ตู๋กูซิงหลันใบหน้าก้มมองพื้น ก้นหันหาพระจันทร์
เส้นผมยาวสลวยของนางลู่ลงไป บดบังโฉมหน้าทั้งหมดของนางเอาไว้
ฉู่เจียงมองเห็นใบหน้าของนางไม่ชัด เขาเห็นเพียงรูปร่างของนางซึ่งก็คล้ายคลึงกับเหลียงเซิงเซิงหลายส่วนอยู่เหมือนกัน
เดิมทีตู๋กูซิงหลันกับเหลียงเซิงเซิงก็มีความคล้ายคลึงกันมากอยู่แล้ว ประกอบกับค่ำคืนนี้มืดมิด และฉู่เจียงเองก็จดจ่อกับการต่อสู้ ทำให้เขาไม่ทันได้มองดูนางให้ชัดเจน
ในกระแสชีพจรของนางก็ยังมีไอหยินของยมราชหลงเหลืออยู่ เขาจึงยึดถือเอาว่าคนที่จีเฉวียนแบกเอาไว้ก็คือเหลียงเซิงเซิง
ตู๋กูซิงหลันถูกหัวไหล่ของจีเฉวียนทิ่มจนปอดจะทะลุอยู่แล้ว
พอฉู่เจียงฟาดแส้ลงมา จีเฉวียนก็วาดกระบี่ออกไป ทั้งสองฝ่ายปะทะกัน เกิดเป็นแรงปะทะมหาศาล
ที่บังเอิญกวาดผ่านแก้มก้นและสะโพกของตู๋กูซิงหลันขึ้นไป
‘เฟี้ยวฉึกๆ’ กระโปรงของตู๋กูซิงหลันทะลุเป็นรูสองรู
แก้มก้นกลมๆ ทั้งสองข้างของตู๋กูซิงหลันถึงกับโผล่ออกมาแล้ว นางรู้สึกได้เลยว่าสายลมโชยโดนก้นจนเย็นวูบวาบ ในใจต้องด่ากราดออกมายาวเหยียด
จะอย่างไรนางก็เป็นถึงไทเฮาของแคว้นแคว้นหนึ่งเหมือนกันนะ!
ถูกลูกชายตนเองแบกเอาไว้แบบนี้ก็แล้วไปเถอะ แต่ต้องมาเปลือยก้นนี่มันอะไรกัน?
ฉู่เจียงผู้นั้นใช่จงใจหรือไม่? เป็นพวกโรคจิตที่ชอบแอบดูเด็กสาวๆ ใช่ไหม?
พอฉู่เจียงกวาดตามองมาก็ได้เห็นก้นขาวๆ นุ่มๆ ที่เหมือนกับไข่ปอก
เขาตกตะลึงไปเล็กน้อย ไม่ทันรอให้เขาได้มองมากไปกว่านี้ กระบี่ของจีเฉวียนก็พุ่งเข้าใส่ลูกตาของเขาแล้ว
สำหรับจีเฉวียนแล้ว ฉู่เจียงนับว่ามีฝีมือพอตัว
เมื่อครู่หากมิใช่ว่าเขาหลบหลีกได้รวดเร็ว เกรงว่าที่ขาดทะลุไปจะไม่ใช่แค่กระโปรงของตู๋กูซิงหลัน แต่ว่าเป็นก้นของนางแล้ว
ฮ่องเต้ทรงนึกย้อนกลับไปถึงยามที่อยู่ในสุสานของเย่วฮูหยิน ก้นที่สวยงามคู่นี้เคยปล่อยลมใส่หน้าของพระองค์อย่างเต็มที่มาแล้ว
อืม……ถึงแม้ว่าจะเป็นก้นที่ผายลมออกมา แต่ว่าในเมื่อเป็นของซิงซิง จะอย่างไรพึงต้องปกป้องให้ดี
ไอ้ตัวแสบนี้พึ่งได้เห็นก้นของซิงซิงไป ดวงตาคู่นั้นก็อย่าได้มีไว้อีกเลย
“เราขอใช้นามของโอรสสวรรค์เป็นเดิมพัน จะต้องปกปักษ์รักษาก้นของเจ้าให้ได้” จีเฉวียนกล่าวอย่างมุ่งมั่น
ตู๋กูซิงหลันอยากจะร้องไห้แล้ว ถ้าเช่นนั้นรบกวนพระองค์ช่วยหาผ้าผืนน้อยมาปิดให้หม่อมฉันก่อนได้ไหม?
“รอชมเราควักลูกตาของมันออกมาให้เจ้า”
ตู๋กูซิงหลันอยากจะบ้าตาย นางไม่ได้ต้องการลูกตาของฉู่เจียงสักหน่อย พี่ชาย!
พวกเราใส่ใจประเด็นสำคัญหน่อยไม่ได้หรือ?
วิญญาณทมิฬชักจะรู้สึกว่าได้เปิดหูเปิดตาแล้ว เพื่อรักษาหน้าของตู๋กูซิงหลันเอาไว้ มันได้แต่แสดงน้ำใจออกมา มันได้แต่กระโดดไปยังแก้มก้นของนาง จากนั้นก็กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนแก้มก้นที่เปลือยเปล่าของนาง
ใช้ขาสั้นและมือป้อมๆ ของตนเองช่วยบิดให้กับนาง “หลันหลัน เจ้าอย่างได้ชิงชังข้านะ ที่ข้าสามารถทำเพื่อเจ้าได้ในตอนนี้ ก็มีแต่ช่วยปิดแค่นี้ละ”
ว่าแล้ว มันก็ใช้มือป้อมๆ ของมันขยุ้มลงไป
โอ้ว….เด้งดึ๋งดีจริงๆ ทั้งลื่นทั้งนุ่ม แก้มก้นเช่นนี้คงถูกทาเครื่องบำรุงผิวอยู่ทุกวี่ทุกวันถึงได้มีผิวพรรณที่ดีเช่นนี้
มิน่าเล่าฮ่องเต้สุนัขถึงได้บอกว่าต่อให้ต้องตายก็จะรักษาเอาไว้ให้ได้
ตู๋กูซิงหลัน “……..” นางอยากจะได้ดาบฆ่ามังกรมาเสียบเจ้าวิญญาณทมิฬให้เหมือนเสียบแอปเปิ้ลนัก!
นี่มันช่างน่าอับอายเสียจริงๆ!
พอจีเฉวียนและฉู่เจียงมองเห็นการกระทำของเจ้าถวนจื่อตัวดำ สายตาของทั้งสองคนก็เปลี่ยนไปในทันที
“ในใต้หล้าตอนนี้ ถึงกลับมีไอ้พวกตัวเล็กตัวน้อยที่กล้าแตะต้องเหยื่อของข้าด้วยหรือ?” ฉู่เจียงกล่าวเสียงต่ำ เขาแยกร่างของมาอีกหนึ่งร่าง แล้วพุ่งไปถึงเบื้องหน้าจีเฉวียนในทันที
แต่คราวนี้เป้าหมายของเขากลับเป็นวิญญาณทมิฬ
จีเฉวียนไหนเลยจะยอมเปิดโอกาสให้กับเขา หนึ่งกระบี่สะบัดออกไป ตัดชายเสื้อส่วนหนึ่งของฉู่เจียงขาดออกมา
ทันทีที่พระองค์สะกิดพระบาท คนก็ทะยานถอยหลังออกไปทั้งร่าง บนไหล่กว้างของพระองค์ยังคงแบกร่างนางผู้เป็นยอดดวงใจเอาไว้
ตู๋กูซิงหลันชักจะคุ้นเคยจนไร้ความรู้สึกประหลาดที่ต้องเปลือยแก้มก้นเสียแล้ว ได้แต่ต้องยอมวับๆ แวมๆ อยู่เช่นนี้ต่อไป
“เจ้าสุนัขน้อย คดีเก่ายามอยู่ภายในโลงทองแดง เรายังไม่ทันได้คิดบัญชีกับเจ้าให้ดี เจ้าก็กล้ามาถือโอกาสกินเต้าหู้กับซิงซิงอีกหรือ?” ฮ่องเต้ทรงถอยไปยังจุดที่ปลอดภัย เหลือบพระเนตรมองดูวิญญาณทมิฬที่เกาะอยู่บนแก้มก้นของตู๋กูซิงหลันด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร
วันนั้นยามที่อยู่ภายในโลงทองแดง เจ้าสุนัขน้อยนี้คอยขัดคอเขาไม่ยอมหยุด
ตอนนี้ยังถึงกับกล้ามากินเต้าหู้อย่างเปิดเผยต่อหน้าพระองค์ เฮอะ เฮอะ
ต่อให้มันเป็นสัตว์อสูรในพันธสัญญาของซิงซิง อย่างไรก็ต้องโดนสั่งสอนสักรอบ ไม่อาจรอดไปได้
หากไม่สั่งสอนมันให้เป็นสัตว์อสูรที่ดี อีกหน่อยมันคงจะยิ่งกล้าหือมากกว่านี้
ยามที่ฮ่องเต้ทรงหึงหวงขึ้นมา ก็กลายเป็นเจ้านายที่ไม่สนใจใยดีสิ่งใดทั้งนั้น
พระองค์ซัดพระหัตถ์ออกไปด้วยความรวดเร็วประดุจประกายไฟ
วิญญาณทมิฬตระหนกจนขนลุกฟู มันผละจากก้นของตู๋กูซิงหลันเข้าไปซุกในอกของนางอย่างรวดเร็ว
ฝ่ามือของจีเฉวียนรั้งกลับไปไม่ทัน จึงกลายเป็นตบลงไปบนก้นของตู๋กูซิงหลันอย่างแรง
“เพี้ยะ!” เสียงฝ่ามือนั้นดังสนั่นชัดเจน!
ตู๋กูซิงหลันรู้สึกได้เลยว่าก้นของนางมีแรงสะท้อนดึ๋งดั๋งกลับไปกลับมากหลายรอบ
สามารถมีก้นที่เต่งตึงเด้งดึ๋งขนาดนี้ได้นับว่านางมีบุญจริง ช่างน่าภาคภูมิใจยิ่งนัก
จากนั้นความแสบร้อนก็ลามไปทั่วทั้งก้นของนางในทันที
ฮือ ฮือ แง ไปตายซะเถอะ!
ขอบพระทัยฮ่องเต้สุนัขที่ทำให้ก้นของนางกลับมามีความรู้สึกอีกครั้ง
จีเฉวียนตกตะลึงไป เหลือบพระเนตรมองดูแก้มก้นทั้งสองที่นุ่มหยุ่นอย่างยิ่ง…..พระองค์ก็รู้สึกขึ้นมาในพระทัยอย่างเงียบๆ ว่า มัน อืม นุ่มอย่างประหลาดดีเหลือเกิน
เมื่อคู่พระองค์ใช้พลังฝ่ามือมากไปเล็กน้อย จึงรั้งเอาไว้ไม่ทัน คงทำให้นางเจ็บแน่แล้ว
แต่ว่าเมื่อครู่พอตีป๊าบลงไปช่างให้ความรู้สึกที่ดียิ่งนัก
วิญญาณทมิฬเองก็ตกตะลึงไป มันหนีรอดมาได้ แต่ว่าน่าสงสารตู๋กูซิงหลันที่อยู่ดีๆ ก็ต้องมาถูกตีไปหนึ่งฝ่ามือ
มันชะงักไปชั่วครู่ ก็รีบส่งเสียงหงุงหงิงออกมา “หลันหลัน เจ้าจัดการกับฮ่องเต้สุนัขนั้นหน่อย มันจะตีข้า!”
“เจ้าดูสิ เขาถึงกับตีเจ้าจนก้นแตกลายเสียแล้ว หากว่าตีโดนข้าขึ้นมา มิใช่ว่าข้าจะต้องตายหรอกหรือ? หงิงๆๆ ~”
ตู๋กูซิงหลัน “…..”
จีเฉวียนอยากจะตบเจ้าสุนัขน้อยนั่นให้ตายเสียจริงๆ
พระองค์เหลือบมองดูตู๋กูซิงหลันที่ยังคงอยู่บนบ่า ก็ทำพระองค์น่าสงสารออกมาบ้าง “ซิงซิง เราไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะ เจ้าสัตว์อสูรที่เจ้าเลี้ยงเอาไว้มันไม่ใช่ตัวดีอะไร มันคิดจะกินเต้าหู้เจ้า”
วิญญาณทมิฬ “ก้นของหลันหลันดีกว่าเต้าหู้เละๆ เป็นไหนๆ กินเกินอะไรกัน ตาข้างไหนของเจ้าที่เห็นว่าข้ากิน?”
จีเฉวียน “เราเห็นจากดวงตาทั้งสองข้างนี้แล้ว”
วิญญาณทมิฬ “งั้นข้าก็กินไปแล้วสินะ กินไปแล้วล่ะนะ เจ้ากินไม่ได้ เฮอะ น่าอิจฉาไหมเล่า! วะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า…”
อย่างไรเสียก็ผิดใจกับฮ่องเต้สุนัขนี่จนถึงที่สุดไปแล้ว แล้วยังจะต้องไปสนใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้อีกทำไม?
จีเฉวียน “เจ้าสุนัขน้อย อย่าได้ลำพองว่าเจ้าเป็นสัตว์อสูรของซิงซิง แล้วจะทำอะไรก็ย่อมได้”
ความอดทนของพระองค์มีอยู่อย่างจำกัด
ทั้งยังคิดจะจับมันมาเฆี่ยนตีบนพื้นอยู่ก่อนหน้าแล้ว
ตู๋กูซิงหลันได้แต่ร้องไห้อย่างไร้น้ำตา ว่ากันตามจริง นี่มันใช่เวลาจะมาต่อล้อต่อเถียงกันเรื่องก้นของนางไหม?
ดูด้านหลังนั้นเสียก่อนซิ! ฉู่เจียงไล่ตามมาแล้วเห็นไหมเล่า!
นางกลัวจริงๆ ว่าฉู่เจียงจะพุ่งเข้ามาแล้วตะโกนว่า ‘ปล่อยก้นนั้นนะ ตาข้าบ้างแล้ว’ !
โถ่เว้ย!
จะปล่อยให้นางพูดสักสองประโยคไม่ได้หรือไงกัน? แค่เรื่องเข้าใจผิดกัน อธิบายเพียงไม่กี่ประโยคก็แก้ไขเรื่องราวได้แล้ว!
แต่ว่าตอนนี้สมองของนางกลับอื้ออึงไปหมดแล้ว ตอนที่พวกเขาประมือกันนางยังถูกจับพลิกไปมาอีกหลายตลบ จนอยากจะอ้วกออกมา
ในลำคอของนางจุกแน่นไปหมดแล้ว พูดอะไรไม่ออกสักคำเดียว
ตอนนี้ตู๋กูซิงหลันรู้สึกแต่ว่าฉู่เจียงช่างตาบอดจริงๆ!
ฉู่เจียงไล่ตามมาด้วยความโมโกรธา ยามนี้เขาแบ่งร่างออกไปถึงสิบร่าง พุ่งเข้ามาปิดล้อมจีเฉวียนเอาไว้ทุกทาง
“ข้าเคยบอกแล้ว เหยื่อของข้า ใครก็ห้ามแตะต้อง” สองตาของเขาจับจ้องไปที่จีเฉวียน “วันนี้พวกเจ้าบังอาจจับก้นนาง ข้าก็จะเฉือนก้นของพวกเจ้าออกมาเป็นการชดใช้!”
——
ตอนต่อไป “ลายสักของฉู่เจียง”