ตอนที่ 1012 รับผิดชอบ
เมื่อได้ยินเสียงประตูตำหนักถูกเปิดออกต่งซื่อและหมอหงจึงหันไปมอง พวกเขาเห็นเซียวหรงเหยี่ยนประคองไป๋ชิงเหยียนเดินออกมาด้านนอก ต่งซื่อรีบปรับสีหน้าที่ราบเรียบและนอบน้อมตอนปรึกษากับหมอหงเมื่อครู่ จากนั้นมองไปทางไป๋ชิงเหยียนและเซียวหรงเหยี่ยนด้วยสีหน้าบึ้งตึง
เซียวหรงเหยี่ยนเห็นต่งซื่อจึงปล่อยมือออกจากไป๋ชิงเหยียน จากนั้นคุกเข่าคำนับต่งซื่ออีกครั้ง “มารดา อาเหยี่ยนปรึกษากับอาเป่าเรียบร้อยแล้วขอรับ เราจะบอกกับคนภายนอกว่าเหยี่ยนป่วยหนัก มีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน อาเป่าจึงแต่งงานกับเหยี่ยนเพราะความรัก เช่นนี้แม้งานแต่งงานเกิดขึ้นอย่างกะทันหันก็ยังสามารถอธิบายได้ คืนนี้เหยี่ยนจะป่วยหนัก จากนั้นเชิญหมอหลวงหวงมาตรวจอาการด้วยตัวเองเพื่อพิสูจน์ว่าเหยี่ยนมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกไม่นานขอรับ”
เมื่อต่งซื่อได้ยินคำของเซียวหรงเหยี่ยนจึงวางใจลงไม่น้อย อาเป่าคือจักรพรรดินีแห่งต้าโจว การแต่งงานคือเรื่องใหญ่ พิธีการซับซ้อนวุ่นวาย นางยังกังวลเรื่องนี้อยู่เลย ทว่า หากอ้างว่าเซียวหรงเหยี่ยนป่วยหนักจึงจัดงานแต่งอย่างเรียบง่าย แม้จะกระชั้นชิดไปหน่อย ทว่า ยังสามารถแก้ต่างได้
การที่เซียวหรงเหยี่ยนป่วยหนัก ทว่า อาเป่ายังยินดีที่จะแต่งงานกับเขาจะส่งผลดีต่อชื่อเสียงของอาเป่าอย่างแน่นอน
ต่งซื่อถอนหายใจออกมา นางเห็นบุตรสาวกำลังมองมาที่นางยิ้มๆ ต่งซื่อโมโหจนอยากตีบุตรสาวสักสองที ทว่า ตอนนี้พวกนางอยู่นอกตำหนักจึงไม่สามารถทำเช่นนั้นได้
ต่งซื่อกระแอมออกมาเล็กน้อย จากนั้นกล่าวเสียงเย็น “เช่นนั้นก็กลับไปเตรียมตัวเถิด อย่าให้มีข้อผิดพลาดเด็ดขาด”
เซียวหรงเหยี่ยนก้มศีรษะคำนับต่งซื่ออีกครั้ง “ขอบพระคุณมารดามากขอรับ”
“รีบไปเถิด…” ต่งซื่อเร่งเซียวหรงเหยี่ยนราวกับไม่อยากเห็นหน้าเขาในตอนนี้
“อาเหยี่ยนขอตัวก่อนขอรับ” เซียวหรงเหยี่ยนลุกขึ้นยืน โค้งกายคำนับอีกครั้ง เขาหันไปมองไป๋ชิงเหยียนอีกครั้ง จากนั้นเดินจากไป
“เว่ยจง!” ต่งซื่อนึกขึ้นได้จึงรีบตะโกนเรียกเว่ยจงที่ยืนอยู่ห่างออกไป “รีบไปห้ามคนที่ไปเชิญใต้เท้าต่งและใต้เท้าหลิ่วกรมพิธีการไว้ก่อน!”
เว่ยจงเตรียมจากไป ทว่า ไป๋ชิงเหยียนส่งสัญญาณให้เว่ยจงไม่ต้องรีบร้อน
“ท่านแม่ ข้าคิดว่าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้เจ้าค่ะ ท่านแม่ให้คนไปเชิญท่านลุงและใต้เท้าหลิ่วมาปรึกษาเรื่องนี้ได้ ท่านแม่ร้อนใจเรื่องการแต่งงานของข้าถือเป็นเรื่องปกติเจ้าค่ะ อาเป่าเป็นลมเพราะหักโหมทำงานมากเกินไป ท่านแม่จึงอยากให้อาเป่ารีบแต่งงานจะได้มีเวลาคิดเรื่องอื่นและพักผ่อนมากกว่านี้ ท่านแม่เชิญท่านลุงและใต้เท้าหลิ่วมาปรึกษา ทว่า เซียวหรงเหยี่ยนกลับล้มป่วยหนักอย่างกะทันหันพอดี เช่นนี้ทุกอย่างจะได้ไม่ดูเป็นการจงใจเกินไปเจ้าค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว
ไป๋ชิงเหยียนเอื้อมมือไปคล้องแขนต่งซื่อ “แม้อาเป่าจะรู้สึกผิดที่ต้องหลอกลวงท่านลุงและใต้เท้าหลิ่ว ทว่า หากพวกเราเรียกคนกลับมาตอนนี้ หากต่อมาเซียวหรงเหยี่ยนป่วยหนัก อาจดูเป็นการจงใจจัดฉากเกินไปเจ้าค่ะ คนฉลาดหรือคนฉลาดที่ไม่หวังดีต่อเราอาจจับพิรุธได้ ที่สำคัญท่านแม่อยากรบกวนให้ท่านหมอหงย้ายมีอยู่ดูแลข้าอย่างใกล้ชิด พวกเราต้องมีเหตุผลที่น่าเชื่อถือเจ้าค่ะ อาเป่าเสียใจกับการจากไปของเซียวหรงเหยี่ยน ท่านแม่เป็นห่วงอาเป่าจึงให้ท่านหมอหงมาอยู่ดูแลอย่างใกล้ชิดคือเหตุผลที่ดีที่สุดเจ้าค่ะ”
“เหตุใดตอนนี้สมองของเจ้าจึงได้ฉลาดเช่นนี้กัน!” ต่งซื่อยังคงโมโหอยู่
“ท่านแม่ อาเป่าผิดไปแล้วเจ้าค่ะ วันนี้ท่านแม่ตักเตือนอาเป่า วันหน้าอาเป่าจะระวังตัวให้มากกว่านี้ เข้มงวดกับตัวเองให้มากกว่านี้เจ้าค่ะ!” ไป๋ชิงเหยียนถอยหลังไปหนึ่งก้าว จากนั้นโค้งกายคำนับต่งซื่อ
เมื่อเห็นท่าทีของบุตรสาว แม้ก่อนหน้านี้ต่งซื่อจะโมโหมากเพียงใด บัดนี้ความโมโหกลับลดลงเกือบครึ่ง นางประคองร่างของบุตรสาวให้ลุกขึ้น จูงมือบุตรสาวไปยังตำหนักใหญ่พลางกล่าวขึ้น “ตอนนี้เจ้าไม่ได้ตัวคนเดียวอีกต่อไปแล้ว แม้งานเมืองจะยุ่งมากเพียงใด เจ้าก็ต้องพักผ่อนให้เพียงพอ…”
ไป๋ชิงเหยียนคล้องแขนมารดาเดินผ่านเงาของโคมไฟหกเหลี่ยมตรงระเบียงทางเดินที่สะบัดไปมาตามแรงลมไปยังตำหนักใหญ่ นางฟังเสียงกำชับของมารดาไปตลอดทาง ขอบตาร้อนผ่าวขึ้นเรื่อยๆ
โคมไฟสีเหลืองนวลของวังหลวงทำให้ต่งซื่อนึกถึงตอนที่นางตั้งครรภ์ครั้งแรก นึกถึงสามีของตัวเอง…
ไป๋ฉีซานนอนไม่หลับหลายคืนติดต่อกัน เขาแอบนอนใช้หลังมือเช็ดน้ำตาลับหลังต่งซื่อ เขาเสียใจที่พาบุตรสาวไปออกรบในสนามรบ ทว่า ไม่ได้ปกป้องบุตรสาวให้ดีทำใหบุตรสาวไม่สามารถมีบุตรได้ แม้เด็กคนนี้มาในเวลาที่ไม่เหมาะสม ทว่า ต่งซื่ออดคิดไม่ได้ว่าหากสามีของนางรู้ว่าอาเป่าตั้งครรภ์ได้ เขาจะดีใจมากเพียงใด
วันเดียวกันต่งชิงผิงและใต้เท้าหลิ่วถูกเชิญเข้ามาในวังหลวง พวกเขานั่งฟังต่งซื่อเอ่ยถึงเรื่องการแต่งงานของไป๋ชิงเหยียนอยู่บนที่นั่งถัดจากต่งซื่อ ต่งซื่อให้ทั้งสองคนช่วยคิดแผนการ ต่งชิงผิงและหลิ่วหรูซื่อโล่งใจมาก
ทั้งสองคนเดินออกมาจากตำหนัก หลิ่วหรูซื่อกล่าวกับต่งชิงผิงยิ้มๆ “ช่วงนี้ซือถูลำบากแล้ว!”
ต่งชิงผิงรู้ว่าหลิ่วหรูซื่อหมายถึงเรื่องที่เขาไปเสาะหารูปวาดของบุรุษรูปงามทั่วทั้งเมืองเพื่องานแต่งงานของไป๋ชิงเหยียน เขากล่าวขึ้น “บัดนี้ฝ่าบาทขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดินี ผู้คนมากมายต่างอยากให้ฝ่าบาทรีบอภิเษกสมรส ประสูติทายาทให้แก่ราชวงศ์เร็วๆ”
“ประสูติทายาท…” หลิ่วหรูซื่อกำหมัดแน่น ลมเย็นพัดโดนใบหน้าของหลิ่วหรูซื่อ ปรอยผมของเขาเลิกขึ้นเล็กน้อย หลิ่วหรูซื่อกล่าวเสียงเบา “ฝ่าบาทคือสตรี การตั้งครรภ์คือการเอาชีวิตของตัวเองไปเสี่ยงอันตาย ข้าอดเป็นกังวลไม่ได้…”
ตั้งแต่ที่ไป๋ชิงเหยียนขึ้นครองราชย์ หลิ่วหรูซื่อเห็นราชสำนักที่โปร่งใส เห็นความเพียรพยายามของไป๋ชิงเหยียน ชื่นชมที่ไป๋ชิงเหยียนกล้ามอบอำนาจให้ขุนนางจัดการกับระบอบการปกครองใหม่ การที่ขุนนางได้พบจักรพรรดิที่ใจกว้างและปรีชาชาญเช่นนี้ถือเป็นโชคดีในชีวิตของพวกเขา แม้จะรู้ว่าการคิดเช่นนี้ไม่ถูกต้อง ทว่า หลิ่วหรูซื่อกลัวจะเสียจักรพรรดิที่ดีเช่นนี้ไปโนเวลพีดีเอฟ
ต่งชิงผิงมองหลิ่วหรูซื่อที่ขยับริมฝีปากเหมือนอยากจะกล่าวสิ่งใดออกมา เขารู้ดีว่าหลิ่วหรูซื่อคิดสิ่งใดอยู่ ในฐานะขุนนาง การได้เจอจักรพรรดิอย่างไป๋ชิงเหยียนคือโชคดีของพวกเขา
“พวกเราคิดเรื่องพวกนี้เร็วเกินไปแล้ว พวกเราทุกคนล้วนรับรู้พระวรกายของฝ่าบาทดี พวกเราต้องรอลุ้นเรื่องทายาทอีกนาน จะมีหรือไม่คงขึ้นอยู่กับเจตนารมณ์ของสวรรค์แล้ว” ต่งชิงผิงเอื้อมมือไปตบไหล่ของหลิ่วหรูซื่อยิ้มๆ “ท่านเสนาบดีกรมพิธีการ พิธีอภิเษกสมรสของฝ่าบาทคือเรื่องใหญ่ ต้องรบกวนท่านดูแลลำดับพิธีการต่างๆ ด้วย”ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
เมื่อเห็นต่งชิงผิงเดินลงจากบันได หลิ่วหรูซื่อมองไปทางอดีตเจ้านายเก่าของตัวเองอย่างตกตะลึง จากนั้นรีบวิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว “ไทเฮาให้ใต้เท้ารับผิดชอบร่วมกับข้าไม่ใช่หรือขอรับ”
“ตอนนี้เจ้าคือเสนาบดีกรมพิธีการ เจ้าใหญ่ที่สุดในกรมพิธีการ เจ้าย่อมควรเป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้”
“ท่านจะกล่าวเช่นนี้ไม่ได้นะขอรับ ต่งซือถูท่านคือท่านลุงแท้ๆ ของฝ่าบาทนะขอรับ!”
ต่งชิงผิงและหลิ่วหรูซื่อจากไปโดยที่คนหนึ่งเดินนำอีกคนเดินตาม
เซียวหรงเหยี่ยนเพิ่งกลับถึงที่พักของตัวเอง ชายหนุ่มเตรียมไปปรึกษาเรื่องแผนการป่วยหนักของตัวเองในคืนนี้กับลูกน้อง ทว่า จู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากทางด้านหลัง ดวงตาของเซียวหรงเหยี่ยนเยือกเย็นขึ้นทันที เขาชะงักฝีเท้า จากนั้นหันกลับไปรับหมัดที่พุ่งตรงมาทางเขาได้อย่างรวดเร็ว มีดคมไหลออกมาจากแขนเสื้อ เซียวหรงเหยี่ยนเตรียมแทงมีดไปที่คู่ต่อสู้ ทว่า เมื่อมองเห็นว่าอีกฝ่ายคือไป๋ชิงอวี๋ที่สวมหน้ากากเขี้ยวสีเขียวบนใบหน้า เซียวหรงเหยี่ยนจึงรีบลดมีดลง
“เจ้า…”
เซียวหรงเหยี่ยนยังไม่ทันกล่าวจบ หมัดหนักของไป๋ชิงอวี๋กระแทกลงที่ใบหน้าของเขาเสียก่อน เซียวหรงเหยี่ยนเซถอยหลังไปชนต้นไม้ใหญ่
ไป๋ชิงอวี๋กำหมัดแน่น หน้าอกสั่นไหวอย่างรุนแรง
เซียวหรงเหยี่ยนเอนหลังพิงต้นไม้ใหญ่ เก็บมีดลงตามเดิม จากนั้นกล่าวขึ้น “เจ้าจะลงมือกับข้าที่โรงเตี๊ยมนี่จริงๆ หรือ”
**********************