกล่าวอย่างอ่อนแรง “บัดนี้มีเพียงปล่อยตัวชุยกงสิงออกไปควบคุมราคาเสบียงอาหารในซีเหลียงเท่านั้น พวกเราต้องให้ชาวบ้านเพาะปลูกต่อไป จะปล่อยให้แคว้นอื่นตัดขาดเสบียงอาหารของแคว้นเราไม่ได้เด็ดขาด!”
“กระหม่อมคิดว่า…” จู่ๆ เสนาบดีกรมการคลังก็เอ่ยขึ้น “กระหม่อมคิดว่านี่ถือเป็นเรื่องดีพ่ะย่ะค่ะ เมื่อชาวบ้านทราบว่าตอนนี้พวกเราขาดแคลนเสบียง เมื่อทราบว่าเงินที่ตัวเองหาได้จะหมดไปกับการซื้อเสบียงอาหาร พวกเขาจะรู้ถึงความสำคัญของเสบียงอาหาร ต้องมีชาวบ้านหันกลับไปทำนาเพาะปลูกแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
อวิ๋นพั่วสิงพยักหน้าตาม “ใช่พ่ะย่ะค่ะ บัดนี้ซีเหลียงกำลังตกอยู่ในภาวะคับขัน ถึงแม้ฝ่าบาทจะทรงสงสัยว่าชุยเฟิ่งเหนียนคือคนที่ต้าเยี่ยนหรือต้าโจวส่งมาก่อความวุ่นวายในซีเหลียง ทว่า พวกเรารู้ตัวช้าไป บัดนี้พวกเราแตะต้องเขาไม่ได้ ทำได้เพียงค่อยๆ แก้ไขไปพ่ะย่ะค่ะ”
ค่อยๆ แก้ไข…
ต้าโจว หรงตี๋และต้าเยี่ยนจะรอให้ซีเหลียงค่อยๆ แก้ไขด้วยหรือ
จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงไม่เคยต้องอดกลั้นเท่านี้มาก่อน
ตั้งแต่ที่นางได้ครอบครองบัลลังก์แห่งนี้ นางอยากให้ซีเหลียงเจริญรุ่งเรือง ทว่า ตระกูลสูงศักดิ์ทั้งแปดตระกูลเป็นเหมือนแผลที่ฝังลึกอยู่ในกระดูกของซีเหลียง อำนาจของพวกเขาแพร่กระจายไปทั่วทั้งซีเหลียงจนยากจะกำจัดได้อย่างหมดสิ้น
จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงรู้สึกเหมือนตัวเองติดอยู่ในแหปลาใหญ่ ไม่ว่าจะดิ้นรนสักเพียงใดก็ไม่สามารถหลุดพ้นไปจากแหปากนี้ได้ ไม่สามารถแม้แต่จะต่อสู้กับตระกูลทั้งแปดให้ตายกันไปข้างหนึ่งได้
ภายในคุกหลวง
โชคดีที่จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงยังเห็นแก่ความสัมพันธ์ครั้งเก่า ไป๋จิ่นถงจึงยังได้รับการดูแลที่ค่อนข้างดี
อย่างน้อยแม้ถูกขังคุกมานานหลายวัน เสื้อผ้าของไป๋จิ่นถงยังคงสะอาดใหม่เอี่ยม ห้องขังได้รับการทำความสะอาด ไม่เพียงแต่มีอาหารอย่างดีให้ทานทุกมื้อ ไม่ว่าไป๋จิ่นถงอยากได้พู่กัน ตำราหรือกระดาษ ผู้คุมคุกจะหามาให้นางทุกอย่าง
วันนี้ไป๋จิ่นถงรู้เรื่องเสบียงอาหารขึ้นราคาจากปากของผู้คุมคุกที่นำอาหารมาส่งให้นาง
ไป๋จิ่นถงคำนวณจากเวลาจึงมั่นใจว่าพี่หญิงใหญ่รู้เรื่องที่นางถูกจับขังคุกแล้ว บัดนี้คนที่พี่หญิงใหญ่ส่งมาซีเหลียงคงได้พบกับเฉินชิ่งเซิงแล้ว
ด้วยนิสัยที่เห็นแก่ตัวและเห็นแก่ผลประโยชน์เพียงอย่างเดียวของตระกูลสูงศักดิ์ทั้งแปดตระกูล พวกเขาไม่มีทางขึ้นราคาเสบียงอาหารในตอนนี้เพียงเพราะต้องการช่วยชุยเฟิ่งเหนียนเพียงคนเดียวออกมาจากคุกแน่นอน
ตอนนี้สถานการณ์ยังไม่รุนแรงถึงขั้นที่ชาวเมืองซีเหลียงขาดแคลนเสบียงอาหาร เพื่อผลประโยชน์และกำไรมหาศาลแล้ว ตระกูลสูงศักดิ์ทั้งแปดตระกูลไม่สนแม้กระทั่งแคว้นบ้านเกิดของตัวเอง พวกเขาจะยอมเสียผลประโยชน์เพราะชุยเฟิ่งเหนียนเพียงคนเดียวได้อย่างไรกัน
จากนิสัยของเฉินชิ่งเซิง เขาต้องดูแลกิจการของตระกูลชุยเป็นอย่างดี ยิ่งเขาสืบหาสาเหตุที่นางถูกจับขังคุกไม่ได้ เขาก็จะยิ่งระมัดระวังตัวยิ่งกว่าเดิม เขาไม่มีทางเสี่ยงขึ้นราคาเสบียงอาหารในตอนนี้แน่นอน
นอกจากเฉิงชิ่งเซิงจะได้รับคำสั่งจากผู้อื่นอีกที…
คือผู้ใดกันนะ หลิ่วเซียนเซิงมาที่นี่อย่างนั้นหรือ
ไม่มีทาง…แม้หลิ่วเซียนเซิงจะเป็นคนฉลาด ทว่า เขาเคยบอกกับไป๋จิ่นถงไว้ว่าเขายอมช่วยเหลือไป๋จิ่นถงออกเดินทางทางทะเลเป็นเพราะเขาเห็นแก่หน้าของท่านลุงใหญ่ไป๋ฉีซาน เขายอมเป็นที่ปรึกษา กระทั่งยอมฟังคำสั่งของไป๋จิ่นถง ทว่า หากไป๋จิ่นถงเกิดอันตรายขึ้นมา เขาจะไม่มีทางยื่นมือเข้าช่วยเหลือ มีแต่จะหนีไปให้ไกลเพราะเขายังมีหลานชายให้ต้องเลี้ยงดู เขาไม่กล้าตายในตอนนี้
เช่นนั้นก็เหลือเพียงคนของพี่หญิงใหญ่เท่านั้น ทว่า พี่หญิงใหญ่ส่งผู้ใดมาช่วยเหลือเฉิงชิ่งเซิงกันนะ หรือว่าจะเป็นพี่หญิงรอง
เมื่อคิดได้ดังนี้ไป๋จิ่นถงก็อดเป็นห่วงไม่ได้ บัดนี้เสบียงที่ชาวบ้านซีเหลียงกักตุนไว้ยังพอมีเหลืออยู่ พี่หญิงใหญ่จะยกทัพบุกซีเหลียงในตอนนี้อย่างนั้นหรือ!
ไป๋จิ่นถงกำมือแน่น น่าจะรออีกสักเดือน…อีกแค่เดือนเดียวทุกอย่างก็คงเรียบร้อยกว่านี้
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามา ไป๋จิ่นถงที่ถือม้วนไม้ไผ่อยู่หน้าโต๊ะตำราสี่เหลี่ยมที่มีตะเกียงวางอยู่จึงแสร้งทำเป็นตั้งใจอ่านตำราในมือพลางเหลือบมองไปที่ประตูห้องขังแวบหนึ่ง
ไม่นานจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงในเครื่องแต่งกายของบุรุษเดินเข้ามาช้าๆ หญิงสาวยืนเอามือไขว้หลังอยู่หน้าประตูห้องขังพลางมองไปทางไป๋จิ่นถงที่กำลังตั้งใจอ่านตำราไม้ไผ่อยู่ในห้องขังนิ่ง หญิงสาวเดินเข้าไปอีกสองสามก้าว จากนั้นเอ่ยขึ้น “นึกไม่ถึงว่าเวลาเช่นนี้กงสิงจะยังมีสมาธิอ่านตำราอยู่อีก” โนเวล-พีดีเอฟ
ไป๋จิ่นถงยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย จากนั้นลุกขึ้นยืนทำความเคารพจักรพรรดินีแห่งซีเหลียง “ไม่ทราบว่าฝ่าบาทจะเสด็จมาที่นี่ กระหม่อมเสียมารยาทแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงหันไปสื่อให้ผู้คุมคุกเปิดประตูกรงขัง จากนั้นเดินเข้าไปด้านใน สายตาหยุดอยู่ที่ตำราไม้ไผ่ที่วางอยู่บนโต๊ะสี่เหลี่ยม หญิงสาวหยิบตำราไม้ไผ่ขึ้นมาเปิดอ่านคร่าวๆ จากนั้นเอ่ยถาม “กงสิง เจ้ายังไม่คิดจะสารภาพความจริงกับเราอีกหรือ”
ไป๋จิ่นถงทำความเคารพจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงอย่างนอบน้อมอีกครั้ง “ฝ่าบาท กระหม่อมเป็นเพียงพ่อค้าที่รู้ว่าจะหากำไรจากการค้าได้อย่างไรเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่ได้มีแผนการล้ำลึกดั่งที่ฝ่าบาทตรัสมาแม้แต่น้อย กระหม่อมพร้อมให้ตรวจสอบครอบครัวของกระหม่อม ฝ่าบาทก็คงส่งคนไปตรวจสอบแล้วเช่นเดียวกัน มิเช่นนั้นตอนนี้คงไม่เสด็จมาหากระหม่อมเช่นนี้หรอกพ่ะย่ะค่ะ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงชัดเจนมากขึ้นท่ามกลางเปลวเทียนที่สะบัดไปมา “เจ้ามายังซีเหลียง ร่วมมือกับตระกูลสูงศักดิ์ทั้งแปดตระกูล ผูกมัดผลประโยชน์ของพวกเจ้าไว้ด้วยกันจนแน่นหนา นี่ดูไม่เหมือนหาประโยชน์ให้ตัวเองเลยสักนิด เหมือนหาประโยชน์ให้ตระกูลทั้งแปดมากกว่า นี่ไม่ใช่วิสัยของพ่อค้าธรรมดาทั่วไป”
“ฝ่าบาท กระหม่อมมาจากต่างถิ่น กระหม่อมทราบดีว่าตระกูลทั้งแปดมีอำนาจและอิทธิพลในซีเหลียงมาก หากกระหม่อมอยากหาผลประโยชน์ในซีเหลียง กระหม่อมย่อมต้องดึงทั้งแปดตระกูลมาเข้าร่วมด้วยพ่ะย่ะค่ะ แม้กระหม่อมจะแบ่งผลกำไรที่ได้ในซีเหลียงให้ทั้งแปดตระกูลด้วย ทว่า กระหม่อมยังมีเส้นสายที่สามารถทำการค้ากับต้าเยี่ยน ต้าโจวและหรงตี๋ได้ กระหม่อมสามารถเดินทางออกทะเลไปทำการค้าตามเกาะต่างๆ เพื่อสร้างกำไรมหาศาลได้พ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อไป๋จิ่นถงเห็นจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงพยักหน้าพลางเดินวนรอบตัวนาง ไป๋จิ่นถงจึงหันกลับไปเผชิญหน้ากับจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงด้วยท่าทีที่นางคิดว่านอบน้อมและอ่อนโยนมากที่สุด
“ยกตัวอย่างเช่นตอนนี้ทุกคนในซีเหลียงต่างรับรู้การมีตัวตนของชุยเฟิ่งเหนียน ชุยเฟิ่งเหนียนถูกฝ่าบาทเรียกตัวมาสนทนาในวังทุกๆ สามถึงห้าวัน เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับในซีเหลียง ดังนั้นย่อมไม่ใช่ความลับสำหรับแคว้นอื่นด้วยเช่นเดียวกัน ดังนั้นไม่ว่าชุยเฟิ่งเหนียนจะเดินทางไปยังแคว้นใด กระหม่อมย่อมเป็นแขกกิตติมศักดิ์ของแคว้นๆ นั้นแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”